เมื่อ 3 พิธีกรของเราถูกจับมาทำ Blind Test มาดูผลกันว่า Tidal ที่เล่นเพลงระดับ Lossless จะเสียงดีแตกต่างจากบริการอื่นๆ แค่ไหน แล้ว Apple Music และ LINE Music มีคุณภาพเสียงดีระดับที่เหล่าพิธีกรของเรา
ปล. LINE Music เวอร์ชั่นล่าสุดสามารถเซฟเพลงเก็บลงในเครื่องได้แล้ว
ออกอากาศเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2558
Tidal vs. Apple Music vs. LINE Music
Apple Music
ค่ายเพลงไทย: Spicy Disc, Bakery Music, Sony BMG, LOVEiS, Believe Record, Small Room พูดง่ายๆ ศิลปินไทยในกลุ่มอินดี้จัดว่ามาครบเลย แต่ไม่มี RS, GMM Grammy
ค่ายเพลงต่างประเทศ: มาครบ โดยเฉพาะอัลบั้ม 1989 ของ Taylor Swift ที่มีให้บริการใน apple music เท่านั้น
คุณภาพเพลง
รูปแบบ AAC ที่มี bitrate ราว 256 kbps แต่จะแปรผันตามความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ผู้ฟังใช้ ผู้ฟังไม่สามารถเลือก bitrate ได้เอง
จุดเด่น
- ติดตั้งมาพร้อมอุปกรณ์ iOS ทุกเครื่อง (ที่สามารถอัปเป็น iOS 8.4 ได้) และในอนาคตจะสามารถใช้ได้ใน Android อีกด้วย
- แนะนำเพลงตามศิลปินหรือแนวเพลงที่ชื่นชอบ
- iTunes Radio สถานีวิทยุที่จะคัดเพลงจากแนวศิลปินที่ชื่นชอบมาเล่นให้โดยอัตโนมัติ
- Beats 1 สถานีวิทยุรูปแบบดั้งเดิมที่มีดีเจคอยเลือกเพลงมาเปิดให้ฟัง มีสัมภาษณ์ศิลปิน ซึ่งสำหรับใครที่คิดถึงบรรยากาศการฟังวิทยุจริงๆ Beats 1 ก็ฟังเพลินไม่น้อย
- มี Playlist มากมายให้ได้ระลึกถึง
จุดสังเกต
- อินเทอร์เฟซซับซ้อนเกินวิสัยแอปเปิ้ล
- Connect สื่อสังคมออนไลน์สำหรับให้แฟนๆ ได้ติดตามศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ คล้ายๆ iTunes Ping ที่ต้องได้รับการพิสูจน์
- เพลงใน Apple Music นั้นแตกต่างกันไปตามภูมิภาคที่เปิดให้บริการ เช่นใช้บัญชีญี่ปุ่นก็จะเลือกเพลงญี่ปุ่นใน Apple Music มากกว่าใช้บริการในภูมิภาคอื่นๆ
- ไม่มีอัลบั้ม The Bright Side ของ Lenka ไม่มี MJ Xscape
ค่าบริการ
$4.99 ต่อเดือน และ $7.99 ต่อเดือนสำหรับการฟังในครอบครัว ที่แชร์บัญชีกันใช้สูงสุด 6 คน โดยช่วงแรกจะมีการให้ทดลองใช้ยาวนานถึง 3 เดือน
Tidal
ค่ายเพลงไทย: ค่ายในกลุ่ม indy คล้ายๆ Apple Music แต่เพลงไม่เยอะเท่า แล้วก็ไม่มี GMM, RS
ค่ายเพลงต่างประเทศ: มีให้เลือกเยอะ แต่ไม่มีอัลบั้มแรงๆ อย่าง 1989 หรือ V ของ Maroon 5 ที่มีเพลง Sugar
คุณภาพเพลง
เลือกคุณภาพในการฟังได้ 3 แบบ
- Normal ที่เป็นการบีบอัดในรูปแบบ AAC + 96 kbps ที่ให้เสียงดีกว่า MP3 128 kbps สมัยแผ่นประเทืองในบ้านเรา ก็เหมาะสำหรับการฟังผ่านเครือข่าย 3G
- High ที่ให้เพลงในรูปแบบ AAC 320 kbps ก็ให้คุณภาพเทียบเคียงกับแผ่น CD แล้ว
- HiFi ที่ให้คุณภาพเสียงในระดับเดียวกับแผ่น CD ด้วยการบีบอัดในแบบ FLAC ก็เหมาะสำหรับการฟังผ่าน Wifi เท่านั้น
จุดเด่น
- บริการเดียวตอนนี้ที่มีเพลงระดับ Lossless เหมาะสำหรับคนที่รักความสมบูรณ์แบบ
- Playlist เพลงจัดมาอย่างดี
- มีระบบแนะนำศิลปินใหม่ๆ ให้ได้รู้จักกัน เพียงแต่ว่าแนะนำศิลปินต่างประเทศ
- มี Music Video ให้ดูด้วย
จุดสังเกต
- เพลงไทยมีน้อยที่สุดใน 3 บริการที่หยิบมา
- ไม่มีรูปแบบการฟังแบบวิทยุ
ค่าบริการ
- 179 บาท สำหรับการฟังเพลงในระดับ High
- 358 บาท สำหรับการฟังเพลงแบบ Hifi
LINE Music
ค่ายเพลงไทย: RS, Spicy Disc, Bakery Music, Sony BMG, LOVEiS,
ค่ายเพลงต่างประเทศ: มีค่อนข้างน้อย
คุณภาพเพลง
ไม่ระบุ
จุดเด่น
- มีเพลง RS ย้อนกลับไปได้ไกลมาก
- สามารถแชร์เพลงให้เพื่อนฟังผ่าน LINE ได้
- ทำการตลาดเฉพาะเจาะจงในไทย มีเพลงค่าย RS, Sony ที่ไม่เคยเปิดให้ฟังที่ไหน ให้ฟังก่อนใน LINE Music
- ค่าบริการถูกที่สุด
จุดสังเกต
- นอกจากเพลง RS แล้ว เพลงค่ายอื่นๆ น้อยมาก อย่าง Girl Generation ไม่มี, Maroon 5 ไม่มี, เพลงญี่ปุ่นไม่มี
- ไม่สามารถฟังผ่านคอมพิวเตอร์ได้
- เพลงที่ส่งให้ ถ้าเพื่อนไม่ได้เป็นสมาชิก LINE Music ก็ฟังได้แค่ 30 วินาทีอยู่ดี
- ไม่มีการฟังในแบบวิทยุ
ค่าบริการ
$1.99 ต่อเดือน