Our score
8.0Intel Core i9-10900K
จุดเด่น
- ราคาที่ไม่สูงมาก หากเทียบกับรุ่นก่อน ๆ หรือแม้แต่รุ่น Top ของอีกค่าย
- ประสิทธิภาพแบบ single-threaded ที่ดีกว่าเจ้าอื่น ๆ
จุดสังเกต
- เอาชนะคู่แข่งไม่ได้ในการทำงานแบบ multi-threaded
- ไม่รองรับ PCI-E 4.0
- ใช้พลังงาน และ ความร้อนที่เยอะมากเกินไป
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกคน ก่อนอื่นเลยต้องยินดีกับแฟน ๆ ของ Intel ด้วยครับ หลังจากที่ปล่อยให้ AMD ครองตลาด PC Desktop อยู่นาน หลังจากการมาของ Ryzen 3000 ที่ทำเอาตลาด CPU ต้องปั่นป่วนกันเลยทีเดียว และเราก็ได้ Intel Core i9-10900K มารีวิว!
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือหลุดออกมาต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับ CPU Intel 10th Gen ที่มีมาให้อ่านกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นผลทดสอบที่หลุดออกมา หรือไม่ก็จำนวนรุ่นต่าง ๆ ราคา และอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ Intel ได้เปิดตัว CPU 10th Gen Desktop อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยข้อมูลรายละเอียดที่ปล่อยออกมา ก็จะเป็นพวกจำนวนรุ่น ราคา และฟีเจอร์ต่าง ๆ และมีร้านค้าเจ้าใหญ่ ๆ ได้เปิดให้สั่งจองสินค้ากันไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับ CPU Intel 10th Gen นั้นจะเป็น CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม Comet Lake S-Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเจ้าตัว Comet Lake นี้จะเป็นคนละตัวกับ Ice Lake ที่ใช้ 10nm นะครับ เพราะตัว Comet Lake นั้นยังคงใช้ 14nm อยู่ แต่ทั้งสองก็ถือว่าเป็น 10th Gen ทั้งคู่ โดยนอกจากนี้ Comet Lake ก็ยังมี H-series และ U-series ที่ใส่อยู่ใน PC Laptop อีกด้วย โดย S-series ถือว่าเป็นชุดใหม่สำหรับ PC Desktop ครับ
หลังจากที่เปิดตัวไปได้ไม่นาน ทาง Beartai เองก็ได้รับ CPU Intel 10th Gen Desktop มาได้ทดสอบ โดยส่งตรงมาจาก Intel เพื่อใช้ในการ Review ในวันนี้ โดยตัวที่ผมได้รับมาทดสอบก็คือ Intel Core i9-10900K และ Intel Core i5-10600K มาพร้อมกับสุดยอด Mainboard อย่าง Asus ROG MAXIMUS XII EXTREME ที่รองรับ CPU Intel 10th Gen รุ่นล่าสุด อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากมาย โดยภายในวันนี้เราจะมาจัดเต็มกับข้อมูลทั้งหมดกันครับ
ก่อนที่เราจะเข้า Review หลัก ๆ ผมต้องบอกก่อนว่า Review ในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นการ Review แบบ Regular Consumer หรือเป็นการ Review แบบการใช้งานปกติ ที่เป็นคนทั่ว ๆ ไปที่ต้องการชื้อ CPU มาเพื่อใช้งานหรือเล่นเกม โดยที่ไม่ค่อยไปยุ่งกับระบบ Overlock อะไรมากนัก (แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลยนะ) เพราะมีผมเชื่อว่ามีหลาย ๆ คนที่ต้องการทราบข้อมูลถึงประสิทธิภาพการใช้งานจริง แบบไม่ต้องปรับตั้งค่าอะไรมากนักครับ และแน่นอนว่าสเปกคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้ Review ในครั้งนี้ก็เป็นสเปกทั่ว ๆ ไป ที่ราคาไม่ได้สูงมากครับ
- CPU: Intel Core i9-10900K
- RAM: G.Skill 16GB(8*8) DDR4 3000 Dual Channel
- VGA: Nvidia Geforce GTX 1070Ti 8GB
- Mainboard: Asus ROG MAXIMUS XII EXTREME
- PSU: Thermaltake Smart RGB 600W 80 Plus
และแน่นอน ขอขอบคุณ Intel ที่เป็นผู้สนับสนุน CPU ที่ใช้ Review ในครั้งนี้ด้วยครับ
ผลรีวิว Intel Core i9-10900K
มาเริ่มที่ตัว Top กันอย่าง Core i9-10900K เลยครับ ตัว CPU นั้นเป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake S-Series สำหรับ Desktop แบบ 14 nm โดยเจ้าตัวนี้จะมาพร้อมกับ 10 Core 20 threads โดยมี Clock Speed อยู่ที่ 3.7Ghz Turbo Boost ได้สุดที่ 4.8GHz และด้วยความสามารถของ Intel® Thermal Velocity Boost 3 สามารถเร่งให้สูงได้สุดที่ 5.3Ghz เลยทีเดียว ตัว CPU ได้ปลดล็อกมาให้แล้ว เหมาะกับสาย Overclock แน่นอน นอกจากนี้ก็ยังมี Graphics Processor ติดมาด้วยอย่าง Intel UHD Graphics 630 ครับ
Benchmark
Cinebench R20
คะแนน CPU อยู่ที่ 5724 และคะแนน Single Core อยู่ที่ 504
PassMark Performance Test 10.0
คะแนนอยู่ที่ 22844
3DMark Time Spy
คะแนน CPU อยู่ที่ 12727
Game Benchmark
ถ้าจะให้พูดถึง Game Benchmark จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะวัดความสามารถของ CPU กับเกมที่เน้นการใช้ CPU เป็นหลัก แต่เอาเข้าจริงแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้นสักเท่าไร แน่นอนว่าเกมที่ผมเอามาใช้เป็นตัว Benchmark ในครั้งนี้ ส่วนมากจะเป็นเกมแนว Strategy และ Open World เพื่อดึงความสามารถของ CPU มาให้ถึงที่สุดครับ
มาเริ่มกันกับ Red Dead Redemption 2 กันก่อนเลยครับ เกมนี้เป็นเกมที่ใช้สเปกเครื่องสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในเรื่องของ CPU และ GPU เองก็ตาม โดยผมไปปรับ Graphics ไว้สูงสุดเท่าที่จะปรับได้ และปรับความละเอียดภาพไว้ที่ Full HD Frame Rate ที่ได้ออกมาอยู่ที่ประมาณ 45-47 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเกมมีปัญหาในเรื่องการ Optimize อยู่มาก ถ้าหากมีการ Setting ดี ๆ ก็จะทำให้ได้ FPS ที่ดีกว่านี้ครับ
เกมต่อมาอย่าง Total War: Three Kingdoms เป็นเกมที่เรียกได้ว่าออกแบบมาสำหรับ CPU Intel 10th Gen เลยก็ว่าได้ครับ เพราะตัว CPU นั้นได้ Optimize มาสำหรับเกมนี้โดยเฉพาะ ในช่วงเปิดตัว CPU เมื่อปลายเดือนเมษานั้น ทาง Intel ได้บอกไว้เลยว่าจะแสดงผล Unit ได้มากกว่าเดิมถึง 6 เท่า แน่นอนว่าผมก็ไม่รอช้า เปิดเข้าเกมไป Benchmark ทันที โดยผลที่ออกมานั้นถือว่าน่าพอใจ ผมได้ลอง Test ทั้ง Battle Mode และ Dynasty Mode ทั้งสองทำ AVG Frame Rate ได้ที่ 55-60 โดยมี Unit อยู่เต็มฉากและไม่มีตกเลย ถือว่าดีมากครับ
ส่วนเกมอื่น ๆ ก็จะเป็นอย่าง Rainbow Six Siege ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ความสามารถของ CPU มากนัก แต่มันเป็นเกมที่ผมเล่นอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นจึงขอนำเอามันมา Benchmark ด้วยซะเลย แน่นอนว่าผมปรับกราฟิกไว้สูงสุดอย่างเคย และเล่นเกมที่ Full HD 1080p ตัวเกมทำ Frame Rate ได้สูงมากกว่า 160 และมีค่า avg อยู่ที่ 150-160 แบบนี้ใครที่ใช้จอ 144hz ก็คงหมดปัญหาเรื่องดัน Frame Rate ไม่ถึง
นอกจากนี้ก็จะมีเกมอย่าง Cities Skylines ที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าเกมนี้มันมาอยู่ในการ Benchmark ได้ยังไง แต่จริง ๆ แล้วเกมนี้เป็นเกมที่ใช้ทรัพยากร CPU อยู่มากเลยทีเดียวนะครับ ด้วยการที่มันเป็นเกมสร้างเมืองโดยใช้ฉากขนาดใหญ่เป็นแผนที่ พร้อมกับมีเหล่า Object ต่าง ๆ นา ๆ เต็มไปหมด ทำให้ตัว CPU นั้นต้องใช้การประมวลผลเยอะมากกว่า GPU สำหรับเกมนี้ แน่นอนว่าผมได้โหลดเมืองที่จำลองมาจาก GTA V Los Santos จากเดิมที่ Ryzen 1600 ของผมไม่เคยดันถึง 40FPS แต่เมื่อมาอยู่ในมือของเจ้า I9-10900K ตัวนี้ ทำให้ดันได้ถึง 62-66FPS avg เลยทีเดียว
และแน่นอนเมื่อพูดถึง GTA V แล้ว นอกจากว่ามันจะเป็นเกมสุดฮิตกันในช่วงนี้เพราะการมาของ FiveM มันก็ยังเป็นเกมที่เพิ่งจะแจกฟรีไปใน EPIC Game Store ผมจึงหยิบมันมา Benchmark อีกสักรอบครับ ผมได้ปรับ Setting ไว้สูงสุด แต่ยกเว้นในส่วนของ Advanced Graphics settings เอาไว้ โดย Frame Rate ที่ได้นั้นอยู่ที่ 130FPS avg และเมื่อเปิด MAX Setting ในส่วนของ Advanced Graphics settings ทั้งหมด ก็จะได้ที่ 60-70FPS ครับผม
นอกจากนี้ก็จะมีเกมอื่น ๆ อีกมากที่ผมพยายามทดสอบมันให้มากที่สุด อย่างเช่นเกมอย่าง Company of Heroes 2 ที่ถึงแม้จะเป็นเกมเก่าแล้ว แต่ก็ยังสนุก และใช้เวลาเล่นกับเพื่อน ๆ ได้เป็นอย่างดีสำหรับใครที่ชอบ RTS หรือเกมอย่าง Fallout 76 เกมที่มีปัญหาในเรื่องของ Optimization ก็ยังทำได้ดี โดยมี FPS อยู่ที่ 70FPS avg ใน MAX Setting หรือจะเป็นเกมอย่าง Conqueror’s Blade ที่มี Unit ในฉากมากกว่า 1000 พันตัว ก็เอาอยู่ และทำ Frame Rate ใน MAX Setting ไปได้ที่ 75FPS avg ครับ
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้น Intel Core i9-10900K สามารถเอาอยู่ได้ทุกเกมจริง ๆ และสมกับเป็นตัว Top ของ Series นี้ แต่คำถามที่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังคิดอยู่ก็คือ แล้วในเรื่องของพลังงานและความร้อนล่ะ …
ความร้อน
มาพูดถึงเรื่องอุณหภูมิกันก่อนเลยดีกว่า หลาย ๆ คนคงอาจจะสงสัยว่า เจ้า Gen 10 นี่จะร้อนมากไหม เพราะตัว CPU ยังคงผลิตแบบ 14nm อยู่ และด้วยขนาดที่ใหญ่ พร้อมกับมีการยัดใส่จำนวน Core เข้าไปเยอะ ๆ มันก็จะส่งผลให้ตัว CPU ร้อนกว่าเดิมได้
จากการใช้งานแบบ Idle คืออยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร และผ่านการใช้งานมาแล้วมากกว่าชั่วโมง มีการเล่นเกมไปบ้างแล้วตลอดทั้งวัน และปล่อยเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ความร้อนที่ได้คือ 44-48 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิห้องของผมเป็นห้องพัดลมธรรมดา ไม่ได้เป็นห้องแอร์ และมีอุณหภูมิห้องอยู่ที่ประมาณ 32-33 องศาเซลเซียสครับ
ผลทดสอบความร้อนผ่านการเล่นเกม ผมได้ลองเล่นอยู่ 2 เกมครับนั้นก็คือ Red Dead Redemption 2 และ Total War: THREE KINGDOMS โดยสำหรับ Red Dead 2 นั้นต้องบอกว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไร ผมปรับกราฟิกไว้เต็มสุด โดยเล่นไปได้ประมาณ 10-20 นาที ได้ความร้อนประมาณ 54-56 องศาเซลเซียส เพราะตัวเกมไม่ได้ใช้ประสิทธิภาพของ CPU มากขนาดนั้น แต่พอเมื่อมาลองเล่นกับเกม Total War: THREE KINGDOMS แน่นอนว่าผมปรับกราฟิกไว้สูงสุดทุกอย่าง ทำความร้อนได้ประมาณ 63-67 องศาเซลเซียสครับ
แน่นอนว่าเรามาดูการใช้งานผ่านโปรแกรม Benchmark หรือการใช้งานผ่านโปรแกรมต่าง ๆ กันบ้าง เริ่มจาก Cinebench R20 โปรแกรมสุดโหดที่เมื่อผมกด Run เมื่อไร CPU ก็จะเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ 100% ทันที ผลก็คือความร้อนที่ได้นั้นอยู่ที่ 89-92 องศาเซลเซียสครับ
อย่างไรก็ตาม ผลทดสอบความร้อนทั้งหมดนั้นเป็นการใช้งานผ่าน Heatsink ธรรมดาทั่วไป และมีอุณหภูมิห้องอยู่ที่ประมาณ 32-33 องศาเซลเซียส ซึ่งน่าจะเป็นอุณหภูมิปกติของบ้านเรา ถ้าหากใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ และแน่นอนว่าผมไม่ได้มีการ Overclock CPU เพิ่มเลยสักนิด และยังเลือกใช้ Thermal Compound ที่ดีมีคุณภาพอย่าง Arctic MX-4 อีกด้วย
พลังงาน
Intel Core i9-10900K ใช้ไฟเยอะมากครับ จากในใบระบุสเปกที่ผมได้มา รวมไปถึงใน CPU-Z ได้บอกไว้ว่า CPU ตัวนี้มี MAX TDP ที่ 125W แต่เอาเข้าจริงเมื่อมีการใช้งานหนัก ๆ เมื่อ CPU ทำงาน 100% ผ่าน Turbo Boost ไปที่ 4.9GHz มันก็จะใช้ไฟไปที่ 190-200W เลยทีเดียว แต่ถ้าหากเราใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมเป็นหลัก มันคงจะยากที่ CPU จะทำงานเต็มที่ 100% ตลอดเวลา
แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วการทำงานของ CPU ขณะเล่นเกม มันจะไม่ได้ทำงานพร้อมกันทุก Core แบบนั้น แต่จะมีการทำงานร่วมกัน ทำให้มีการใช้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 125W ตามที่สเปกบอกไว้ และมีความร้อนอยู่ในระดับพอดีที่ 50-60 องศาเซลเซียส กับเกมที่ไม่ได้ใช้ CPU มากขนาดนั้นครับ
แต่ถ้าหากเราพูดถึงการ Overclock ก็ลืมเรื่องทั้งหมดที่พูดถึงด้านบนไปได้เลยครับ อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า Intel Core i9-10900K หรือ Intel 10th Gen นั้น เป็น CPU แบบ 14nm ที่เพิ่มจำนวน Core เข้ามา ทำให้การใช้พลังงานมันจะเยอะขึ้นมาก บวกกับความร้อนที่เพิ่มมาแน่นอน
และถ้าหากเราจะยังไป Overclock มันอีก ผมอยากลองให้นึกภาพตามดูครับว่ามันจะหนักขนาดไหน
แน่นอน ว่าเพื่อการ Review ที่สมบูรณ์ พร้อมกับการที่ได้เจ้าตัว i9-10900K รุ่นที่ปลดล็อคมาแล้ว อีกทั้งยังมีสุดยอด Mainboard ราคา 24,000 บาท อย่าง Asus ROG MAXIMUS XII EXTREME ที่ราคาขนาดนี้ สามารถชื้อคอมพิวเตอร์สเปกกลาง ๆ มาใช้ได้แล้วครบชุด ถ้าไม่ไปยุ่งกับ Overclock เลย ก็คงจะเสียของเปล่า ๆ
ผมได้ใช้โปรแกรม Intel Extreme Tuning Utility มาเป็นเครื่องมือ พร้อมกับใช้โปรแกรมอย่าง Asus AI Suite โปรแกรมที่ใช้ AI มาช่วยเรา Overclock ได้โดยคลิกเดียว
ผมสามารถดันไปถึง 5.2GHz ได้ โดยมีระดับความร้อนอยู่ที่ 95 องศาเซลเซียส เมื่อทำงานแบบ 100% เมื่อวัดผลผ่านโปรแกรม Benchmark พร้อมกับ Stress Test แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นครับ เมื่อผมลองมาดูค่า TDP ปรากฏว่ามันใช้ไฟไปมากกว่า 300W นับว่าเป็นความโชคดีที่ผมตัดสินใจถอดการ์ดจอออกไปก่อนแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น PSU ของผมก็คงบินแน่ ๆ
สรุป
Intel Core i9-10900K เป็น CPU ที่ดีครับ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเป็น CPU ที่สาวก Intel ต้องพร้อมใจยอมจ่ายเงินเพื่อชื้อมันมาใช้ ในขณะที่ตัวเองใส่ Gen 8 หรือ Gen 9 อยู่แล้ว เพราะเอาเข้าจริง ๆ ถ้าไม่นับฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ใส่เพิ่มเข้ามาใน Gen 10 นั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับ CPU ที่ใส่ Core เพิ่มเข้ามา พร้อมกับ Speed ที่มากขึ้น และเอามาขายใหม่เลย โดยตอนนี้ราคา Intel Core i9-10900K จากหน้าร้าน JIB อยู่ที่ 18,900 บาทครับ
แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่า Intel 10th Gen ก็เป็น CPU ที่ดีอยู่เช่นกัน ถ้าหากใครที่กำลังจะประกอบคอมพิวเตอร์ใหม่ และใครที่เป็นสาวก Intel อยู่แล้ว 10th Gen เองก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
และแน่นอนว่า Review Intel 10th Gen เองยังไม่จบแค่นี้ เพราะเรายังมีตัวน้องรุ่นเล็กอย่าง Intel Core i5-10600K ที่ผมขอบอกเลยว่าเป็น Budget CPU ที่น่าสนใจสุด ๆ ขอให้ติดตามกันได้ แล้วพบกันเร็ว ๆ นี้ครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส