Our score
6.5The House of the Dead (Remake)
จุดเด่น
- เกมเพลย์รวดเร็วรองรับทุกการควบคุมบังคับ
- มี 2 โหมดหลักให้เล่นและมี Photo โหมด
จุดสังเกต
- กราฟิกไม่ได้ยกระดับเท่าที่ควร
- เกมเพลย์เหมือนเดิม ไม่ได้ยกระดับ
ทันทีที่มีการประกาศเปิดตัว The House of the Dead ฉบับรีเมกใหม่บน Nintendo Switch ก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอตัว เพราะหากคุณเป็นเด็กยุค 90S คงจะจำหนึ่งในตำนานเกมอาเขต ที่เชื่อว่าต้องเคยเสียเงินหยอดเหรียญเพื่อเล่นกันมาบ้าง และหลังจากห่างหายไปนานวันนี้มันกลับมาอีกครั้ง
อย่างที่บอกไปว่า The House of the Dead เป็นผลงานของค่าย SEGA ต้นฉบับเป็นเกมอาเขตเปิดให้เล่นในปี 1996 และมีการออกเวอร์ชันคอนโซลในยุคนั้นอย่าง SEGA Saturn แต่ภายหลังก็มีการออกบนหลายคอนโซลรวมทั้งมีให้เล่นบน PC ด้วย และมีการสร้างภาคต่อออกมาอีกหลายเกมแต่เนื่องจากรูปแบบการเล่นแบบเกมยิงที่บังคับได้แค่ปืนแล้วเล็งยิงเสื่อมความนิยมลงไปมากทำให้มันห่างหายไม่ได้ออกภาคต่อมาหลายปีแล้ว
ส่วน The House of the Dead (Remake) เป็นการนำภาคแรกมาสร้างใหม่ทั้งหมด โดยเรื่องราวในภาคนี้จะค่อนข้างเรียบง่าย ที่เราจะได้รับบทเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงาน AMS นาม “โธมัส โรแกน” และ “จี” ถูกส่งไปยังคฤหาสน์ลึกลับของเขาเพื่อหยุดยั้ง ดร.รอย ที่วางแผนครองโลกด้วยการทดลองสุดอันตรายที่เปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายร่างเป็นอสุรกายที่น่ากลัว
กราฟิกไม่ได้ดีอย่างที่คิด
ภาพในการกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งในตอนแรกที่ปล่อยตัวอย่างออกมา และแปะชื่อว่าเป็นการรีเมกทำให้แฟน ๆ คาดหวังไว้สูงพอสมควร แม้ว่ามันจะออกบนคอนโซลลูกผสมที่ไม่ได้แรงอะไรอย่าง Nintendo Switch แต่พอได้เห็นตัวจริงแล้วผิดหวังพอสมควร เพราะมันไม่ได้ดูดีมีรายละเอียดทั้งตัวละครและฉากดูเรียบ ๆ เกินไป ส่วนการเคลื่อนไหวก็ดูแข็ง ๆ เหมือนต้นฉบับราวกับว่าทีมงานสร้างตั้งใจทำให้มันดูเชยเหมือนหนังแนวย้อนยุค
โดยรวมแล้วภาพใน The House of the Dead (Remake) อยู่ในระดับ PS3 , XBox360 เท่านั้ถือว่าน่าผิดหวังไม่น้อย สำหรับเกมที่เรียกตัวเองว่าเป็นการรีเมก ส่วนเพลงประกอบก็ยกของเดิมมาปรับแต่งให้ทันสมัยขึ้น และก็มีเพลงที่ชวนตื่นเต้นเหมือนหนังแอ็กชันตามแนวทางการเล่นอยู่แล้ว แน่นอนว่ามีเสียงพากย์มาให้เหมือนเดิมด้วย แต่บอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างผิดหวังกับระบบภาพและเสียงของเกมพอสมควร อาจเป็นเพราะคาดหวังไว้มากเกินไปหน่อย
รูปแบบการเล่นเหมือนเดิม
หากคุณเกิดทันเล่น The House of the Dead คงจะรู้ว่ามันคือเกมยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เราจะใช้อาวุธปืนเป็นหลักในการเล่น และจะมีกระสุนไม่จำกัดยิงออกมาได้เรื่อย ๆ แต่ต้องคอยรีโหลดกระสุนตลอด ซึ่งใครเคยเล่นคงจะจำเสียงเตือนตอนกระสุนหมดได้ดี เพราะเป็นเอกลักษณ์ของตัวเกมและมันก็ยังคงอยู่ในภาครีเมกด้วย และอีกจุดที่เหมือนเดิมคือการที่เราไม่สามารถบังคับตัวละครให้เดินตามใจได้ เกมจะบังคับให้เราเล่นไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามในบางส่วนผู้เล่นจะสามารถเลือกเส้นทางการเล่นได้เล็กน้อย ผ่านการยิงไปยังจุดที่ต้องการไปเช่นการกดปุ่มลิฟต์ ทำให้พอจะกลับมาเล่นได้อีกรอบ ส่วนจุดที่เหมือนเดิมแต่ก็เป็นข้อดีคือความรวดเร็วในการเล่น ที่การเลื่อนไปของมุมกล้องจะมีความเร็วสูงมากเหมือนเดิม และตัวเกมจะเดินเรื่องเร็วมากแบบเกมอาเขตที่ไม่มีเวลาให้พักหายใจกันมากนัก แต่บนคอนโซลเราสามารถกดปุ่มเพื่อหยุดได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ทำให้โดยรวมแล้วมันเหมือนรูปแบบเกมอาเขตแบบคลาสสิกที่แบ่งออกเป็นด่าน ๆ และมีศัตรูเป็นซอมบี้และปีศาจที่หลากหลาย ที่มาผสานกับเรื่องราวนิยายวิทยาศาสตร์ได้ลงตัว อย่างไรก็ตามมันน่าผิดหวังไปหน่อยเพราะมันเหมือนกับการยกเอาเกมต้นฉบับมาปรับเปลี่ยนกราฟิกให้ดูดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ดูดีมากเพราะอย่างที่บอกไปว่ามันเป็นภาพระดับ PS3 หรือ Xbox 360 เท่านั้น
รองรับการบังคับหลายรูปแบบและมีโหมดใหม่
แม้ว่าเกมเพลย์จะไม่หลากหลายเท่าที่ควร เพราะมันเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปมากตามที่ทีมงานสร้างคุยไว้ แต่ที่น่าสนใจคือการควบคุมบังคับที่บน Nintendo Switch จะสามารถถอดเอา Joy-con ออกมาเล่นแบบเล็งยิงไปที่หน้าจอทีวีเหมือนกับการใช้จอยปืนต้นฉบับเกมอาเขตได้ และถือว่าทำได้ดีในระดับน่าพอใจ แต่หากคุณอยากใช้จอยปรกติเล่นก็สามารถใช้แอนะล็อกบังคับตัวเล็งปืนได้เช่นกัน และยังสามารถใช้ระบบจับการเคลื่อนไหวของ Joy Pro บังคับได้ด้วยเช่นกัน
อีกส่วนที่น่าสนใจคือโหมดเพิ่มเติมที่หลัก ๆ จะมีโหมดต้นฉบับ Original ที่เหมือนกับการเล่นเดิม ๆ ที่เราคุ้นเคยแต่ปรับกราฟิกให้ดีขึ้น และโหมด Horde ที่ปรับการเล่นให้โหดขึ้นมีศัตรูมากกว่าเดิม และยังปรับมุมมองในการเจอศัตรูบางตัวด้วย แต่โดยรวมแล้วมันก็คือเกมเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าที่ควร แต่ก็ดีกว่าไม่มีมาให้ นอกจากนี้สายเก็บภาพมีการใส่ Photo โหมดเข้ามาให้จับภาพตัวซอมบี้ด้วย
การกลับมาไล่ยิงซอมบี้ใน The House of the Dead (Remake) ถือว่าน่าผิดหวังเล็กน้อยถ้าคุณอยากจะหาอะไรสดใหม่ เพราะมันมีไม่มากนักฉากส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม ตัวละครเดิมเนื้อเรื่องเดิม ๆ ที่ไม่ได้เสริมอะไรมากเท่าที่ทีมงานคุยไว้ แต่สำหรับแฟนตัวจริงที่อยากสัมผัสความสนุกของเกมยิงสุดคลาสสิก ถือว่ามันพอจะมีมาให้สัมผัสอยู่บ้าง และเมื่อเทียบราคาขายตอนเปิดตัวที่ไม่ได้แพงอะไรใครอยากหาเกมยิงที่เล่นกับเพื่อนได้พร้อมกันถือว่าพอจะหาความคุ้มค่าได้บ้าง แต่หากคาดหวังว่ามันจะมีภาพของเกมยุคใหม่หรือเกมเพลย์สดใหม่มันคงไม่ใช่คำตอบ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส