Our score
9.0Live A Live
จุดเด่น
- กราฟิกดูดีในรูปแบบของเกมคลาสสิก
- เกมเพลย์ยังคงสนุกเหมือนเดิม
- เนื้อเรื่องดีงามมาก
จุดสังเกต
- เกมสั้นไปหน่อย
หนึ่งในตำนานของแฟน ๆ เกมแนว JRPG ในยุค 90S นอกจาก Final Fantasy และ Dragon Quest แล้วเชื่อว่าต้องมีหลายคนหลงรัก Live A Live เกมในตำนานของค่าย Square Soft (ก่อนเป็นค่าย Square Enix) ที่โดดเด่นและแตกต่างจากเกมที่ออกในช่วงเดียวกันมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างมากที่มันไม่เคยออกภาคภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการมีแต่แฟน ๆ แปลกันเอง และไม่เคยวางขายนอกญี่ปุ่น
จนล่าสุดมีการนำ Live A Live มารีเมกใหม่หมดในรูปแบบ HD-2D ที่เรียกว่าเซอร์ไพรส์กันสุด ๆ เพราะแทบไม่มีข่าวหลุดมาก่อนว่าจะมีการนำตำนานเกม RPG ที่ถูกลืมที่มีแฟน ๆ เคยประทับใจมากมายมาทำใหม่ โดยต้นฉบับออกวางขายในปี 1994 บน Super Famicom และเชื่อว่ามีแฟนชาวไทยเคยเล่นอยู่พอสมควร ทำให้การกลับมาอีกครั้งบน Nintendo Switch ได้รับเสียงตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดตัวอย่างแรก
โดยความโดดเด่นของ Live A Live คือเรื่องราวที่จะแบ่งออกเป็น 7 เนื้อเรื่องหลักให้เราเลือกเล่นก่อนจะปลดล็อกตอนที่ 8 และนำพาไปสู่ด่านสุดท้ายที่มีความแตกต่างกันหมดทุกตอน เพราะมีการแบ่งเป็นยุคสมัยเช่นยุคหิน, ยุคกลาง หรือโลกอนาคตบนอวกาศ และยังได้นักวาดการ์ตูนระดับตำนานมาออกแบบตัวละคร ทำให้มันโดดเด่นตั้งแต่ต้นฉบับ แต่น่าเสียดายที่ภาครีเมกใช้ลายเส้นเดียวกันหมดแต่ก็มีการวาดให้อ้างอิงต้นฉบับมากที่สุด
กราฟิก HD-2D ที่เข้ากันมาก
หลังจากค่าย Square Enix ออกแบบกราฟิกแบบ HD-2D เข้ามาใช้ในเกม Octopath Traveler’s ที่สามารถนำภาพแบบพิกเซล 2 มิติ ให้มีความละเอียดสูงและใส่แสงเงาแบบเกมยุคใหม่ได้ลงตัว แถมด้วยมุมมองที่ทำให้มีมิติมากขึ้นทำให้มันเกิดไอเดียในการคืนชีพเกมเก่าด้วยกราฟิกแบบนี้ และ Live A Live ก็คือหนึ่งในนั้น และผลออกมาทำได้ดีมาก ๆ เพราะมันทำให้ตำนานยุค 16Bit กลับมามีชีวิตอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการใส่มุมกล้องใหม่ที่เป็น 3 มิติเข้าไปในบางจุดทำให้มันดูทันสมัยและไม่เชยเลยแม้จะไม่มีคัตซีนแบบการ์ตูนเต็ม ๆ มาให้ชมก็ตาม
ส่วนที่เป็นตำนานของ Live A Live คือเพลงประกอบที่ได้ โยโกะ ชิโมมูระ (Yoko Shimomura) มาแต่งเพลงให้และมีตำนานของวงการอย่างเพลง Megalomania อยู่ด้วย และในภาครีเมกมีการทำดนตรีใหม่หมดให้ทันสมัยและใส่เสียงของเครื่องดนตรีจริงเข้าไป รวมทั้งเสียงพากย์ก็ใส่เข้าเพื่อช่วยเสริมเรื่องราวและจัดเต็มมาก และยังช่วยให้การเล่าเรื่องยอดเยี่ยมขึ้นหลายเท่า และข่าวดีคือมีการใส่เนื้อร้องในฉากของตัวละคร Akira ที่ได้ ฮิโรโนบุ คาเงยามะ (Hironobu Kageyama) มาร้องเพลงประกอบด้วย เรียกว่าการรีเมกครั้งนี้ลงทุนแบบจัดเต็มสุด ๆ
เกมเพลย์ RPG เดิม ๆ ที่แตกต่าง
รูปแบบการเล่นของ Live A Live หลัก ๆ จะเหมือนเกม RPG ทั่วไปที่จะใช้การใส่คำสั่งแบบเทิร์นเบส ที่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้และมีฉากเดินบนแผนที่ ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะดูน่าเบื่อแต่ผู้สร้างมีการใส่ความแตกต่างเข้าไป เพราะในฉากต่อสู้จะแบ่งออกเป็นช่องผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครให้เดินได้ตามช่องที่กำหนดไว้ และเมื่อเราเคลื่อนที่ศัตรูก็จะเดินตามด้วย ทำให้มีความเป็นแอ็กชันสูงมาก
นอกจากนี้การต่อสู้ยังต้องดูการเคลื่อนไหวและการโจมตีของศัตรู ที่จะมีระยะการโจมตีแตกต่างเราสามารถหลบหลีกไม่ให้โดนการโจมตีได้ และยังสามารถชิงความได้เปรียบด้วยการใช้ท่าไม้ตายที่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ได้ เช่นการทำให้เกิดไฟติดบนฉากหรือทำให้เกิดพิษซึ่งหากเราเดินไปช่องนั้นพลังชีวิตจะลดลง ทำให้การเล่นจะมานั่งเฉย ๆ แล้วกดคำสั่งไม่ได้ เรียกว่าหากพลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีก็อาจจะตายได้เลย แต่เราสามารถ Save ได้ทุกที่ทุกเวลา (ยกเว้นในฉากต่อสู้) ทำให้กลับมาเริ่มไหม่ไม่ไกล ซึ่งส่วนของแอ็กชันนี้ทำให้ Live A Live แตกต่างจากเกม RPG อื่นมากในยุคนั้นมาก
ส่วนเมื่อกลับมารีเมกใหม่ แม้ว่าเกมเพลย์หลัก ๆ ยังบังคับแบบ 2 มิติ และฉากต่อสู้ก็ใช้รูปแบบเดียวกันแต่มีการใส่รายละเอียดใหม่เข้าไป เช่นสมดุลของความยากที่ปรับให้ดีขึ้น และมีการระบุว่ามีของซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง รวมทั้งมีระบบแผนที่บอกว่าจุดทำเนื้อเรื่องอยู่ที่ไหนทำให้ไม่หลงทาง และทำให้การเล่นในบางฉากเร็วขึ้นมากจนอาจจะเป็นข้อเสียของเกมที่บางฉากสั้นไป และเวลาการเล่นให้จบเกมทั้งหมดไม่นานนักเมื่อเทียบกับมาตรฐานเกม RPG ในยุคนี้
ความโดดเด่น 8 เรื่องราวที่แตกต่าง
อย่างที่บอกว่า Live A Live มี 8 เรื่องราวหลักบวกกับ 1 การรวมฮีโรมาต่อสู้กับบอสใหญ่ในตอนสุดท้าย ซึ่งความโดดเด่นคือแต่ละเรื่องราวนอกจากตัวละครจะแตกต่างแล้วเกมเพลย์ยังมีความแตกต่างกันด้วย เช่นเรื่องราวที่เราจะรับบทเป็นนินจาที่ฉากจะมีความซับซ้อนมาก เพราะต้องสำรวจไปในปราสาทที่เต็มไปด้วยกลไกมากมาย รวมทั้งยังมาพร้อมกับศัตรูที่การลุยเดี่ยวทำให้เราต้องทั้งลอบเร้นและต่อสู้ หรือฉากของโลกนักสู้ที่มาแนว Street Fighter ที่ไม่มีฉากแผนที่ เกมเพลย์จะเลือกตัวละครต่อสู้เหมือนกับเกมต่อสู้ แต่จะมีความโดดเด่นที่ตัวเอกสามารถเลียนแบบท่าไม้ตายศัตรูได้เพียงแค่เห็นครั้งเดียว
ตามด้วยดินแดนตะวันตกคาวบอย ที่เราจะได้รับบทเป็น Sundown Kid ที่เกมเพลย์จะเน้นการสร้างกับดักเพื่อกำจัดศัตรูที่จะมาบุกเมืองให้มากที่สุดซึ่งหากทำตามเงื่อนไขได้ครบจะกำจัดศัตรูได้หมดและต่อสู้กับบอสเพียงตัวเดียว ตามด้วยโลกอนาคตที่จะได้เล่นเป็นหุ่นยนต์ Cube ที่เน้นแก้ปริศนาค้นหาความจริงบนยานอวกาศที่ลึกลับที่มีความคล้ายกับภาพยนตร์ Alien ที่มีการหักมุมโดยในฉากนี้จะมีฉากต่อสู้ในโลกเสมือนจริงเท่านั้น
ส่วนเรื่องราวกังฟูจีนจะมีการเล่าผ่านปรมาจารย์การต่อสู้ ที่ต้องออกเดินทางล้างแค้นแบบหนังจีนในอดีต ที่โดดเด่นคือมีฉากกว้างให้สำรวจรวมทั้งเรื่องราวเข้มข้นดราม่ารวมทั้งท่าไม้ตายแนวกังฟูที่โดดเด่น ตามด้วยโลกดึกดําบรรพ์ ที่เราจะได้เล่นเป็นมนุษย์หินที่ต้องออกไปต่อสู้เพื่อไม่ให้แฟนสาวโดนจับไปบูชายัญ ความโดดเด่นของเรื่องนี้คือจะไม่มีการพูดกันเลยใช้เพียงการเคลื่อนไหวของตัวละครเพื่อเล่าเรื่องทำให้ไม่ต้องอ่านก็เข้าใจ
ตามด้วยเรื่องราวหนุ่มพลังจิต Akira ที่เป็นเด็กกำพร้าที่มีพลังพิเศษอ่านใจคนได้ และต้องออกไปต่อสู้กับตัวร้ายที่มาแนวการ์ตูนญี่ปุ่นแปลงร่าง และยังมาพร้อมกับหุ่นยักษ์ที่ใช้พลังจิตบังคับ และเมื่อเราผ่านหมดทั้ง 7 ตอนแรกแล้วจะปลดล็อกตอนที่ 8 ที่มาแนวยุคกลางแบบโลกแฟนตาซีที่เกมแนว RPG ทั่วไปใช้กันที่มีผู้กล้าออกไปช่วยเจ้าหญิง แต่เรื่องราวจะมีการหักมุมดราม่าแบบไม่น่าเชื่อว่ามันจะอยู่ในเกมที่วางขายตั้งแต่ยุค 90S
จนทำให้เกิดเป็นตอนสุดท้ายที่ผู้เล่นจะได้เลือกผู้กล้ามา 4 ตัวละครจาก 7 ตอนหลัก เพื่อต่อสู้กับบอสใหญ่ที่จะใช้ฉากหลักเป็นของตอนที่ 8 ส่วนระดับความยากของภาครีเมกอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ง่ายและไม่ยากจนเกินไป มือใหม่ก็สามารถเล่นจบได้หากเรียนรู้การใช้ท่าไม้ตายให้ถูกที่ถูกทาง ซึ่งโดยรวมแล้วการรีเมกทำได้ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติหากมองว่ามันคือการเอาของเก่ามาขายใหม่
สำหรับการกลับมาของ Live A Live ฉบับรีเมกในมุมมองคอเกมยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการเล่น RPG ยุคใหม่อย่าง Skyrim หรือ Final Fantasy ภาคหลัง ๆ อาจจะคิดว่ามันคือของโบราณสุดเชยที่ปรับภาพนิดหน่อย แต่สำหรับแฟนเกมรุ่นเก่าแล้วมันคือวงร็อกคลาสสิกที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อสานต่อตำนานให้แฟน ๆ หายคิดถึง และอยากให้นำกราฟิกแบบนี้ไปทำ Chrono Trigger กับ Final Fantasy 6 ฉบับรีเมกด้วยจะดีมาก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส