[รีวิวเกม] Xenoblade Chronicles 2 สุดยอดเกม RPG ฟอร์มดีจากนินเทนโด !!
Our score
8.2

Xenoblade Chronicles 2

จุดเด่น

  1. ระบบต่อสู้สนุกเข้าใจง่าย
  2. โลกกว้างๆให้เราสำรวจ
  3. การเล่าเรื่องดี
  4. โหลดเร็ว

จุดสังเกต

  1. กราฟิกธรรมดาไปหน่อย
  2. บางภารกิจในเกมดูเรียบๆและคลุมเครือ
  • กราฟิกและการนำเสนอ

    7.8

  • เกมเพลย์

    8.5

  • ความคุ้มค่า

    8.0

  • ความแปลกใหม่

    8.0

  • ภาพรวม

    8.5

สำหรับเกมแนว JRPG ในยุคนี้อาจจะไม่ใช่แนวที่คนนิยมเล่นเหมือนกับยุคก่อน ทำให้การมาของ Xenoblade Chronicles 2 อาจจะดูเงียบๆไปบ้าง แต่การที่มันออกบนเครื่องที่ขายดีสุดๆอย่าง Nintendo Switch ทำให้มีแฟนเกมหลายคนรอคอยที่จะซื้อมาเล่น โดยเฉพาะผู้เขียนเองที่เป็นแฟนซีรีส์นี้มายาวนานตั้งแต่สมัย Wii รุ่นแรก

เกม Xenoblade Chronicles 2 ถือเป็นภาคที่ 3 ของซีรีส์ (นับภาค X บน WiiU ) ที่เป็นการสานต่อตำนาน RPG จากญี่ปุ่นที่ปู่นินลงทุนลงแรงมาตลอดแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ขายดีแบบถล่มทลาย แต่หากพูดถึงคุณภาพของมันก็สนุกไม่แพ้เกม RPG ฟอร์มดีจากค่ายอื่น โดยเฉพาะภาคแรกที่แม้จะออกบน Wii ยังสามารถสร้างโลกกว้างๆได้อย่างน่าทึ่ง ส่วนเรื่องราวในภาคนี้ยังคงอยู่ในโลกแฟนตาซี ที่ตัวละครหลักอย่าง Rex ต้องออกเดินทางไปยัง Elysium พร้อมกับสาวน้อย Pyra ที่การเล่าเรื่องราวได้ดีน่าติดตาม ตัวละครก็ออกแบบได้ลงตัว ใครชอบการ์ตูนอนิเมะ ต้องอินไปกับเกมได้ไม่ยากแน่

มาในภาค 2 ที่ออกบน Nintendo Switch เครื่องเกมที่ไม่ได้แรงอะไรมากมาย อีกทั้งมันยังเป็นเครื่องพกพาได้ด้วย ทำให้หลายคนอาจจะคิดว่ากราฟิกคงจะออกมาไม่ได้ดูดีแน่ๆ และเมื่อสัมผัสของจริงก็บอกตรงๆว่ามันไม่อาจเทียบกับเกม RPG รุ่นใหม่ๆบนคอนโซลรุ่นปัจจุบันอย่าง PS4 ได้แต่ก็ถือว่าทำออกมาดูดีในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าภาพรวมมันจะเหมือนเกมสมัย PS3 ที่ถูกนำมาอัพเกรดรายละเอียดเช่นมีหญ้าจำนวนมากขึ้น หรือพื้นผิวที่ดูละเอียดมากขึ้น และหากมองว่าเกมมีฉากกว้างมากๆระดับ Open World กราฟิกระดับนี้ถือว่าน่าพอใจแล้ว โดยเฉพาะเมื่อต่อทีวีเล่นภาพจะออกมาดูดีพอตัว

อย่างไรก็ตามเมื่อเล่นในโหมดพกพา กราฟิกจะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร เพราะกราฟิกบนหน้าจอเล็กๆ ดูเบลอไปหน่อย แต่เมื่อเราคิดว่ามันคือเกมสำหรับเครื่องพกพา ก็ถือว่าพอใช้ ส่วนเฟรมเรตของทั้ง 2 เวอร์ชั่นไม่ได้ลื่นไหลเท่าที่ควร เพราะเมื่อเราต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากจะเห็นได้ชัดว่าเฟรมเรตตกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเล่นมากมายอะไร

ส่วนเสียงพากย์และเพลงประกอบถือว่าเป็นส่วนที่โดดเด่นมาก เพราะมีการลงทุนจ้างนักพากย์ที่มีชื่อเสียงมาให้เสียงตัวละครในเกมในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น และข่าวดีคือเราสามารถเลือกเสียงพากย์ได้ทั้งแบบอังกฤษและญี่ปุ่น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ต่อเนื่องด้วยเพลงประกอบที่ได้คุณ Yasunori Mitsuda ที่เคยร่วมงานในเกมดังอย่าง Final Fantasy และ Chrono Trigger มาแล้ว (แต่งเพลงร่วม) โดยเพลงประกอบในเกมมีเสน่ห์และความคล้ายกับ Xenoblade ภาคแรก ที่มีการใส่ดนตรีแนว Rock เข้ามาในฉากต่อสู้ที่รับประกันความสะใจ

รูปแบบการเล่นยังคงเป็นเหมือนเดิมที่เป็น RPG รุ่นใหม่ที่ไม่มีการตัดเข้าฉากต่อสู้ เราจะบังคับตัวละครได้ครั้งละ 1 ตัว และมันจะใช้ระบบโจมตีแบบอัตโนมัติ ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครให้เดินได้ และเกมฉลาดในการเลือกใช้ปุ่มกดในการเลือกปล่อยท่าไม้ตายได้ง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน โดยเราจะต้องรอให้แถบพลังสะสมจนเต็มถึงจะใช้ได้ และเมื่อใช้ไม้ตายเหล่านี้ไปเรื่อยๆ จะเป็นการเพิ่มค่าพลังของท่าไม้ตายสุดยอดที่แรงขึ้นไปอีก และผู้เล่นต้องกดปุ่มตามจังหวะเพื่อเพิ่มความแรงของท่านั้นๆ

โดยรวมระบบต่อสู้อาจจะดูธรรมดาแต่พอได้เล่นจริงมันมีประสิทธิภาพและเข้าใจง่ายมาก แต่ก็มีความหลากหลายเพราะผู้เล่นปรับแต่งรูปแบบให้เกิดเป็นท่าคอมโบเทพๆได้อย่างง่ายดายเช่น Blade Art ที่นำมาต่อเป็นคอมโบได้ และยังมีธาตุเป็นตัวกำหนด และท่าพวกนี้จำเป็นอย่างมากเพราะตัวเกมไม่ง่ายศัตรูในเกมถือโหดพอตัว เพราะหากคุณเคยเล่นจะรู้ว่าเกมซีรีส์ Xenoblade จะมีศัตรูโหดๆเดินอยู่ทั่วไปในเกมแม้แต่ในช่วงแรกของเกม ทำให้ผู้เล่นอาจจะโดนตบตายได้ง่ายๆกันตลอด โดยเราจะสังเกตว่าตัวไหนโหดได้จากการดูเลเวลที่ระบุอยู่บนตัวศัตรู

ส่วนไฮไลท์ของเกมจะอยู่ที่ ระบบ Blades ที่เหมือนเป็นผู้ช่วยของตัวละครหลักที่เรียกว่า Drivers โดย Blades แต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่าง และส่งผลให้อาวุธของตัว Drivers และแต่ละตัวยังมีการกำหนดด้วยธาตุ , เพศ , และความสามารถพิเศษ รวมทั้งสายต่างๆเช่นพวก Tank หรือสายเติมพลัง โดยเราจะพกพา Blades ได้ครั้งละ 3 ตัวในฉากต่อสู้และเราสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ปุ่มกดที่ Joy-con ด้านซ้าย

แน่นอนว่าการได้มาของ Blades ต้องใช้การสุ่มมาจากคริสตัลที่มีทั้งแบบธรรมดาและตัวหายาก ผู้เล่นต้องเสี่ยงดวงเอา อย่างไรก็ตามเกมนี้สร้างโดยค่ายนินเทนโด ทำให้มันไม่มีระบบเติมเงินเพื่อซื้อคริสตัลเพื่อเอา Blades ตัวเทพๆแต่อย่างไร

โดย Blades แต่ละตัวเรายังสามารถอัพเกรดได้อีกด้วยการเก็บสกิลที่แบ่งออกเป็นวงกลมที่ดูง่าย และยังมีการใส่ Core เพื่ออัพเกรด ค่าพลังโดยการได้มาของ Core ต้องหาของมาสร้างมันขึ้นมา และยิ่งบวกกับจำนวน Blades ที่มีมากมายอย่างไม่น่าเชื่อทำให้เราสามารถอยู่กับเกมได้ยาวนาน และการที่มันใช้ระบบสุ่มในการเลือก Blades ทำให้เรากลับมาเล่นอีกรอบได้โดยไม่เบื่อ (เพราะมีโอกาสเจอ Blades ตัวใหม่) โดยในฉากต่อสู้นอกจากท่าไม้ตายปรกติแล้วยังมีท่าประสาน 3 ตัวละครที่ต้องใช้แถบพลัง (ที่ต้องเก็บสะสม) เพื่อเป็นท่าหมู่ที่รุนแรง แต่เมื่อใช้ไปแล้วก็จะไม่สามารถชุบชีวิตได้อีก และต้องเก็บสะสมค่าพลังกันใหม่

จุดเด่นอีกส่วนที่มีมาตั้งแต่ภาคแรกคือโลกกว้างๆของเกมที่ภาคแรกก็ว่ากว้างแล้ว มาเจอภาค Xenoblade X ที่ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก ทำให้หลายคนคาดว่าภาค 2 จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม แต่ภาคนี้เราจะได้ท่องไปในโลกบนตัวยักษ์ไททันหลายตัว ทำให้ดูเหมือนโลกของเกมจะไม่ได้กว้างเท่าไรเพราะถูกแบ่งออกเป็นโซนๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน และมีเควสอีกจำนวนมหาศาลรอให้เราไปค้นหา โดยเกมมีระบบนำทางที่ช่วยให้เรารู้ว่าต้องไปทำอะไรที่ไหนทำให้ไม่หลงทาง และยังสามารถวาร์ปไปยังสถานที่ในเกมที่เราเคยไปมาแล้วได้ แถมใช้เวลาโหลดไม่นานด้วยทำให้การท่องไปในโลกในภาคนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และไม่น่าเบื่อเวลาเดินทาง

โดยเกม Xenoblade 2 และจะแบ่งเป็นตอนๆใช้เวลาประมาณ 60-70 ชั่วโมงในการเล่นให้จบในเนื้อเรื่องหลัก และหากคุณทำเควสย่อยรับประกันว่าเกิน 100 ชั่วโมงแน่ โดยรวมแล้วถือว่าภาคนี้ทำได้ดี แต่ยังไม่ถึงที่สุดเพราะยังมีหลายอย่างที่มีข้อจำกัด กราฟิกก็ยังดูธรรมดาไปหน่อย และมีหลายภารกิจในเกมที่ยังดูเรียบๆและคลุมเครือ แต่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกม RPG จากญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาด

Play video