[Review] Ghost of Tsushima เกมปิดท้ายยุค PS4 ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
Our score
9.2

[Review] Ghost of Tsushima เกมปิดท้ายยุค PS4 ที่ยอดเยี่ยมที่สุด

จุดเด่น

  1. Gameplay ที่สนุกมาก ๆ และเป็นอีกหนึ่งใน Action RPG แห่งปี
  2. กราฟฟิคที่สวยงาม ตระการตา
  3. มีอิสระในการเล่น การจัดการเควสที่ยอดเยี่ยม
  4. คุ้มค้ากับราคา และเหมาะสำหรับเกมเมอร์ทุกประเภท

จุดสังเกต

  1. Cutscene ที่ออกแบบมาได้ไม่ดี
  2. เนื้อเรื่องหลัก ที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจสักเท่าไร
  • GAMEPLAY

    10.0

  • GRAPHICS

    10.0

  • STORY

    8.0

  • PERFORMANCE

    9.0

  • VALUE

    9.0

มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่ผมกำลังเดินชมวิวทิวทัศน์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผมได้เดินไปเจอเข้ากับนักดนตรีที่เล่าเรื่องปรัมปรา เกี่ยวกับชุดเกราะของนักรบในตำนานให้ผมได้ฟัง ก่อนที่ผมจะเดินทางไปพบเจอกับหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกพวกโจรปล้น และผมได้เข้าไปช่วยคนในหมู่บ้าน ก่อนที่พวกเขาจะมอบกุญแจ 1 ใน 6 ดอก เพื่อเปิดทางสู่ชุดเกราะในตำนาน ตามที่นักดนตรีคนนั้นได้บอกผมไว้

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะที่ผมกำลังเล่น Ghost of Tsushima มาเกือบ 3 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ผมมีคำถามมากมายเกี่ยวกับเกมนี้ เพราะพูดตามตรงเลยว่า สำหรับผมเองมันเป็นเกมที่ไม่ได้รับการโปรโมตมากนัก อีกทั้งยังเป็นเกมที่เปิดตัวมานานมาก ๆ (ปี 2017) และวางขายในช่วงชีวิตสุดท้ายของ PS4 จนเรียกได้ว่าเป็นเกมที่ปิดท้าย Gen ของ PS4 เลยทีเดียว

Ghost of Tsushima เป็นผลงานจากทีม Sucker Punch ที่แฟน ๆ Playstation หลายคนน่าจะรู้จักกันดีกับเกมอย่าง Infamous และ Sly Cooper โดย Ghost of Tsushima นี้เป็นผลงานชุดที่ 3 ของค่าย นับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2017 ก่อนที่จะมี Gameplay มาโชว์ใน E3 2018 เรียกได้ว่าเป็นเกมที่สร้างกระแสให้เหล่าสาวก ที่หลงใหลซามูไรญี่ปุ่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

และหลังจากนั้นมา ตัวเกมก็เหมือนจะเงียบหายไปเป็นช่วง ๆ ก่อนที่จะมี Gameplay แบบเต็ม ๆ ปล่อยออกมาแค่ช่วง 1 เดือนก่อนวางจำหน่าย และยังไม่นับเรื่องที่ตัวเกมนั้นค่อนข้างจะไม่ได้รับการโปรโมตอย่างเต็มที่สักเท่าไร และเหล่าเกมเมอร์ทั่วไป ๆ ที่ไม่ได้สนใจซามูไรญี่ปุ่นก็แลดูจะไปสนใจเกมอื่น ๆ กันเสียมากกว่า แถมยังมีกระแสของเกมอื่น ๆ มากลบไปอีกด้วย

และหลังจากที่ผมใช้เวลากับ Ghost of Tsushima มาอย่างยาวนาน ตัวเกมได้มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผมเป็นอย่างมาก และผมสามารถบอกได้เลยว่า มันเป็นเกมที่ปิดท้ายยุคของ Playstation 4 ได้ยอดเยี่ยมที่สุดครับ


“ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment และ Sucker Punch Productions ที่เป็นผู้สนับสนุนตัวเกมที่ใช้รีวิวในครั้งนี้ครับ”

“ด้วยข้อจำกัด ของข้อตกลงในการ Review ทำให้ผมเปิดเผยข้อมูลของตัวเกมได้อย่างจำกัด และรับประกันว่าไม่มีการสปอยล์เนื้อหาหลัก ๆ ของตัวเกมแน่นอนครับ”


The Story of Tsushima


Ghost of Tsushima จะพาเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ การรุกรานของมองโกลในญี่ปุ่นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1274 ที่ Tsushima Island หมู่เกาะญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ระหว่างช่องแคบของเกาะซึชิมะและช่องแคบของเกาหลี โดยเราจะได้รับบทเป็น จิน ซาไค หนุ่มซามูไรคนสุดท้ายของตระกูลซาไค โดยเกมนี้นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังซามูไรญี่ปุ่น ของผู้กำกับอากิระ คุโรซาวา อย่างเช่น เจ็ดเซียนซามูไร (Seven Samurai) ครับ

ณ ชายหาดแห่งหนึ่ง ในเกาะซึชิมะ ประเทศญี่ปุ่น พวกจักรวรรดิมองโกลได้บุกขึ้นหวังยึดครองเกาะ จึงเป็นหน้าที่ของเหล่าซามูไรที่ต้องปกป้องบ้านเมืองไว้ จิน ซาไค พร้อมกับลุงของเขา ท่านชิมูระ ได้เข้าต่อสู้กับพวกมองโกล ก่อนที่พวกเขาจะพ่ายแพ้ และทำให้ทั่วทั้งเกาะซึชิมะต้องพบเจอกับความโหดร้ายของพวกมองโกล ที่เผาบ้านเมือง และหวังครองอำนาจทั้งหมด

แต่ทันใดนั้นเอง จิน ที่รอดชีวิตจากสงครามมาได้ ถูกยูนะโจรสาวช่วยเอาไว้ได้ ก่อนที่เขาจะตามไปช่วยท่านลุงของเขาออกมาจากการถูกจับตัวโดย ข่าน ผู้นำของกองทัพมองโกล โดยจินจะต้องรวบรวมกลุ่มคน ระดมพล และพัฒนาตนเองเพื่อช่วยลุงของเขาออกมาให้ได้ จนในที่สุดตัวจินก็ได้รับการขนานนามว่า “ปีศาจแห่งซึชิมะ” (Ghost of Tsushima) นั้นเอง

ซึ่งในส่วนของเนื้อเรื่องหลัก ๆ ก็จะมีแค่นี้ครับ นั้นก็คือการไปช่วยลุงของเราและกำจัดผู้นำฝ่ายมองโกลอย่างข่านให้ได้ และระหว่างทางผู้เล่นก็ได้จะเจอกับเรื่องราวอื่น ๆ ทั่วทั้งเกาะ อย่างเช่นเรื่องราวของอาจารย์อิชิกาวะ ที่มีปัญหากับลูกศิษย์สาวของเขาโทโมเอะ รวมไปถึงเรื่องราวปรัมปรา ที่จะถูกพูดถึงภายในหมู่ชาวบ้านและนักดนตรี ว่าด้วยเรื่องสิ่งมีอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือเป็นความเชื่อของคนในละแวกนั้น ๆ ที่จะรอให้เราเข้าไปไขปริศนา

เรื่องราวปรัมปรา

การเล่าเรื่องภายในเกมนี้ สำหรับผมถือว่าทำออกมาดีค่อนข้างดีมาก เพราะตัวเกมได้แยกแยะระหว่างเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องรอง และเรื่องราวปรัมปรา เอาไว้ได้อย่างชัดเจน ผู้เล่นสามารถจดจ่ออยู่กับการช่วยท่านลุงและตามฆ่าข่าน ให้ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเควสต์รอง และมันก็ไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่อง แถมยังทำให้ผู้เล่นเข้าใจเนื้อเรื่องได้อย่างไม่มีปัญหา ทำให้สามารถจบเกมได้อย่างรวดเร็ว

หรือถ้าใครเป็นผู้เล่นสายเรื่อย ๆ อย่างผม ก็จะสามารถอิ่มไปกับเนื้อหาภายในเกมนี้ที่มีเยอะมากกว่า 50-60 ชั่วโมง ยังไม่รวมการออกสำรวจแผนที่ และการตามเก็บ Collectible โดยเนื้อหารองอื่น ๆ ภายในเกมก็ออกแบบมาได้ดีมากเช่นกัน โดยทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้เล่นสามารถกลับมาทำเนื้อเรื่องรองหลังเล่นจบเนื้อเรื่องหลักแล้วก็ได้เช่นกัน เพราะอย่างที่ผมบอกไปครับว่าตัวเกมแยกเนื้อหากันได้เป็นอย่างดีมากครับ

ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงแรกของเกม ก่อนที่จะไปช่วยท่านลุงยูนะ จะขอให้เราไปรวบรวมคนเก่ง ๆ มาเป็นกำลังในการต่อสู้กับพวกมองโกล เควสต์หลักของผมขึ้นมา 3 จุด หนึ่งในนั้นคือเควสต์หลักที่ทำให้ไปพบกับอาจารย์อิชิกาวะ ที่กำลังตามล่าลูกศิษย์ที่หักหลังเขา

โดยหลังจากจบเควสต์หลักนี้ ตัวเกมก็เปิดโอกาสให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะออกช่วยอาจารย์ตามล่าลูกศิษย์ต่อไป หรือทำตามเป้าหมายหลักของเราต่อ นับว่าเป็นการจัดการที่ฉลาดมาก เพราะผู้เล่นสามารถเลือกได้เองว่าจะทำต่อหรือไม่ ทำให้การเล่าเรื่องภายในเกมนี้ไม่มีความยืดยาวอะไรเลยครับ

แต่อย่างไรก็ตามต้องบอกตามตรงว่า เนื้อเรื่องหลัก ๆ ของเกมนี้นั้นมันก็ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรนัก ไม่ได้มีพล็อตที่ซับซ้อนอะไร ในส่วนของเนื้อเรื่องรองอื่น ๆ นั้นมีความน่าติดตามอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากเช่นกัน แต่โดยรวมแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกสนุกไปกับมัน เหมือนเราได้กลายเป็นซามูไรในยุคนั้นกันเลยทีเดียว


Gameplay


มาถึงระบบ Gameplay กันบ้าง นับตั้งแต่มีตัวอย่างโชว์ออกมาในปี 2018 คาดว่าหลาย ๆ คนก็น่าจะดูออกกันแล้วว่ามันจะออกมาเป็นยังไง รวมไปถึง Gameplay 14 นาทีที่ปล่อยออกมาในเดือนที่แล้ว ก็ได้อธิบายรายละเอียดเอาไว้ทั้งหมด

สำหรับผมแล้ว Ghost of Tsushima เป็นเกมที่นำเอาส่วนผสมของเกมดังหลาย ๆ เกมมารวมกันไว้ และมันก็ดันทำออกมาได้ดีด้วยครับ หากจะพูดให้เข้าใจกันง่าย ๆ มันก็คือเกมที่รวมเอาเกมอย่าง Red Dead Redemption 2 มาผสมกับ Zelda Breath of the Wild และมีกลิ่นอายของ Souls-Like อย่าง Sekiro, Nioh มาผสมกับ Action Adventure อย่าง Assassin’s Creed และ The Witcher 3 จนออกมากลายเป็น Ghost of Tsushima นั้นเองครับ

มาพูดถึงระบบต่อสู้กันก่อนเลยดีกว่า ในช่วงแรกนั้นผมยังปรับตัวไม่ได้สักเท่าไร และบอกตามตรงว่ารู้สึกไม่ค่อยชอบระบบต่อสู้ภายในเกมนัก แต่พอเล่นไปได้สัก 10-20 นาที ก็กลับรู้สึกชอบมันขึ้นมาครับ

ระบบต่อสู้ของเกมนี้ จะเป็น Action กึ่ง Hack and slash ที่ยกเอาระบบของ Souls Like Game เข้ามามีส่วน ร่วม ถ้ายกตัวอย่างง่าย ๆ ก็จะคล้าย ๆ กับเกมอย่าง The Witcher 3 ครับ แต่ผู้เล่นจะมีอิสระในการโจมตีโดยไม่มี Stamina เข้ามาเป็นตัวกำหนดเอาไว้

ผู้เล่นสามารถออก Action ได้อย่างเต็มที่ ทั้งโจมตีปกติ และโจมตีแบบรุนแรง ผู้เล่นสามารถ Block การโจมตีของศัตรูได้โดยไม่เสียพลังชีวิต แต่ก็มีการโจมตีบางท่าที่เราไม่สามารถ Block ได้ แน่นอนว่าเราสามารถ Parry ได้อีกด้วย โดยให้จับจังหวะการเคลื่อนไหวของศัตรูให้ดี ในส่วนนี้หากใครเคยเล่น Sekiro มาก็จะเข้าใจได้ไม่ยากมากครับ

stealth is an option

เราสามารถใช้ธนู หรือระเบิดเมื่อไรก็ได้ มีให้ใช้ทั้งธนูสั้น ยาว ลูกดอกยาพิษ และยังอุปกรณ์พิเศษอย่างเช่นมีดขว้าง ระเบิดควัน ระเบิดเกาะติด โดยสิ่งที่ต้องขอชมเลยคือ Gameplay นั้นมันลื่นไหลเป็นอย่างมาก เราสามารถจัดการ และใช้งานอุปกรณ์พวกนี้ได้อย่างสบายขณะที่กำลังต่อสู้ ไม่มีการติดขัดใด ๆ ทั้งสิ้น

ระบบ Stance ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเกมนี้เลยครับ โดยใน Ghost of Tsushima เราจะเรียก Stance เหล่านี้ว่า กระบวนท่า ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 4 ท่า โดยแต่ละท่านั้นมันมีความสามารถเฉพาะตัวของมันเอง และเราต้องเลือกใช้ให้ถูกกับสถานการณ์ตามอาวุธที่ศัตรูใช้ต่อสู้ด้วยนั้นเอง

การประจันหน้ากับศัตรู

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบที่สุดในเกมนี้ ก็คือระบบ ประจันหน้า นั้นเองครับ เพราะว่านอกจากมันจะดูเท่แล้ว มันยังให้ความรู้สึกเหมือนหนังซามูไรคลาสสิก ที่ใครหลาย ๆ คนฝันเอาไว้ว่าอยากให้มีฉากแบบนี้ในเกม ระบบ ประจันหน้า ก็คือการที่ผู้เล่นเลือกที่จะปะทะกับศัตรูตรง ๆ และเรียกมาดวลกัน 1 ต่อ 1 ก่อนที่จะตัดสินกันภายในดาบเดียวนั้นเอง (ก่อนที่จะตามเก็บที่เหลือ)

และแน่นอนว่าเกมแบบนี้หลาย ๆ คนน่าจะคาดหวังกับ Boss Fight อยู่บ้าง เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเกมซามูไร ฉากต่อสู้มันจะต้องทำมาให้ดีที่สุด ในส่วนนี้เองผมคงไม่มีอะไรต้องพูดมาก เพราะพื้นฐานแล้วมันก็ยังเป็นเหมือนตอนเล่นปกติ เพิ่มเติมคือตัวเกมจะ Lock มุมกล้องเอาไว้กับศัตรู และตัดการใช้อุปกรณ์พิเศษไปทั้งหมด เพื่อการดวลอย่างตรงไปตรงมานั้นเองครับ

ส่วนเรื่องระดับความยากของ Boss Fight นั้น ผมบอกเลยว่า “ยากเอาเรื่อง” ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมซามูไรแล้ว ทุกอย่างจะถูกตัดสินกันไวมาก หากไม่ระวังผู้เล่นอาจจะโดน Combo ชุดเดียวตายได้เลย ปัญหานี้แก้ได้โดยการศึกษา Moveset ของมันครับและน่าเสียดายที่ Boss แต่ละตัวก็จะมี Move Set คล้าย ๆ กันหมด ทำให้ไม่ค่อยมีความท้าทายสักเท่าไร

อ่านมาถึงตรงจุดนี้ หลาย ๆ คนคงมีความสงสัย บางคนก็อาจจะกังวลไปว่ามันจะเล่นยากเหมือนกับเกมอย่าง Sekiro, Dark Souls หรือไม่

จริง ๆ แล้ว ตัวเกมจะมีระดับความยากอยู่ 3 ระดับ ก็คือ ง่าย, ปานกลาง, ยาก โดยในช่วงแรกผมได้เลือกเล่นในระดับยาก และมันก็ยากจริง ๆ ครับ อยู่ในระดับเดียวกับเกมอย่าง Sekiro, Dark Souls เลยก็ว่าได้ ก่อนที่จะปรับมาเล่นในระดับปานกลางหลังจากเล่นไปได้แค่ 5-6 ชั่วโมง ก็พบว่าตัวเกมในระดับปานกลางนั้น ถือว่าไม่ยากและไม่ง่าย จนเกินไป แต่พอลองไปเล่นในระดับง่ายดู ก็พบว่ามันง่ายจริง ๆ หลับตาเล่นก็ยังคงได้

จุดจบของสายบวก

และในส่วนของ AI เองก็ต้องบอกว่าทีมงานออกแบบมาได้ดีมากครับ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเกมยุคนี้เลยทีเดียว อย่างที่ผมบอกไปว่าตัวเกมได้แบ่งระดับความยากเอาไว้ ในขณะที่ผมเล่นอยู่ในระดับยากสุด ก่อนเริ่มการต่อสู้ ผมตัวคนเดียวได้ลองของถือดาบวิ่งเข้าไปบวกกับศัตรูมากกว่า 5 คน ก่อนที่จะลงไปนอนภายใน 10 วิ แต่พอปรับมาเล่นในระดับกลาง ก็ยังพอไหว แต่ก็ไม่ง่ายมากนัก

ไม่ระวัง จะเล่นระดับไหน ก็ลงไปนอนได้

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คือ AI ภายในเกมนี้ค่อนข้างฉลาด และไม่ได้เป็นเป้านิ่งรอให้เราไปฆ่า และก็ไม่ได้เป็นศัตรูที่ไม่แฟร์กับผู้เล่นอีกด้วยนั้นเองครับ ศัตรูทุกตัวมีจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง หัวใจหลักของผู้เล่นคือการเลือกใช้กระบวนท่าให้ถูก ใช้อุปกรณ์ให้เป็นประโยชน์ จับการเคลื่อนไหวของศัตรู และมีสมาธิราวกับเป็นซามูไรจริง ๆ เพื่อตั้งรับ และรอสวนกลับด้วยการ Parry นั้นเอง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมชอบ Gameplay ของ Ghost of Tsushima มาก ๆ เพราะตัวเกมได้สร้างสมดุลระหว่างความยากง่ายเอาไว้ได้อย่างลงตัว และที่ผมชอบที่สุด ก็คือการที่ทั้งผู้เล่น และศัตรูมีความแฟร์ ๆ กันทั้งคู่ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวฝีมือคนเล่นเอง ว่าจะงัดความสามารถของตัวละครออกมาได้มากน้อยแค่ไหน มาพร้อมกับระดับความยากง่าย ที่มีให้เลือก และเปลี่ยนได้ตลอดทั้งเกม อีกทั้งการต่อสู้ยังมีความลื่นไหล ทำให้ผมไม่อยากกลับไปเล่นเกม Souls-Like อีกเลยล่ะครับ


Ghost of Tsushima นั้นเป็นเกม Open World ที่ผสมความเป็น RPG อยู่นิดหน่อยเอาไว้ การออกสำรวจฉากใหม่ ๆ ทั่วเกาะสึชิมะนั้น ตลอดทางจะสามารถใช้สิ่งที่เรียกว่า “สายลมนำทาง” ได้ครับ ต้องบอกก่อนว่าตัวเกมไม่มี Mini Map โผล่มาใน User Interface รวมไปถึง Waypoint ต่าง ๆ โดยเราจะต้องใช้ไอ้เจ้าสายลมนำทางนี้เป็นตัวนำทางเราตลอดทั้งเกม

เราสามารถใช้ สายลมนำทาง ได้โดยการปัด Torch Pad ของตัว Controller ได้ ทันทีที่เราใช้งาน ก็จะมีสายลมพัดในเกมนำทางบอกให้เราไปทางนั้น ๆ นับว่าเป็นอะไรที่โคตรเท่ ล้ำ และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน และสายลมเองก็ไม่ใช่เพียงแค่ฟิลเตอร์ธรรมดา แต่มันมีผลกระทบต่อ Object ในเกมแบบ Dynamic อีกด้วยครับ

สายลมให้ความงดงาม นำพาผมมาเจอกับดาบคาตะนะ

ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องยุ่งยากไปหน่อย เอาเข้าจริงในช่วงแรกตัวผมเองก็คิดแบบนั้น แต่หลังจากที่เล่นไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนั้น อีกทั้งจะช่วยให้ผู้เล่นรู้สึก Immersive กับตัวเกมมากขึ้น นอกจากที่เองสายลมนำทางก็ยังมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสายลมแห่งความสวยงาม ที่จะนำพาเราไปเจอของแต่งตัวใหม่ ๆ หรือสายลมแห่งความแข็งแกร่ง ที่จะนำพาเราไปพบกับความแข็งแกร่งเสริมตัวเรานั้นเอง

และในส่วนของ RPG นั้นสำหรับใน Ghost of Tsushima ผมต้องเรียกว่ามันเป็นระบบ Progression ของตัวเกมเสียมากกว่า เพราะมันก็ไม่ได้มีความเป็น RPG ขนาดนั้นครับ ตัวเกมมีระบบ Level ที่เรียกเป็น “ตำนาน” แทน โดยเราจะได้ค่าประสบการณ์จากการทำภารกิจทุกอย่างภายในเกม รวมไปถึงต่อสู้กับพวกมองโกลตามฉาก โดยเมื่อเราทำไปถึงจุดที่กำหนดไว้ ตำนานของเรา ก็จะได้รับการพูดถึง จน Upgrade ตามขั้นไปเรื่อย ๆ

เราจะได้แต้ม Skill Point และพลังชีวิต รวมไปถึง พลังใจสูงสุด จากตรงนี้ล่ะครับ แน่นอนว่าตัวเกมมี Skill ให้อัปอยู่ไม่เยอะมากเท่าไร และ Skill แต่ละชนิดก็ดูเหมือนจะเป็นการมุ่งเน้นไปตามสายของตัวละครเสียมากกว่า

สำหรับกระบวนท่าทั้ง 4 นั้นเราจะปลดล็อกได้จากการฆ่าผู้นำของทหารมองโกลตามค่ายต่าง ๆ โดยให้เราฆ่าตามจำนวนที่กำหนด โดยในภายหลังเราสามารถใช้แต้ม Skill ในการ Upgrade กระบวนท่าเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกได้ และสำหรับวิชาการต่อสู้พิเศษที่จะได้จากการทำเควสเรื่องราวปรัมปราครับ

ในส่วนของอาวุธและชุดเกราะนั้น ภายในเกมเราจะเลือกใช้อาวุธได้แค่ชนิดเดียวและอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือดาบคาตะนะ แต่เราจะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์(Skin) ของมันได้ แต่สำหรับชุดเกราะนั้น ภายในเกมจะมีชุดเกราะให้เราเลือกใช้หลายแบบมากครับ ไม่ว่าจะเป็นชุดโรนิน ที่เหมาะสำหรับการลอบเร้น ชุดเกราะซามูไร ที่เพิ่มพลังชีวิตและความอึดให้กับเรา ชุดนักธนู ที่จะช่วยให้เราดึงสายธนูเร็วขึ้น

ทั้งอาวุธและชุดเกราะภายในเกม เราสามารถ Upgrade มันได้ผ่านช่างตีเหล็ก ช่างทำชุดเกราะตามเมืองต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วแผนที่ และเราสามารถใช้ Fast Travel ไปมาได้ตลอดครับ


Graphic


“ภาพโคตรสวย” เป็นคำที่น่าจะอธิบายกราฟิกของ Ghost of Tsushima ได้ในคำเดียว ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าผมเป็น PC Gamer คนหนึ่ง และรู้สึกเฉย ๆ กับกราฟิกของเกม PS4 ในยุคหลัง ๆ นี้เสียส่วนมาก สำหรับเกมนี้เองผมก็คิดแบบนั้น

จนกระทั่งมาได้เล่นเองครับ โดยสิ่งที่ผมขอชื่นชมทีมงาน Sucker Punch เลยก็คือ ตัวเกมมีการ Optimize มาเป็นอย่างดีมาก ตลอดทั้งเกมในขณะที่เล่น Open World อยู่นั้นมีฉากโหลดแค่ครั้งเดียวก็คือตอนเข้าเกม และถึงแม้การเข้า Mission หรืออะไรก็ตาม ตัวเกมนั้นโหลดไวมาก ๆ

กราฟิกที่แสดงผลออกมา จัดว่าอยู่ในขั้นที่ยอดเยี่ยม และไม่คิดเลยว่าด้วยอายุ และ สเปกของ Playstation 4 จะสามารถ รันกราฟิกแบบนี้ออกมาได้ และขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้อวยเกินเหตุ เพราะมาตรฐานของผมที่เล่นเกม PC มาค่อนข้างจะสูงมาก แต่สำหรับ Ghost of Tsushima นั้นมันสอบผ่านในเรื่องนี้จริง ๆ ครับ

ไม่ว่าจะแสง สี Texture รายละเอียดเล็ก ๆ ระบบฟิสิกส์ของ Object ต่าง ๆ ภายในเกม รวมไปถึงหน้าตาตัวละคร การปั้นโมเดลที่ Perfect ไร้ข้อกังขาใด ๆ ตัวเกมได้นำเสนอถึง 3 ภูมิภาคของเกาะสึชิมะ โดยเราจะได้เห็นกราฟิกในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้เขียว ธรรมชาติ ป่ารกทึบ ป่าเขตร้อนและเขตชื้น ภูเขาหิมะ ทะเลสาบ ทุ่งดอกไม้ ยังไม่นับเมือง วัด บ้อน้ำพุร้อน และอื่น ๆ อีกมาก ทีมงานได้จำลองเอาเกาะสึชิมะ มายกใส่ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ

กลับมาพูดถึงในส่วนของ Optimize กันก่อนครับ รีวิวในครั้งนี้ แน่นอนว่าผมใช้ PS4 รุ่นธรรมดา รุ่นแรกเลย (ไม่ใช่รุ่น Slim) ในการรีวิว พบว่าตัวเกมเล่นได้สบาย ๆ ไม่มีปัญหา และที่ผมรู้แปลกใจที่สุดก็คือ เครื่อง PS4 ของผมไม่มีอาการร้อนจน Overheat เลยสักครั้งขณะรีวิว

ในช่วงหลัง ๆ มานี่ ไม่ว่าจะเป็น Death Stranding, Nioh 2 หรือล่าสุดอย่าง The Last of Us 2 ที่ผมเล่นมา พอเล่นไปได้สัก 5-6 ชั่วโมง ก็จะเริ่มมีอาการร้อน จนเครื่องต้องปิดตัวไปเอง ผมแก้ปัญหาโดยการเล่น 3 ชั่วโมงพัก 1 ชั่วโมง แต่สำหรับ Ghost of Tsushima ผมเล่นยาว ๆ ไปมากกว่า 10 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีปัญหาอะไรครับ

และในเรื่องของ Frame Rate เองนั้น แน่นอนว่าด้วยอายุของ PS4 ที่มากแล้ว มันก็ต้องมีเหวี่ยงกันบ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นทั้งเกม โดยฉากที่ผมเห็นว่ามีอาการเฟรมตกอย่างชัดเจนที่สุด ก็คือฉากที่มีหิมะตกจัด ๆ นั้นเอง แต่นอกจากนี้แล้วตัวเกมก็ยังไหลลื่นสบาย ๆ ไม่มีปัญหาครับ

แน่นอนว่าด้วยกราฟิกที่สวยจัดขนาดนี้ หลาย ๆ คนคงอาจจะถามหา Photo Mode ที่ดูเหมือนจะเป็นฟังก์ชันหลักของเกมในยุคนี้กันแล้ว สำหรับใน Ghost of Tsushima เองก็ได้จัดหนักจัดเต็มกับระบบนี้อย่างเต็มที่ และผู้เล่นสามารถเข้าสู่ Photo Mode เมื่อไรก็ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย


สรุป


Ghost of Tsushima เป็นเกมที่ทำออกมาได้ดีในหลาย ๆ ด้าน แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเกมก็ยังมีข้อเสียอยู่ 1 ข้อ และมันเป็นข้อเสียที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด และมันเป็นจุดที่สำคัญอยู่มากสำหรับเกมนี้ครับ

ข้อเสียที่ว่านั้นก็คือ Cutscene ภายในเกมนี้นั้นเองครับ เพราะมันเป็นอะไรที่แย่มาก ๆ และยิ่งเป็นเกมที่เล่าเรื่องผ่าน Cutscene อยู่แล้วด้วยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ในส่วนนี้ผมจะไม่ได้พูดถึงฉาก Cutscene ก่อนการดวลกันแต่อย่างไร แต่ผมกำลังพูดถึง Cutscene การเล่าเรื่องภายในเกมครับ

ภายในฉาก Cutscene นั้น ตัวเกมไม่ได้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอิน เข้าถึงอารมณ์ หรืออะไรก็ตามแต่ของตัวละคร หรือฉากนั้น ๆ เลยครับ มุมกล้องที่วนเวียนไปมา หน้าตาตัวละครที่สื่ออารมณ์ออกมาได้ไม่สุดสักเท่าไร การเล่าเรื่องที่ควรจะมีน้ำหนักมากกว่านี้ ถ้าหากเราเอาไปเปรียบเทียบกับเกมอื่น ๆ ที่ทำออกมาได้ดีกว่ามาก

นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีไป ที่ Ghost of Tsushima ไม่ได้เป็นเกมที่ เน้นเนื้อเรื่อง สักเท่าไร เพราะในจุดนี้ ก็ยังมี Gameplay ที่ยอดเยี่ยมมาตัดกันได้ แต่สำหรับผมมองว่าทีมงานยังไม่เอาใจใส่ในส่วนนี้มากพอ ตลอดทั้งเกมก่อนเข้าหรือออก Cutscene จะมีการโหลดตลอด แม้กระทั่งก่อนดวล ก็ยังมีการโหลดฉากเพื่อเข้า Cutscene ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบอย่างแรง ทั้ง ๆ ที่เกมปี 2020 ควรจะไม่มีการโหลดเพื่อเข้า Cutscene อีกแล้วครับ

ส่วนข้อเสียอีกหนึ่งข้อ นั้นก็คือ Checkpoint ของตัวเกมที่ค่อนข้างมีปัญหาอยู่ และทำเอาผมต้องกลับไปเริ่มเล่นเกมใหม่ถึง 3 รอบ เพราะ Save Game มันพังไปเลยครับ ตรงจุดนี้ผมได้พบเจอด้วยตัวเอง หลังจากตอนที่ได้รับตัวเกมเวอร์ชันแรกมาเล่นขณะรีวิว โดยผมได้ส่ง Feedback ให้ทาง Sony ไปแล้ว และหวังว่าจะมีการแก้ไขก่อนวางจำหน่าย

ส่วนเรื่องสุดท้าย คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้มากที่สุด นั้นก็คือ “ภาษาไทยในเกมแปลมาดีไหม” เรื่องนี้สำหรับตัวผมเองนั้นสอบผ่าน การใช้ภาษานั้นเลือกคำได้ดี เพราะตัวเกมนั้นอยู่ในยุคเก่า เพราะฉะนั้นเราก็จะเจอกับคำเก่า ๆ อยู่บ้าง การเลือกใช้ Font ก็ดีมาก ๆ ในส่วนของ Interface ก็ทำออกมาได้ดีครับ


Ghost of Tsushima เป็นเกมที่ดีครับ และจะดียิ่งกว่านี้ หากทีมงานใช้เวลาในการขัดเกลาตัวเกมให้ละเอียดขึ้นอีก สำหรับผมแล้วเกมนี้มันเป็นเหมือนหนังซามูไรเรื่องหนึ่ง ที่ใครที่หลงรักและชื่นชอบความเป็นซามูไร น่าจะสนุกไปกับมัน แต่ถ้าหากใครไม่ได้หลงไหลกับอะไรพวกนี้ซักเท่าไร ก็ยังสามารถสนุกไปกับมันได้ครับ

ถ้าหาก Seven Samurai คือครูของวงการหนังที่สร้างแรงบันดาลใจให้หนังหลาย ๆ เรื่องในยุคต่อมา Ghost of Tsushima เองก็จะกลายเป็นครูของวิดิโอเกมที่อยากทำเกมแนวซามูไรในยุคต่อไปครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส