รีวิวเกม Rune Factory 5 ปลูกผักในโลกแฟนตาซีภาคใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม
Our score
8.0

Rune Factory 5

จุดเด่น

  1. รูปแบบการเล่นแบบปลูกผักผสมกับ RPG ได้ลงตัว
  2. โลกในเกมกว้าง ฉากหลากหลาย
  3. ระบบสานสัมพันธ์กับตัวละครเนื้อเรื่องก็สนุก

จุดสังเกต

  1. ภาพในเกมขาดรายละเอียด
  2. เฟรมเรตตกกระจาย ภาพกระตุก

สำหรับเกมแนวปลูกผักทำไร่แล้วนอกจากซีรีส์ Harvest moon แล้วยังมี Rune Factory อีกหนึ่งเกมที่เหมือนเป็นการต่อยอดความสำเร็จ มานำมาอัปเกรดและผสมผสานกับแนว RPG ที่หลังจากวางขายตั้งแต่สมัย Nintendo DS และมีการสานต่อบน 3DS นอกจากนี้ยังเคยออกบนคอนโซลทั้งบน Wii และ PS3 ด้วย และล่าสุด Rune Factory กลับมาครั้งที่ 5 บนคอนโซลลูกผสมอย่าง Nintendo Switch ที่ดูดีงามมากกว่าเดิม (หรือเปล่า ?)

อย่างที่บอกว่าซีรีส์ Rune Factory เป็นการผสานกันระหว่างเกมแนวปลูกผักทำไร่ที่เรียบง่าย กับแนว RPG ที่เน้นหนักไปที่แอ็กชัน และประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งโดยเฉพาะในบ้านเกิดอย่างญี่ปุ่นที่มีแฟน ๆ ประจำอยู่ และมีการสานต่อความสำเร็จออกมาหลายภาค ส่วนการมาบน Nintendo Switch ในครั้งนี้ออกเวอร์ชัน ภาษาญี่ปุ่นก่อนส่วนภาษาอังกฤษจะออกมาภายในปี 2021 นี้ และแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นภาพแบบ 3D ก็ตาม แต่ Rune Factory 5 ถือว่าสร้างความตื่นตาให้กับคอเกมทั่วโลกพอสมควร

กราฟิกแบบ 3D ที่เกือบจะดูดี

ภาพในเกม Rune Factory 5 สร้างออกมาเป็น 3มิติแบบเต็มสูบ และผู้เล่นสามารถปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้ด้วย แม้จะไม่ได้แปลกใหม่อะไรแต่ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาแม้จะเคยมีการทำภาพแบบ 3D มาแล้วก็ตาม และเชื่อว่าแฟน ๆ ที่ได้เห็นภาพนิ่งในตอนที่เกมยังไม่วางขายคงจะคาดหวังว่ามันจะดีงามประมาณ Dragon Quest 11 เพราะออกบนคอนโซลยุคใหม่ และหากทำออกมาดูดีจะเป็นการยกระดับซีรีส์ให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม

แต่พอออกวางขายแล้วได้สัมผัสเต็ม ๆ บอกได้เลยว่าภาพในเกม Rune Factory 5 ถือว่าน่าผิดหวังมาก เพราะทั้งขาดรายละเอียด ฉากยังดูโล่ง ๆ และพื้นผิวที่เรียบไม่มีการใส่ความสวยงามเข้าไป อีกทั้งเฟรมเรตก็ร่วงกระจายและยังมีอาการภาพสะดุดกระตุกเป็นช่วง ๆ ถือว่าดูแย่กว่าที่คาดหวังไว้มาก เทียบกับภาพแนวเดียวกับอย่าง Dragon Quest 11 ไม่ได้ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย ยังดีที่เสียงพากย์ในเกมยังคงจัดเต็ม และช่วยให้การเดินเรื่องดูมีสีสันขึ้นมาก เพราะอย่างทีรู้กันว่าเรื่องราวในเกมถือว่าเป็นจุดเด่นของซีรีส์ Rune Factory และคัทซีนของเกมยังลงทุนใส่การ์ตูนภาพวาดแบบ 2D เข้ามาทำให้เหมือนเราได้ชมการ์ตูนพร้อมไปกับการเล่นเกม

เนื่อเรื่องยังคงโดดเด่น

ส่วนเรื่องราวใน Rune Factory 5 จะเกิดในอาณาจักร Norad ที่ตัวเอกตื่นขึ้นมาโดยไร้ความทรงจำ และไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร และหลังจากช่วยเหลือสาวน้อยที่กำลังถูกสัตว์ประหลาดทำร้ายก็ได้รับเชิญเข้าไปสู่เมือง และได้พบกับเรื่องราวมากมาย ที่มีอะไรให้สำรวจมากมายในดินแดนแห่งใหม่ โดยตัวเอกจะได้รับมอบหมายให้ดูแลการปลูกผักทำไร่ และต้องออกต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อปกป้องเมือง และยังต้องออกสำรวจฉากที่มีทั้งเมืองและฉากในป่าและดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยอันตราย แน่นอนว่าผู้สร้างได้ใส่ความโดดเด่นในส่วนของเนื้อเรื่องที่มีให้เราทำกันตลอดการเล่น และมีจุดบอกว่าตัวละครไหนอยู่ตรงไหนตลอดเกมทำให้เล่นได้ไม่ยากแม้ว่ามันยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดก็ตาม ซึ่งในตอนเริ่มเกมเราจะสามารถเลือกเพศของตัวละครได้ด้วย

รูปแบบการเล่นแนวปลูกผักที่ปรับให้รวดเร็วขึ้น

เกมเพลย์ของ Rune Factory 5 ยังคงแนวทางที่ผสมผสานของแนวทำไร่ดูแลสวนให้สวยงามและผลิตพืชผักออกมาให้มากที่สุด มายำรวมกับแนวแอ็กชัน RPG ที่เข้าใจง่ายไม่ได้ซ้บซ้อนในระบบอะไรมากมาย โดยในส่วนของการทำสวนทำไร่ก็ใช้ระบบเดียวกับ Harvest moon ที่เราจะได้รับบทเป็นชาวสวนปลูกพืชที่ต้องทำกิจกรรมมากมายไล่ตั้งแต่ การพรวนดิน, หว่านเมล็ด, รดน้ำ, ใส่ปุ๋ย แล้วเก็บเกี่ยว แน่นอนว่ามันไม่ได้แตกต่างจากเกมแนวนี้ทั่วไปดังนั้นหากคุณชอบ Harvest moon ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากเล่นได้ทันที อย่างไรก็ตามมันก็ใส่ความเป็นแอ็กชันที่ลื่นไหลมากขึ้นเช่นการรดน้ำต้นไม้ที่ผู้เล่นสามารถกดรัว ๆ เพื่อรดน้ำได้ต่อเนื่อง รวมทั้งการหว่านเมล็ดพืชด้วยทำให้การทำกิจกรรมประจำวันรวดเร็วอย่างมาก

และที่ต้องทำให้เกมเพลย์ในส่วนของปลูกผักลื่นขึ้น เพราะในแต่ละวันเราต้องไปทำกิจกรรมมากมาย และฉากใน Rune Factory 5 ถือว่ากว้างพอสมควรกว่าจะเดินทั่วใช้เวลานาน ทำให้หากระบบเวลาเดินเร็วแบบเกมปลูกผักทั่วไปอาจจะทำภารกิจได้ไม่กี่อย่างก็หมดวัน และผู้สร้างได้ใส่การเคลื่อนไหวแอ็กชันเช่นการพุ่งตัวทำให้เคลื่อนไหวในเมืองได้เร็วยิ่งขึ้น

ส่วนระบบเวลาในเกมจะเดินไปเรื่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล และมีกิจกรรมตามเทศกาลประจำปีที่จะมีเรื่องราวให้ผู้เล่นทำเนื้อเรื่องด้วย และแน่นอนว่าเราสามารถเลือกที่จะสานสายสัมพันธ์กับตัวละครอื่นได้ และสามารถสานต่อไปจนถึงแต่งงานได้ด้วย ที่เป็นความโดดเด่นของเกมแนวนี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามแฟนชาวไทยที่อยากเล่นแบบเข้าใจเต็มร้อยคงต้องรอให้เวอร์ชันภาษาอังกฤษออกวางขายก่อน ตอนนี้มีเพียงแค่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น

ออกตะลุยโลกกว้างต่อสู้กับมอนสเตอร์

และอีกจุดเด่นของซีรีส์ Rune Factory คือระบบ RPG ที่ผสมกับแอ็กชัน ที่ผู้เล่นสามารถบังคับให้ตัวละครเดินแล้วโจมตีได้โดยตรงเลย และเราสามารถสลับเปลี่ยนและอัปเกรดอาวุธได้ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความสามารถและสกิลใหม่เช่นท่าไม้ตายเทพ ๆ ให้กับตัวละคร และแน่นอนว่ามันมีระบบพัฒนาตัวละครด้วยเลเวลแบบเกม RPG ทั่วไปซึ่งมันจำเป็นอย่างมากเพราะศัตรูในเกมมีความโหดพอสมควร หากเจอพวกเลเวลสูง ๆ กว่าเรามากก็แทบจะโจมตีไม่เข้ากันเลย และฉากนอกเมืองถือว่าซับซ้อนและมีความกว้างพอสมควร และมีอะไรให้สำรวจมากมายแถมมีบอสโหด ๆ และดันเจี้ยนที่มีเส้นทางซับซ้อนรอท้าทายผู้เล่นด้วย

และในส่วนนี้ทำให้การเล่นสนุก และมีอะไรให้ทำมากมายมากกว่าแค่ตื่นมานั่งทำไร่ เราต้องออกไปฟาร์มของเก็บวัตถุดิบจากการออกไปลุยโลกกว้าง และเอามาอัปเกรดอาวุธของตัวละคร รวมทั้งยังหาเงินได้ด้วย และฉากในเกมก็สร้างออกมารองรับได้ดีเยี่ยม เช่นท้องไร่ท้องนาที่เราต้องหาสิ่งใหม่มาเสริมเติมแต่งให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงพืชหลากหลายชนิดที่เราสามารถหากได้จากการออกไปต่อสู้กับมอสเตอร์ด้วย เสียดายเล็ก ๆ ที่ระบบเมนูบางส่วนซับซ้อนไปหน่อย มีการใช้ปุ่มกดเพื่อทำกิจกรรมมากเกินไปแถมด้วยในตอนนี้เมนูทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่นทำให้แฟนเกมชาวไทยอาจจะมีอาการสับสนปุ่มกด แนะนำว่าควรจะเล่นให้ชินก่อนค่อยท่องโลกกว้างจะได้ไม่ตายน้ำตื้น

โดยรวมแล้ว Rune Factory 5 พัฒนาจากภาคก่อนพอสมควร ทั้งโลกของเกมที่กว้างกว่าเดิมมาก รายละเอียดที่ใส่เข้ามามากกว่าเดิม แม้ว่าภาพและการนำเสนอจะดูเชยเหมือนกับเกมยุค PS3 แถมเฟรมเรตยังตกภาพกระตุกตลอดการเล่น แต่หากมองข้ามส่วนนี้ไปก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะเกมแนวปลูกผักทำไร่กราฟิกอาจจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แถมเรายังได้ท่องโลกกว้างออกไปสู้กับมอนสเตอร์ด้วย เรียกได้ว่ามีอะไรให้ทำมากมายและยังคงเป็นจุดเด่นของซีรีส์ ใครเคยเล่นมาหลายภาคแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะสานต่อกับภาค 5 อย่างไรก็ตามตอนนี้มีเพียงเวอร์ชันญี่ปุ่น แต่รออีกไม่นานก็จะมีการออกฉบับภาษาอังกฤษตามมาภายในปี 2021

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส