Our score
9.0Halo Infinite
จุดเด่น
- ระบบยิงต่อสู้ศัตรูสุดแน่นปึ้ก
- ส่วนผสม Open-world ปน Sandbox ที่เข้ากับเกม Halo อย่างลงตัว
- งานภาพงานเสียงขั้นเทพ
- มัลติเพลเยอร์สนุกชิบเป๋ง (แถมยังเล่นฟรี)
จุดสังเกต
- ฉากไม่ค่อยหลากหลาย
- เนื้อเรื่องที่เป็นแค่ปฐมบทและเน้นเอาใจแฟนซีรี่ส์
- ฟีเจอร์หลายอย่างที่ขาดหายไปทำให้รู้สึกว่าเกมยังไม่เสร็จดี
ชื่อภาค Infinite ของ Halo ภาคนี้นี่มันช่างเข้ากับตัวตนของเกมเกมนี้ได้ดีจริง ๆ เกมที่เต็มไปด้วยความเป็นไปได้สารพัด จนเดาไม่ถูกว่าสุดท้ายหน้าตามันจะออกมาเป็นยังไง เริ่มตั้งแต่ตอนที่ทีมพัฒนาเกม 343 Industries เค้าออกมาเปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 ว่าเกมภาคนี้จะเป็นการรีบู้ต Halo กลับไปสู่ไตรภาคคลาสสิก หลังจากนั้นก็หายต๋อมไป 2 ปี แล้วก็มีตัวอย่างเกม Halo สภาพไม่ค่อยงาม (ที่มีนาย Craig) ออกมาในปี 2020 ซึ่งแฟน ๆ ก็ช่วยกันถ่มถุยซะจน Microsoft ต้องตัดสินใจเลื่อนวันวางตลาดเกมออกไปอีกหนึ่งปีเลยทีเดียว สถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี แฟน Halo ก็เริ่มใจเสีย แต่แล้วจู่ ๆ ทีม 343 (ต่อไปนี้ขอเรียกเป็นชื่อเล่นแบบนี้นะ) ก็ดันพลิกเกมด้วยการปล่อยโหมดมัลติเพลเยอร์ของ Halo Infinite ออกมาให้เล่นกันฟรี ๆ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังสนุกถูกใจแฟนเกมทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่จนกลายเป็นหนึ่งในเกมมัลติฮอตฮิตไปแล้ว
เรียกได้ว่าถึงตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้แล้วล่ะสำหรับเกม Halo Infinite และหลังจากนั่งรอ นอนรอ ยืนรอมานานถึง 6 ปี ในที่สุดตัวเกมเวอร์ชันสมบูรณ์ที่มีทั้งโหมดเล่นคนเดียวและหลายคนก็ออกมาให้ประจักษ์กับสายตาเกมเมอร์กันซะที ว่าแต่การกลับมาของ Master Chief ครั้งนี้จะยิ่งใหญ่อลังการณ์ เปิดทุกความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ให้แก่ซีรี่ส์นี้อีกรอบได้มั้ยนะ? เพราะแกเล่นหายไปนานจนมนต์ขลังของวงแหวน Halo เริ่มเสื่อมคลาย ที่สำคัญกว่าคือ Chief จะเอาใจแฟนเกมทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ที่มีความต้องการระดับอนันต์ได้มั้ยหนอ?
ยินดีต้อนรับสู่วงแหวนโฉมใหม่ กว้างใหญ่กว่าทุกเกม
พนันได้เลยว่าแฟนเกม Halo รุ่นเหนียวแน่นหนึบหลายคนจะต้องแอบกังวลตั้งแต่ตอนที่ทีม 343 เค้าเปิดตัวว่าเกมภาคนี้จะมีความเป็นเกมแนว Open-world ปนอยู่ด้วย ก็จะไม่ให้แอบนอยได้ไง เพราะตลอดช่วงอายุ 20 ปีของซีรี่ส์นี้ Halo ยึดขนบของเกมเดินหน้ายิงฝ่าด่านแบบดั้งเดิมมาตลอด แถมเกือบทุกภาคก็เล่นได้สนุกมากในแบบของมันอยู่แล้ว จู่ ๆ จะเอาแผนที่แบบเปิดกว้างมาโปะเข้าไปในวงแหวน Halo นี่มันถือว่าลบหลู่กันชัด ๆ! แต่ใจเย็นก่อนโยม… ฉากตะลุยด่านยังไม่ได้สูญหายไปไหน อันที่จริงด่านแคมเปญเกือบ 1 ใน 3 ของ Halo Infinite ก็ยังคงเป็นฉากตรงไปตรงมาเหมือนเก่า แล้วคุณจะเชื่อมั้ยถ้าผมบอกว่าฉาก Halo แบบเปิดกว้างที่เพิ่มเข้ามามันดันเป็นเหมือนกับซอสลับที่เข้ากับเกมเพลย์ของ Halo เป็นเนื้อเดียว ราวกับการเอากล้วยไปกินคู่กับช็อคโกแลต หรือเอามะม่วงไปกินคู่กับน้ำปลาหวาน นอกจากนี้ มันยังได้เข้ามาช่วยปฏิวัติประสบการณ์การเล่นโหมดแคมเปญของ Halo ให้สนุกขึ้นไปอีกขั้น อันนี้พูดจากใจเกมเมอร์ที่เคยเล่นเกม Halo มาทุกภาคเลยว่าฉาก Open-world ได้เข้ามาช่วยผลักดัน Halo ให้หลุดจากกรอบเดิม ๆ ได้ซะที
สาเหตุสำคัญก็เพราะสไตล์ของ Open-world ในเกมนี้ให้อารมณ์เหมือนเกมอย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild มากกว่าเกมอย่าง FAR CRY แม้แผนที่จะไม่ได้อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมยิบย่อยทุก 5 ตารางเมตร แต่ทุกกิจกรรมเปิดให้ผู้เล่นเลือกได้อย่างอิสระจริง ๆ ว่าอยากจะเล่นยังไง อยากจะลุยฐานย่อยแบบค่อยไปตายเอาดาบหน้าเรอะ ถ้าเก่งพอก็เชิญเลย อยากจะแกล้งมินิบอสด้วยการขนพลปืนจรวดไปเต็มกระบะรถเหรอ? ย่อมได้ หรือไม่อยากทำแม่ม ขอวิ่งปรี่ไปฝ่าภารกิจเนื้อเรื่องอย่างเดียวก็แล้วแต่ใจเอ็งเลย ต้องยกความดีความชอบให้การออกแบบฉากที่เปิดให้ผู้เล่นสามารถเข้าตีได้หลายทาง และระบบอันแน่นปึ้กของ Halo ที่ทำให้ส่วนผสมในโลกเปิดกว้างยิ่งลงตัว โดยเฉพาะ AI ศัตรูที่ฉลาด อาวุธที่สมดุล และระบบยิงต่อสู้ที่สนุก แถมเกมยังเติมพาหนะเข้ามาอีกหลายแบบให้ผู้เล่นซิ่งป่วนศัตรูได้อีกต่างหาก ยังไม่พอ! เกมยังมีถังระเบิดให้คุณหยิบมาปาเล่นแบบเยอะจนเกลื่อนแผนที่อีกนะ เรียกว่าทีมพัฒนาเค้าโยนของเล่นใส่หน้าเกมเมอร์รัว ๆ ประหนึ่งเป็นรายการขายตรงเลยทีเดียว นั่นทำให้ Infinite ใกล้เคียงกับการเป็นเกม Sand Box เฉียด ๆ เกมอย่าง Deus Ex หรือ Dishonored ไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเกมไม่ได้บังคับให้ผู้เล่นทำภารกิจย่อยใด ๆ แต่หากคุณทำภารกิจพวกนี้เยอะ ๆ คุณก็จะได้อัพเกรดตัว Master Chief ให้มีของดีขึ้นและสามารถเรียกรถหรืออาวุธใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมออกมาใช้ได้ ซึ่งถ้าทีม 343 เค้าออกแบบรูปแบบภารกิจบนแผนที่ให้แปลกใหม่กว่าเกม Open-world อื่น ๆ อีกหน่อยก็จะดีมากเลย
คลังอาวุธสุดแน่นปึ้ก Grappleshot สุดไฉไล
สำหรับของดีขึ้นชื่อของซีรี่ส์ Halo อย่างระบบยิงต่อสู้ก็ยังขลังไม่เปลี่ยน เสียงยิง (หรือฟาด) อาวุธทุกแบบใน Infinite ต่างได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์ปืนผาหน้าไม้ ค้อนระเบิด ดาบเลเซอร์ บาซูก้า ฯลฯ ทั้งหมดฟังดูหนักแน่นและคำรามอย่างมีเอกลักษณ์ แค่ได้ยินแว่วมาแต่ไกล ก็บอกได้แล้วว่าเป็นปืนอะไร แต่เรื่องที่ต้องยกนิ้วให้ทีมพัฒนาจริง ๆ ก็คือพวกเขาสามารถทำให้อาวุธทุกชิ้นในเกมมีประโยชน์และใช้สนุกจนน่าหยิบมาเล่นได้ทุกกระบอกนี่แหละ เช่น ปืน Assault Rifle แม้จะไม่ได้มีพลังทำลายล้างสูง แต่ก็มีอัตรายิงที่เร็วและแม่นพอสมควร เหมาะใช้รับมือศัตรูได้ทุกสถานการณ์ ส่วนปืนพก Plasma แม้จะมีความแรงเท่าเม็ดถั่วเขียวแต่หากยิงแบบชาร์จก็สามารถเบิร์นเกราะของศัตรูได้หมดในนัดเดียว ในขณะที่ค้อนสงคราม Gravity Hammer ก็เป็นอาวุธชั้นยอดสำหรับเอาไว้สวนเอเลี่ยน Elite ที่ชอบเอาดาบมาไล่ฟัน (และยังเป็นคอมโบหายนะหากใช้คู่กับ Grappleshot) เป็นต้น
บรรดาเอเลี่ยนศัตรูสารพัดแบบในเกมก็จะมีจุดแข็ง จุดอ่อน และวิธีสู้ที่ต่างกันไปด้วย นอกจากนี้ เกมมักจะมิกซ์แอนด์แมตช์ศัตรูมาให้เราสู้แบบไม่ซ้ำกันเสมอซึ่งช่วยให้ฉากแอ็คชั่นในเกมไม่น่าเบื่อ เพราะคุณต้องคอยใช้หัวคิดอยู่ตลอดเวลา รู้จักเปลี่ยนอาวุธเพื่อรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าไปเรื่อย แถมเกมยังมีน้ำจิ้มรสเด็ดเป็นยุทโธปกรณ์พิเศษมาให้ใช้ได้อีก อย่างเช่น โล่พลังงาน เครื่องสแกนตำแหน่งศัตรู และทีเด็ดที่สุดก็คือขอเกี่ยว “Grappleshot” ที่เข้ามายกเครื่องวิธีการสู้ของ Master Chief ใหม่หมดเลย
เราอยากจะขอชื่นชมสมาชิกทีม 343 ที่นิมิตคำถามสำคัญที่ว่า “ทำไมเราไม่ลองเอา Grappling Hook ที่เห็นกันเกร่อในเกม FPS มาใส่ใน Halo ดูบ้าง?” ขึ้นมา มันอาจฟังดูเหมือนเรื่องเล็ก ๆ แต่ขอเกี่ยวเล็ก ๆ นี่แหละที่มีอิทธิพลกับเกมการเล่นอย่างใหญ่หลวง มันทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนในแผนที่เปิดกว้างเป็นเรื่องสนุกและสะดวกจนไม่ต้องพึ่งรถ ระบบฟิสิกส์ของมันทำให้ Master Chief โหนไปมาได้เพลินราวกับเป็นญาติไอ้แมงมุม ที่สำคัญคือมันช่วยให้สมรภูมิในเกมมีมิติมากขึ้นกว่า Halo ทุกภาค คราวนี้คุณสามารถยิงขอเกี่ยวไปเกาะตามฉากแล้วดึงตัวเองขึ้นไปหามุมสูงเพื่อยิงกดศัจรูตรงไหนก็ได้ และคราวนี้ถ้ากระสุนปืนหมด คุณก็สามารถยิงขอเกี่ยวไปดึงอาวุธที่ตกอยู่ตามพื้นมาใช้ต่อแบบไม่เสียจังหวะได้เลย ส่วนฉากส่วนใหญ่ในเกมนี้ก็ได้รับการออกแบบให้มีชั้น 2 ชั้น 3 หรือมีพื้นต่างระดับให้ขึ้นไปวิ่งเล่นได้เกือบทุกที่ จึงทำให้ Grappleshot ดูเป็นของเล่นที่น่าหยิบมาใช้อยู่เสมอ ข้อเสียอย่างเดียวของมันก็คือมันดันใช้สนุกแซงหน้าแก็ดเจ็ตอื่นแบบเกินหน้าเกินตานั่นแหละ เด่นจนอาจทำให้คุณไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้ของอย่างอื่นตลอดทั้งเกมเลย เด่นจนเราคาดว่าต่อจากนี้ไป Grappleshot คงจะกลายเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับซีรี่ส์ Halo อย่างแน่นอน
ส่วนผสมอีกอย่างที่ทำให้ฉากต่อสู้ในเกมนี้สนุกมากก็คือ AI ศัตรูที่ฉลาดและมีความกวนตีนสูงมาก มันไม่ได้หมายความว่าเอเลี่ยนในเกมนี้วิ่งหลบกระสุนเร็วชิบเป๋ง หรือยิงแม่นอย่างกับนักกีฬาอีสปอร์ต แต่พวกมันจะมีหน้าที่ในสมรภูมิที่แตกต่างกันไป พวก Grunt แม้จะกระจอกที่สุดแต่ก็มีจำนวนมากที่สุด โดยพวกมันจะพยายามยิงตัดเกราะผู้เล่นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่พวก Jackal จะคอยกางโล่พลังงานและพยายามยิงตอดจากระยะไกล ในขณะที่เอเลี่ยน Elite จะเป็นตัวป่วนหลักที่จำให้ผู้เล่นรู้จักเล่นอย่างระมัดระวัง เพราะเจ้านี่มีเกราะแถมยังรู้จักวิ่งหลบไปมา พลาดท่าขึ้นมาคุณอาจจะโดนมันเป่าจนเดี้ยงในทีเดียวได้ และอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่ชมไม่ได้ของ Halo Infinite ก็คือการที่เกมขนบอสเล็กบอสใหญ่มาให้สู้เป็นกระตั้ก บอสแต่ละตัวก็สู้สนุก ต้องใช้หัวคิดดี ๆ ถึงจะชนะ ถ้าสักแต่ยิงมั่ว ๆ ซั่ว ๆ เข้าไปนี่โดนสวนกลับแป๊บเดียวม่องแน่นอน เรื่องนี้ถือเป็นของใหม่ที่เซอร์ไพรส์มากของเกมภาคนี้ แถมยังเป็นของที่ทำออกมาได้ดีซะด้วย
งานภาพงานเสียงระดับพระกาฬ
สำหรับงานภาพในเกมนี้เรียกได้ว่าสวยสบายตากำลังดี ถึงกราฟิกเอนจิ้นจะไม่ได้สวยอลังการจนแทบช็อคแบบ MS Flight Simulator แต่เมื่อนำมาผสมกับงานศิลป์สไตล์ Halo จึงทำให้เกมสามารถจัดภาพงาม ๆ แสงสวย ๆ ดูนวลตาให้เกมเมอร์ดูได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้มันยังช่วยให้มองเห็นศัตรูในฉากได้ง่ายขึ้น ทำให้ได้ประสบการณ์เกมการเล่นที่ราบรื่น แต่กราฟิกของ Halo Infinite ก็ยังมีจุดที่น่าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้ในอีกหลายจุดเหมือนกัน ทั้งเรื่องเฟรมเรตที่ไม่ค่อยเสถียรไม่ว่าจะเล่นบน Xbox หรือ PC ภาพวัตถุในวิวไกลโพ้นโหลดไม่ขึ้นแล้วจู่ ๆ ก็วาร์ปเข้ามาในฉากเฉยเลย อ้อ ที่สำคัญคือเกม (ยัง) ไม่รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ด้วยจ้า พอดีทีมพัฒนาเค้าทำไม่ทัน
ส่วนงานเสียงของ Halo Infinite นี่ถือว่าเด็ดกว่างานภาพของเกมอีกมั้ง เพราะนอกจากเสียงอาวุธที่ทรงพลัง เสียงเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ในเกมยังโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ถึงขนาดที่ว่าแค่ฟังเสียงก็สามารถบอกได้แล้วว่าสถานการณ์รอบตัวเป็นอย่างไร เมื่อใดที่คุณได้ยินเสียงแจ้งเตือนของเกราะ นั่นหมายความว่าได้เวลาถอย เสียงร้องของเอเลี่ยนเผ่าต่าง ๆ ที่แว่วมาก็เป็นตัวบอกใบ้ที่ดีว่าคุณกำลังจะเจอกับศัตรูแบบไหนและมีจำนวนเท่าไหร่ ส่วนเสียงจากปืนของศัตรูก็เป็นตัวช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าคุณจะฝ่าเข้าไปอย่างไรดี นอกจากนี้ เสียงดนตรีประกอบในเกมยังประพันธ์ออกมาได้ไพเราะเสนาะหูยิ่งนัก ออกแนวดนตรีลูกผสมของการใช้เพลงจากภาคคลาสสิกอย่าง Halo Combat Evolved และ Halo 3 เติมแต่งโน้ตใหม่เข้ามาปนกันอย่างกลมกลืน อีกทั้งยังมีเพลงประกอบที่แต่งใหม่อีกหลายเพลง ซึ่งให้อารมณ์เดียวกับเพลงในเกม 3 ภาคแรก (ส่วนผสมระหว่างเพลงสวด เสียงเปียโน กลอง และโซโล่กีตาร์) ฟังแล้วรู้สึกรำลึกถึงความหลังและยังช่วยเสริมอารมณ์ให้เกมดูยิ่งใหญ่อลังการขึ้นด้วย
วงแหวนวงใหม่ที่จำเจกว่าวงเก่า
ถึงโหมดแคมเปญของ Infinite จะเล่นสนุกได้อารมณ์ขลังของซีรี่ส์ Halo อย่างเต็มที่ แต่มันก็ยังมีจุดที่น่าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ได้ จุดแรกก็คือเนื้อเรื่องของเกมที่สอบผ่านฉลุยด้านการเล่าเรื่องให้ดูลึกลับน่าติดตาม อีกทั้งฉากกระแทกอารมณ์ของตัวละคร Master Chief สหาย Pilot และนังหนู AI “The Weapon” ก็ทำออกมาได้ฟินดี แต่มันดันไปสอบตกเรื่องการทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่งงเป็นไก่ตาแตกนี่แหละ ใครที่เห็นคำโฆษณาว่าทั้งแฟนเก่าและหน้าใหม่ก็สามารถสนุกกับภาคนี้ได้ไม่แพ้กันนี่อย่าริอาจไปเชื่อครับ อย่างน้อยเราแนะนำให้คุณไปดูคลิปสรุปเนื้อเรื่อง Halo สั้น ๆ ก่อนแล้วค่อยมาเล่นก็ยังดี ไม่งั้นคุณจะมีคำถามในหัวเกิดขึ้นตลอดเวลาว่า “มันกำลังพูดถึงอะไรกันฟะ???” และอีกจุดที่ทำให้รู้สึกผิดหวังนิดหน่อยก็คือเนื้อเรื่องของ Halo Infinite จบแบบไม่จบมาก ๆ เอาเป็นว่านี่ไม่ใช่จุดจบของไตรภาค Halo ใหม่จากทีม 343 อย่างแน่นอน นี่มันปฐมบทของภาคถัดไปชัด ๆ
อีกจุดที่เกม Halo ภาคอื่น ๆ ทำได้ดีกว่าภาค Infinite ก็คือความหลากหลายของสภาพแวดล้อมที่ให้เราได้ออกผจญภัย ถึงฉากในภาค Infinite จะใหญ่โตมโหฬาร แต่มันขาดความหลากหลาย ตลอดทั้งเกมคุณจะได้เห็นแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนและท้องนภาสีฟ้าสดจนเบื่อไปเลย (ยังดีที่เวลาในฉากเปลี่ยนไปมาระหว่างช่วงกลางวันและกลางคืน ช่วยลดความจำเจได้บ้าง) ส่วนสิ่งก่อสร้างของกองทัพ The Barnished และเอเลี่ยนโบราณ Forerunner ก็แทบจะถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกันหมด ประมาณว่าได้เห็นรอบเดียวก็เหมือนกับเห็นทั้งเกมแล้ว จุดนี้ถือว่าน่าเสียดายทีเดียวเพราะปกติเราจะได้เห็นฉากมากมายหลายแบบที่มีในซีรี่ส์ Halo ทั้งฉากหิมะตก รังเอเลี่ยน สมรภูมิในเมืองใหญ่ สนามรบกลางทะเลทราย ฯลฯ ซึ่ง Halo Infinite ยังขาดฉากยิ่งใหญ่อลังการแบบที่ให้เรายกพลทหารทั้งกองพันถล่มกับทัพศัตรูใน Halo 3 อีกด้วย
จุดสุดท้ายที่อดผิดหวังไม่ได้ก็คือเกมนี้ไม่มีโหมด Co-op มาให้ตอนเกมออก ทั้งที่มันเป็นเหมือนกับโหมดพื้นฐานของเกมซีรี่ส์นี้ด้วยซ้ำ ที่มันน่าเสียดายมากก็เพราะเกมเพลย์แนวเปิดกว้างของภาค Infinite น่าจะยิ่งทำให้การเล่นฝ่าด่านไปพร้อมกับเพื่อนสนุกขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ โหมดสร้างแผนที่อันลือชื่อของ Halo อย่าง Forge ก็จะออกตามมาทีหลังเช่นกัน เจอแบบนี้ก็ทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่าเกมยังไม่เสร็จดีหรือเปล่าหว่า ถึงจะโดนเลื่อนออกมาปีนึงแล้วก็เหอะ
มัลติเพลเยอร์ย้อนวัยที่สนุกชิบเป๋ง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าโหมดมัลติเพลเยอร์ของซีรี่ส์ Halo นี่โด่งดังในหมู่แฟนจนแทบจะถือว่าเป็นเกมแยกจากโหมดแคมเปญได้เลย ต่อให้ภาคไหน (ภาค 5 แหละ บอกเลย) เนื้อเรื่องห่วยแตก แฟน ๆ ก็ยังด่าเช็ดไม่ลงถ้ามัลติดันสนุก ซึ่งภาคนี้นี่ถือว่าผู้เล่นได้ป๊อก 2 เด้งเลย เพราะนอกจากโหมดแคมเปญจะสนุก โหมดหลายผู้เล่นใน Halo Infinite ก็ดันสนุกมากซะด้วย โดยทีม 343 เลือกที่จะพาโหมดมัลติเพลเยอร์ของ Halo กลับสู่รากเหง้าของซีรี่ส์ บางคนอาจจะคิดว่าเกมเพลย์แบบ Arena Shooter มันล้าสมัยไปแล้ว แต่ขอท้าให้ลองเล่นโหมดเรียบง่ายอย่างทีมเดธแมตช์ ชิงธง ยึดโซน ฯลฯ ในแผนที่ดี ๆ ที่มีเกมเพลย์สุดจะแฟร์ซักตา แล้วคุณจะรู้ซึ้งว่ามันให้ประสบการณ์ที่สดชื่นแปลกใหม่มาก นั่นก็เพราะเดี๋ยวนี้เกม FPS แบบมัลติมีแต่แนวเลือกคลาสฮีโร่และแบทเทิลรอแยลกันเกลื่อนกลาดไปหมด การได้กลับมาเจอเกมแนวอารีน่าชิงแต้ม ให้ผู้เล่นได้จำจุดเกิดของปืนและไอเท็มพาวเวอร์อัพในแผนที่เอาเอง ถือเป็นการเปลี่ยนอารมณ์ที่ดีทีเดียว เมื่อนำไปผสมกับความสมดุลของเกมการเล่น ความหลากหลายของโหมด และยุทโธปกรณ์ที่มีให้ใช้อีกเพียบ จึงทำให้เราได้เกม FPS ออนไลน์ดี ๆ ที่เปิดให้เกมเมอร์ใช้วิธีรับมือฝั่งตรงข้ามแบบไหนก็ได้
สิ่งที่โดดเด่นมากในโหมดมัลติเพลเยอร์ของ Infinite ก็คือทีมพัฒนาได้ออกแบบคลังอาวุธ การเคลื่อนไหว หรือความอึดของพลังชีวิตและเกราะพลังงานของผู้เล่นต่างมาอย่างละเอียด ช่วยให้เล่นแล้วรู้สึกว่าเกมสมดุลสุด ๆ ไม่ว่าจะเล่นแพ้หรือชนะกี่แมตช์ก็ยังรู้สึกอยากเล่นต่อไปเรื่อย โดยเกมออกแบบให้อาวุธทุกชนิดในมัลติเพลเยอร์มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันในลักษณะค้อน กรรไกร กระดาษ เช่น หากคุณเจอดาบปรี่เข้าใส่ก็ให้เอาค้อนมาฟาดสวน เจอบาซูก้าก็ต้องเอาลูกซองเข้าไปซัดใกล้ ๆ หรือถ้าเจอพวกสไนเปอร์ก็ใช้ปืน Battle Rifle หรือ Commando Rifle ยิงสวนให้หลุดซูมซะ ซึ่งระบบแพ้ทางกันที่ว่านี้จะยิ่งลุ่มลึกยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อนำไปคอมโบกับระเบิดและยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ทั้งระเบิดน้อยหน่า ระเบิดพลาสมาตึ๋งหนืด โล่พลังงาน ขอเกี่ยว Grappleshot ไอพ่นเทอร์โบ ฯลฯ ดังนั้นไม่ว่าศัตรูจะแบกปืนอะไรมา ก็สามารถหาทางปราบได้เรียบถ้าคุณแน่จริง
นอกจากปืน ยุทโธปกรณ์ เกมยังโยนยานพาหนะทั้งรถจี๊บ Warthog ยานแว้น Ghost และเครื่องบิน Banshee เข้าไปในแผนที่ใหญ่ ๆ ด้วย ซึ่งยานพาหนะพวกนี้ก็จะเข้ามาช่วยเพิ่มความมั่วมันส์ให้เกมยิ่งคาดเดาไม่ได้ ยิ่งนำของพวกนี้ไปผสมกับโหมดการเล่นแบบเน้นทำภารกิจอีกหลายแบบที่ไม่ได้แค่ให้ผู้เล่นฆ่ากัน (ยึดพื้นที่ ชิงธง ชิงบอล และอื่น ๆ) ก็ยิ่งทำให้เกมมีสีสัน
อีกเรื่องเด็ดก็คือโหมดมัลติเพลเยอร์ของ Halo Infinite เค้าเปิดให้เล่นฟรี! ใครไม่อยากเสียตังค์ซื้อแคมเปญก็ไปโหลดมัลติเพลเยอร์ของ Halo มาเล่นอย่างเดียวก็ได้ ซึ่งเกมเมอร์ยังสามารถเล่นข้ามแพลตฟอร์มระหว่างเครื่อง PC กับ Xbox ได้ด้วยนะ และถึงมันจะเป็นเกมฟรี แต่ทีมพัฒนา 343 ก็ยังขัดเกลาระบบเกมเพลย์ออกมาได้เนี้ยบมาก (ผิดกับเกมชื่อสนามรบปี 2000 อะไรซักอย่างที่บั๊กกระจายทั้งที่ขายราคาเกือบ 2,000)
แต่การที่มันเป็นเกมเล่นฟรีก็เป็นเหมือนดาบสองคม เนื่องจากองค์ประกอบที่น่ารำคาญต่าง ๆ ซึ่งเป็นของที่มาคู่กับเกมเล่นฟรีต่างตามมาให้เห็นใน Infinite อย่างครบครัน ตั้งแต่ระบบอัพเลเวลสุดขี้ตืด ถ้าไม่จ่ายตังค์ซื้อ Battle Pass ก็อย่าหวังว่าจะได้เกราะสวย ๆ มาใช้ ส่วนแผนที่ก็ยังน้อยไปหน่อย โหมดก็มีไม่เยอะ ระบบตั้งห้องเล่นเองกับเพื่อนก็ยังบ๊อง ๆ บวม ๆ ยังดีที่ทีม 343 เขาเริ่มปรับเงื่อนไขในการอัพเวลและแก้บั๊กตามฟีดแบ็คของเกมเมอร์ไปบ้างแล้ว
จุดนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหมือนกัน เพราะระบบเกมเพลย์พื้นฐานในโหมดมัลติเพลเยอร์ของ Halo Infinite นั้นแน่นปึ้กกว่าเกมจ่ายตังค์ทั่ว ๆ ไปหลายเกม ก็หวังว่าทีมพัฒนา 343 จะแก้ไขเรื่องจุกจิกพวกนี้ได้โดยเร็ว เพราะหากทำได้ไว โหมดมัลติเพลเยอร์ของ Halo Infinite มีสิทธิ์จะได้ขึ้นไปยืนเคียงข้างเกมยอดฮิตอย่าง Apex Legends หรือ Call of Duty แน่ ๆ
หวนคืนสู่วงแหวนอย่างสมชื่อ Master Chief
จากความเป็นไปได้นับร้อยนับพันที่เต็มไปด้วยลางร้ายลอยมาว่า Halo ภาคนี้คงจะห่วยแหง ๆ Infinite กลับพลิกโผด้วยการส่งมอบทั้งโหมดแคมเปญและโหมดหลายผู้เล่นที่สนุกเหนือความคาดหมาย เอาจริง ๆ ถ้าให้จัดอันดับความสนุกจากประสบการณ์ที่เคยเล่น Halo มาทุกเกม ผมกล้ายกให้ Halo Infinite ไปขึ้นหิ้งระดับเดียวกับ Halo Combat Evolved หรือ Halo 3 ได้เลย นี่คือการกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี Halo อย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าเกมยังไม่ได้เพอร์เฟกต์ระดับงานมาสเตอร์พีซ และยังสามารถมองเห็นจุดที่น่าจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีกหลายจุดเหมือนกัน แต่หากทีม 343 นำคำติชมจาก Halo ภาคนี้ไปเป็นบทเรียนเพื่อใช้กับ Halo ภาคถัดไป เกมเกมนั้นมีสิทธิ์จะกลายเป็นเกม Halo ภาคที่ดีที่สุดเท่าที่วงการเกมเคยเห็นมาได้อย่างไม่ยากเลย