Our score
8.5รีวิว Samsung Galaxy A54 5G และ Galaxy A34 5G ดีไซน์ใหม่ กล้องดีขึ้น และกันน้ำเหมือนเดิม !
จุดเด่นของทั้งสองรุ่น
- รองรับการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 ซึ่งแบรนด์ในระดับราคาเดียวกันไม่ได้ให้มา
- กล้องของทั้งสองรุ่นถือว่าทำได้ดีเมื่อเทียบกับเรตราคาเดียวกัน
- แบตเตอรี่อึดมาก สามารถใช้งานได้ทั้งวัน
- แบตเตอรี่ทั้งสองรุ่นมีความจุที่ 5000mAh ถือว่าให้มาเยอะกว่าบางแบรนด์ในระดับราคาเดียวกัน
จุดสังเกตของทั้งสองรุ่น
- กล้องด้านหลังของ Galaxy A54 5G มีความนูนมาก ทำให้เวลาวางตัวเครื่องจะต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเลนส์กล้องจะถูกแนบไปกับพื้นที่วาง อาจจะต้องใส่เคสที่ป้องกันเลนส์กล้อง
- การจัดการความร้อนของ Galaxy A54 5G เหมือนยังทำออกมาไม่ได้ดีเท่าที่ควร ในการทดสอบเครื่องที่ทางเราได้นำไปดู Youtube เป็นเวลา 1 ชม. ผลคือตัวเครื่องมีความร้อน
- ทั้งสองรุ่น สแกนหน้าและสแกนนิ้วใต้จอช้าเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง
- หน้าจอของ Galaxy A34 5G สว่างไม่เท่า Galaxy A54 5G แต่ในสเปกหน้าจอให้ความสว่างมาเท่ากันที่ 1000 nits
เปิดตัวและวางจำหน่ายกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลางอย่าง Galaxy A Series ต้องบอกว่าในรุ่นนี้เป็นรุ่นที่หลายคนรอคอยและจับตามองกันเป็นอย่างดี เพราะ Galaxy A Series นั้นมาพร้อมกับความคุ้มค่า และทำดีไซน์ออกมาได้น่าใช้ในทุก ๆ รุ่น
ในรอบนี้ Samsung เปิดตัวสมาร์ตโฟน Samsung Galaxy A กันถึงสองรุ่น ได้แก่รุ่น Galaxy A34 5G ที่มาพร้อมกับสโลแกน ‘เร็วแรง สนุกทุก Entertainment’ และ Galaxy A54 5G ‘กล้องสวย วิดีโอ 4K ชัดระดับโปร’ แล้วทั้งสองรุ่นนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลางนี้บ้างนะ !?
ต้องบอกว่าในปีที่แล้ว แบไต๋เราก็เคยได้รีวิว Samsung Galaxy A53 5G มาก่อนเหมือนกัน ในรุ่นที่แล้วนั้นทำออกมาได้ดีมากแล้ว แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขอยู่บ้างเล็กน้อย รอบนี้ Samsung เหมือนไปทำการบ้านและนำมาแก้ไขใน Galaxy A54 5G และ Galaxy A34 5G รุ่นใหม่ที่เราจะมารีวิวในวันนี้นั่นเอง
รีวิวนี้มีเนื้อหาอะไรบ้าง
สเปกโดยรวม
เรามาเริ่มต้นกับรุ่น Samsung Galaxy A54 5G กันก่อนดีกว่า ในรอบนี้จัดสเปกมาให้ดีกว่าในรุ่นที่แล้ว มีการพัฒนาจากรุ่นที่แล้วในหลาย ๆ อย่าง โดยสเปกตัวเครื่องนั้นประกอบไปด้วย :
- หน้าจอ 6.4 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียดหน้าจอ (1080 x 2340) FHD+ 120Hz ความสว่างหน้าจอ 1,000 nits (HBM)
- ชิปเซต Exynos 1380
- แรมขนาด 8 GB
- ความจุ (รอม) ขนาด 128GB รองรับการเพิ่มความจุเครื่องด้วย microSD Card ขนาดสูงสุด 1TB
- รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และ NFC รองรับ Contactless Payment Google Pay
- ระบบกล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 50 MP (f/1.8)
- กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 12 MP (f/2.2)
- กล้องมาโครความละเอียด 5 MP (f/2.4)
- กล้องหน้าความละเอียด 32 MP (f/2.2)
- Android 13 ครอบทับด้วย OneUI 5.1
- ระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอ และ มาพร้อมฟีเจอร์ Voice Focus
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67
- ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh พร้อมกับระบบชาร์จไว 25W (PD)
- น้ำหนักตัวเครื่อง 202 กรัม
และรุ่น Samsung Galaxy A34 5G จะมาพร้อมกับสเปก
- หน้าจอ 6.6 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียดหน้าจอ (1080 x 2340) FHD+ 120Hz ความสว่างหน้าจอ 1,000 nits (HBM)
- ชิปเซต Mediatek Dimensity 1080
- แรม 8 GB
- ความจุ 128GB รองรับการเพิ่มความจุเครื่องด้วย microSD Card ขนาดสูงสุด 1TB
- รองรับ 5G, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.2 และ NFC รองรับ Contactless Payment Google Pay
- ระบบกล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 48 MP (f/1.8)
- กล้องอัลตราไวด์ความละเอียด 8 MP (f/2.2)
- กล้องมาโครความละเอียด 5 MP (f/2.4)
- กล้องหน้าความละเอียด 13 MP (f/2.2)
- Android 13 ครอบทับด้วย OneUI 5.1
- ระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอ และ มาพร้อมฟีเจอร์ Voice Focus
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67
- ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh พร้อมกับระบบชาร์จไว 25W (PD)
- น้ำหนักตัวเครื่อง 199 กรัม
สเปกกล้อง
หลังจากที่ได้รับเครื่องมา และได้ไปลองถ่ายภาพมา ก็บอกได้เลยว่าทั้งสองรุ่น ทั้ง Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G ถ่ายภาพได้ดีในระดับที่น่าพอใจ และได้สีที่เอาภาพไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียได้ทันที ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบ 3 กล้องที่เหมือนกัน แต่มีแตกต่างของความละเอียดกล้องอยู่ 2 กล้อง ได้แก่กล้องหลัก และกล้องอัลตราไวด์
เพิ่มเติมคือ Galaxy A54 5G ได้ปรับระบบของการโฟกัส PDAF มาเป็นระบบ All Pixel AF ที่จะมาช่วยให้จับโฟกัสของวัตถุ และบุคคลได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม
โดยรุ่น Galaxy A34 5G นั้นมาพร้อมกับกล้องหลัก 48MP, กล้องอัลตราไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 5MP แต่ในรุ่นพี่อย่าง Galaxy A54 5G มาพร้อมกับกล้องหลักขนาด 50MP, กล้องอัลตราไวด์ขนาด 12 MP และกล้องมาโครขนาด 5 MP
ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัก
ในแง่ของคุณภาพรูปถ่ายเมื่อถ่ายกับเลนส์หลักของกล้องถือว่าทำได้ดีสมราคา Galaxy A54 5G สามารถเก็บรายละเอียดของวัตถุได้ทั้งหมด ภาพถ่ายมีไดนามิกของแสงที่สม่ำเสมอ และกล้องก็สามารถเก็บสีภาพได้ตรงกับสภาพแวดล้อม จงสามารถนำภาพถ่ายจากกล้องหลักความละเอียด 50 MP ไปลงในโซเชียลมีเดียได้ทันทีโดยไม่ต้องแต่งภาพเลย
ส่วนใน Galaxy A34 5G นั้นสามารถทำออกมาได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่รายละเอียดและสีอาจจะทำได้ไม่ดีเท่า Galaxy A54 5G แต่ถ้าเทียบกับสมาร์ตโฟนราคาเรตเดียวกันถือว่าทำได้อย่างน่าสนใจ สามารถนำไปถ่ายรูปทั่วไปตามชีวิตประจำวันได้
ตัวอย่างภาพจากกล้องซูม
ภาพถ่ายของ Samsung Galaxy A54 ขณะซูม 2 เท่า, 4 เท่า, และ 10 เท่าตามลำดับ
เมื่อถ่ายภาพซูมตัวเครื่องจะใช้วิธีการดิจิทัลซูมจากกล้องหลักความละเอียด 50 MP มีระยะซูมเริ่มต้นที่ 2X จนไปถึง 10X จากการทดลองไปถ่ายรูปซูมพบว่าระยะหวังผลที่ดีสุดคือระยะ 2X และ 4X ที่สามารถนำรูปภาพไปใช้งานต่อได้ยังไม่สูญเสียรายละเอียดของภาพที่มากจนเกินไป
ตัวอย่างภาพในที่แสงน้อย
การถ่ายภาพในที่กลางคืนนั้น ในรุ่น Galaxy A54 5G ถือว่าทำออกมาได้ดี สามารถจัดการกับ Noise ได้อยู่ในระดับนึง ภาพมีความสว่างและยังสามารถเก็บรายละเอียดของภาพและแสงออกมาได้ดีในระดับนึงเลย แต่ถ้าจะเอาไปใช้งานแบบจริงจัง คิดว่าควรเอาไปแต่งเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย แต่โดยรวมคือทำออกมาได้น่าพอใจ
ส่วนใน Galaxy A34 5G นั้นยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่า Galaxy A54 5G แสงมีความฟุ้งมากกว่า และโฟกัสในที่มืดได้ค่อนข้างยาก และถึงแม้จะโฟกัสได้ ภาพก็ยังมี Noise มากกว่าอย่างชัดเจน และในส่วนของรายละเอียดของภาพก็ยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่
ตัวอย่างภาพถ่ายบุคคล
ในโหมดถ่ายภาพบุคคล Galaxy A54 5G สามารถเบลอฉากหลังได้อย่างละมุน และถือว่าเบลอออกมาได้เนียน ไม่กินเส้นผม และมีความเป็นธรรมชาติ ถ้าถ่ายออกมาแล้วเบลอไม่พอ ก็สามารถเข้าไปแก้ไขความเบลอฉากหลังมากหรือน้อยได้ภายหลังในแกลเลอรี่ แต่แนะนำว่าถ้าอยากให้เบลออกมาสวยเป็นธรรมชาติ ให้ปรับแค่พอดี ๆ แล้วมันจะเบลอฉากหลังออกมาสวยมาก
ตัวอย่างภาพมาโคร
ในส่วนของกล้อง Macro นั้นสามารถถ่ายเข้าใกล้วัตถุได้ตั้งแต่ระยะ 3 – 5 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าใกล้มาก ๆ ถ้าจะเอาไปใช้งานจริง อาจจะไม่ค่อยเวิร์คซักเท่าไหร่ เพราะรายละเอียดของภาพนั้นอาจจะไม่ได้มีความคมชัดขนาดนั้น แต่โดยรวมก็ยังถือว่าสามารถใช้งานได้ ยังสามารถนำไปถ่ายรูปดอกไม้หรือนำไปส่องพระเล่นได้ หรือถ้าอยากถ่ายเน้นรายละเอียดมาก ๆ ใช้เลนส์หลัก แล้วซูมภาพเอาน่าจะเวิร์กกว่านะ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า (เซลฟี่)
ในด้านของกล้องหน้า Galaxy A34 5G นั้นทำสีออกมาได้ไม่ค่อยตรงเท่าที่ควร และแอบมีความซีดมากกว่าปกติ แต่ในส่วนของรายละเอียดนั้นถือว่าทำออกมาได้ไม่แย่เลย
ส่วนกล้องหน้าของ Galaxy A54 5G ส่วนตัวคิดว่าทำออกมาได้ดีกว่า Galaxy A34 5G แต่สีนั้นแอบมีความอมส้มซะงั้น แต่ในด้านของรายละเอียดนั้นทำออกมาได้ดีไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
ส่วนตัวของผู้เขียนนั้นคิดว่าถ้าเป็นสมาร์ตโฟนจากค่ายจีนในระดับราคาเดียวกันอาจจะทำได้ดีมากกว่านี้ แต่หลายคนก็หลายความเห็น ส่วนตัวอยากให้ไปลองเล่นกันดูก่อนว่ากล้องหน้าที่ให้คุณภาพสีแบบนี้ถือว่ารับได้หรือไม่
การถ่ายวิดีโอ
ทั้งสองรุ่น Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K 30 Fps และในโหมด Super Stady ความละเอียด Full-HD 30 Fps
หลังจากนำไปทดสอบถ่ายวิดีโอทั้งสองรุ่นพบว่ารุ่น Galaxy A54 5G สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า รวมถึงเห็นได้ว่าภาพที่ออกมามีความสว่างมากกว่า และเก็บสีของวิดีโอที่ตรงกับสภาพแวดล้อมมากกว่ารุ่น Galaxy A34 5G รวมถึงการกันสั่นก็ทำออกมาได้ดีกว่า อาจจะเป็นเพราะว่ากันสั่นของ Galaxy A54 5G ได้ปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้านี้จาก OIS 0.95 องศาเป็น 1.5 องศา ที่ทำให้การถ่ายวิดีโอได้นิ่งขึ้น, คมชัดขึ้น และคุณภาพที่สูง โดยรวมถือว่า Galaxy A54 5G ทำเรื่องวิดีโอออกมาได้ดีกว่าอย่างชัดเจนเลย
ส่วนรุ่น Galaxy A34 5G ในเรื่องของสีนั้นจะมีความซีดมากกว่า ถ้าจะใช้งานจริง ๆ ควรไปแต่งสีวิดีโอในภายเพิ่ม ส่วนในเรื่องของรายละเอียดนั้นถ้าเทียบกับรุ่นใกล้ ๆ กัน ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีสมราคาแหละ
ประสิทธิภาพและการใช้งาน
หน้าจอ
นี่คือเรื่องที่คู่แข่งยี่ห้อต่าง ๆ ไม่สามารถสู้ได้เลย Samsung Galaxy A34 5G มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.6 นิ้ว กล้องหน้าแบบหยดน้ำ Infinity U ความละเอียดหน้าจอ FHD+ Super AMOLED รีเฟรชเรตหน้าจอ 120Hz ความสว่างหน้าจอ 1,000 nits (HBM)
และรุ่น Samsung Galaxy A54 5G มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว กล้องหน้าแบบเจาะรูตรงกลางหน้าจอ ความละเอียด FHD+ Super AMOLED รีเฟรชเรตหน้าจอ 120Hz ความสว่างหน้าจอ 1,000 nits
จากการใช้งานจริงทั้งสองรุ่นพบว่าเมื่อใช้งานภายในอาคารทั้งสองรุ่นทำความสว่างได้ดีมาก และหน้าจอแสดงผลภาพมีความสดตามพาเนลของจอ Super AMOLED สามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างดีเยี่ยม หรือเรียกได้ว่าแทบไม่มีข้อติอะไรเลยในด้านของหน้าจอ
แต่เมื่อนำไปใช้งานกลางแจ้งมีแสงตกกระทบหน้าจอรุ่น Galaxy A54 5G จะทำความสว่างได้ดีกว่ารุ่น Galaxy A34 5G ทั้งที่ทั้งคู่นั้นมีความสว่างหน้าจอ 1,000 nits ที่เท่ากัน แต่โดยรวมก็ยังถือว่ายังสามารถใช้งานได้อย่างไม่หงุดหงิดอะไร และเรายังสามารถนำไปใช้งานกลางแจ้งได้ปกติ และถ้าเทียบกับรุ่นอื่นในราคาใกล้ ๆ กัน ก็ยังถือว่าทั้งสองรุ่นนี้ทำเรื่องของความสว่างหน้าจอออกมาได้อยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว
ความบันเทิง
ด้านความบันเทิงทั้งสองรุ่น Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G รองรับ Netflix ระดับ L1 ทั้งคู่ แต่ไม่รองรับการแสดงผลคอนเทนต์โหมด HDR ทั้งสองรุ่น
สำหรับการรับชมวิดีโอบนแพลตฟอร์ม Youtube ทั้งสองรุ่นรองรับการรับชมวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 4K สำหรับรับชมวิดีโอแบบ HDR จะรองรับเพียงแค่รุ่น Galaxy A54 5G เท่านั้น
เรื่องของลำโพง ทั้งคู่มาพร้อมกับระบบลำโพงคู่แบบสเตอริโอที่ทำออกมาได้ในระดับที่ดี ลำโพงมีความดังกังวาน และเหมาะสำหรับการรับชมความบันเทิงเป็นอย่างมาก แต่ในรุ่น Galaxy A54 5G จะให้มิติเสียงที่ดีกว่า Galaxy A34 5G อยู่พอสมควร
ส่วนในด้านของแอป Social อื่น ๆ ที่เราใช้งานกันอย่าง Facebook , Tiktok , และ Instagram ก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ทำได้ดีแทบไม่มีข้อติเลยทีเดียว โดยรวมคือทั้งสองรุ่นนั้นสามารถนำไปเล่นโซเชียลต่าง ๆ ได้ดีในระดับที่น่าพอใจมาก
การเล่นเกม
ทั้งสองรุ่นนี้ใช้ชิปไม่เหมือนกัน Galaxy A54 5G จะใช้ชิป Exynos 1380 ส่วน Galaxy A34 5G จะใช้ Mediatek Dimensity 1080 ซึ่งต้องบอกว่าชิปทั้งสองรุ่นนั้นทำประสิทธิภาพการเล่นเกมออกมาดีพอตัว ในด้านของการเล่นเกมนั้น เราได้นำทั้ง 2 เครื่องไปเล่นเกมมา จำนวน 2 เกม ได้แก่ Genshin Impact และ RoV ไปชมผลการทดสอบกันได้เลย
Genshin Impact
Galaxy A54 5G ในช่วงเริ่มต้นเกมมานั้น เกมจะปรับมาให้เป็นกราฟิกมาให้เป็น Low ทางเราได้เปิด 60FPS เพิ่มเติม ถือว่าเล่นได้ในระดับที่ดี แต่ถ้าปรับเป็น Medium และ Highest เกมจะมีความกระตุก และมีความร้อนมากกว่าปกติ ถ้าหันตัวละครซ้ายขวาแบบเร็ว ๆ จะสังเกตว่ามีความหน่วงอย่างเห็นได้ชัด และเครื่องจะมีอาการโหลดแมพไม่ทันในบางครั้ง สำหรับคนที่จะเล่นเกมนี้ เราแนะนำว่าให้ปรับกราฟิกให้อยู่ในระดับต่ำ จะทำให้สามารถเล่นเกมได้ดีกว่า
Galaxy A34 5G นั้นในช่วงเริ่มต้นเกมมา เกมจะปรับมาให้เป็น Low ทางเราได้เปิด 60FPS เหมือนเดิม ถือว่าเล่นอยู่ในระดับที่ดี แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่าตัว Galaxy A54 5G ทำได้ดีกว่านิดนึงในโหมดเดียวกัน และถ้าปรับกราฟิกให้สูงขึ้นมากกว่านี้ ก็เหมือนรุ่น Galaxy A54 เหมือนกัน นั่นก็คือ กระตุก และมีอาการหน่วงเวลาหันตัวละครแบบเร็ว ๆ และจะมีอาการโหลดแมปไม่ทัน ในด้านของความร้อนตัวเครื่อง ก็ร้อนไม่ต่างจากตัว Galaxy A54 5G
RoV
Galaxy A54 5G สามารถปรับการแสดงผลผลได้ถึงระดับสูง นอกนั้นปรับสุดได้หมด ผลคือสามารถเล่นได้ลื่นไหล ทำเฟรมเรตได้ 60-61 fps ตลอดทั้งเกม และแอบมีความรู้สึกว่าหน้าจอของ Galaxy A54 5G ทัชติดมือมากกว่าตัว Galaxy A34 5G เลยทำให้รู้สึกว่าแอบเล่นดีกว่าได้นิดหนึ่ง แต่ในด้านความร้อนนั้น Galaxy A54 กลับมีความร้อนที่มากกว่า Galaxy A34 5G แต่ก็ถือว่ายังทำได้ดีมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
Galaxy A34 5G สามารถปรับการแสดงผลได้ถึงระดับสูงเหมือนกับรุ่นพี่ นอกนั้นปรับได้สุดหมด ทางเราได้ไปทดสอบมาให้ ผลปรากฏว่า สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล เฟรมเรตนั้นวิ่ง 60-61 ทั้งเกม และที่น่าประทับใจคือด้านของการจัดการความร้อน ถือว่าทำได้ดีมาก และที่น่าตกใจคือร้อนน้อยกว่า Galaxy A54 5G ในด้านหน้าจอนั้น รุ่นพี่อย่าง Galaxy A54 5G ทำได้ดีกว่าในด้านการทัชหน้าจอและความสว่าง แต่ก็ยังถือว่าเล่นได้อย่างลื่นไหลดี
การใช้ Google Pay
อีกจุดที่ถือว่าเป็นจุดเด่นทั้งสองรุ่นที่รองรับ NFC แบบ Contactless Payment โดยสามารถเพิ่มบัตรเครดิตเข้าไปในแอปพลิเคชัน Google Pay เพื่อใช้งานแบบแตะจ่ายร้านค้าที่รองรับได้ด้วย
ความปลอดภัย
เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเลือกใช้งานสมาร์ตโฟนหนึ่งเครื่องเลยก็ว่าได้ โดยทั้งรุ่น Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G มาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนนิ้วแบบใต้หน้าจอ และรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า แต่ในด้านความเร็วในการปลดล็อกตัวเครื่องอาจจะทำความเร็วออกมาได้ไม่สู้กับมือถือค่ายอื่นในระดับราคาเดียวกัน แต่อย่าลืมว่าจุดแข็งอีกอย่างของมือถือ Samsung คือมากับ Samsung Knox มารักษาความปลอดภัยของเครื่องในทุก ๆ ด้าน สรุปคือในด้านของความปลอดภัย ทั้งสองรุ่นถือว่าทำออกมาได้อยู่ในระดับที่ดีเลยแหละ
แบตเตอรี่
ทั้งสองรุ่นนั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh และระบบชาร์จไว 25W สำหรับการใช้งานจริงทั้งสองรุ่นถือว่ามีแบตเตอรี่ที่อึดมาก ถ้านำไปใช้แบบทั่วไป เล่นโซเชียล ถ่ายรูปบ้าง เล่นเกมหน่อย ๆ ก็ยังถือว่าสามารถใช้งานได้ทั้งวันเลย แต่ว่าถ้าเอาไปตีป้อม ตีมอนทั้งวันก็อาจจะได้ชาร์จบ้าง แต่โดยรวมคือแบตเตอรี่อึดมาก
ทางเราได้นำไปทดลองความอึดมาให้ด้วย ทางด้าน Galaxy A54 5G เรานำเอาเทสเกม Rov เป็นเวลา 15 นาที ผลปรากฏว่า แบตลดลงมาแค่ 2% เท่านั้น ส่วนในรุ่นน้องอย่าง Galaxy A34 5G เราก็นำมาเทสต์ด้วย Rov เป็นเวลา 15 นาทีเช่นกัน แบตก็ลดลงไปแค่ 2% เหมือนกับรุ่นพี่เป๊ะ ๆ และนำไปเปิดคลิปใน Youtube เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ปรับแสงหน้าจอจนสุด ผลปรากฏว่า Galaxy A54 5G แบตลดลงไป 6% และ Galaxy A34 5G ลดลงไป 5% ถือว่าเรื่องแบตเตอรี่นั้นทำออกมาได้ดีมาก ๆ
คุณภาพงานประกอบและดีไซน์
ทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G มีดีไซน์ตัวเครื่องมีความคล้ายคลึงเหมือนกับเรือธง Samsung Galaxy S23 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี Samsung บอกว่าการออกแบบนี้จะเป็นดีไซน์ประจำปีนี้ โดยมือถือของ Samsung ในปีนี้จะมีหน้าตาแบบนี้ทั้งหมด คือถือแล้วรู้เลยว่า ส่วนของสีตัวเครื่องนั้นก็แอบมีความมินิมอลหน่อย ๆ สไตล์ Samsung เลย
ฝาหลังของ Samsung Galaxy A34 5G เป็นโพลิเมอร์ที่ทาง Samsung เรียกว่า “Glasstic” และด้วยความที่เป็นโพลิเมอร์ ข้อดีคือน้ำหนักของตัวเครื่องจะเบามาก บางทีเบามากจนรู้สึกแปลก ๆ เพราะหน้าจอรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว แต่หนักไม่ถึง 200 กรัมด้วยซ้ำ ส่วนข้อเสียคืออาจจะรู้สึกเหมือนตัวเครื่องมีความก๊องแก๊งไปบ้าง โดยสีตัวเครื่องที่นำมาขายมี 3 สีได้แก่ Silver เมื่อกระทบแสงเปล่งประกายสีรุ้ง, Violet และ Graphite ฝาหลังในรุ่นนี้จะเป็นแบบด้านด้วยนะ เวลาจับคือจะเกิดรอยนิ้วมือยากมาก
ตัดมาที่พี่ของเรือกลาง Samsung Galaxy A54 5G มากับฝาหลังกระจกระดับพรีเมียม เวลาจับตัวเครื่องนั้นจะรู้สึกได้ว่าตัวเครื่องจะแน่น ๆ ดูแข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง โดยในรุ่นมีสีตัวเครื่องให้เลือกซื้อ 3 สี Graphite, Lime, Violet และมีสีพิเศษ สีขาว ถือว่าพิเศษจริง ๆ เพราะมือถือสีขาวในปัจจุบันนั้นหายากหาเย็น ในรอบนี้ Samsung ก็จัดมาให้เราได้กดสั่งกัน โดยสั่งซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ Samsung ประเทศไทยได้เลย
อีกจุดเด่นที่สองรุ่น Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G ที่ยี่ห้ออื่นในระดับราคาเดียวกันไม่มีเหมือนในสองรุ่นนี้ นั่นก็คือคุณสมบัติการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 กันน้ำลึก 1 เมตรเป็นเวลา 30 นาที คือเอาไปใช้งานได้อย่างสบายใจเลย ไม่ว่าจะฝุ่นหรือน้ำก็กันได้
สรุปรีวิว Galaxy A54 และ A34
ทั้ง Samsung Galaxy A54 5G และ Galaxy A34 5G รอบนี้ถือว่าทำการบ้านออกมาได้ดีมาก สเปกโดยรวมและการใช้งานของทั้งสองรุ่นนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจอที่ชนะขาด เมื่อเทียบในสมาร์ตโฟนในระดับเดียวกัน และการกันน้ำกันฝุ่นที่ถือว่าเป็นจุดแข็งของทั้งสองรุ่นเลยก็ว่าได้ กล้องก็ถือว่าดีขึ้นจากรุ่นเดิมอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หรือจะเป็นด้านเอ็นเตอร์เทนก็ทำออกมาได้ดีทั้งสองรุ่น จะนำไปเล่นโซเชียล ดูซีรีส์ เล่นเกมก็ทำออกมาได้อย่างน่าพอใจ
ราคา
และรีวิวที่ดีก็ต้องมีราคา ! โดย Samsung Galaxy A54 5G นั้นวางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 13,999 บาท ในขณะที่ Galaxy A34 5G นั้นวางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 11,999 บาท สำหรับใครที่สนใจ สามารถติดตามโปรโมชันตัวเครื่องที่หน้าเว็บไซต์ของ Samsung ประเทศไทย และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศได้เลย !
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส