รีวิว Huawei nova 4 สมาร์ตโฟนหน้าจอเจาะรูรุ่นแรกของไทย
Our score
8.3

Huawei nova 4

จุดเด่น

  1. หน้าจอแบบเจาะรูที่เรียก Punch Display คือดี ไม่กวนสายตา ใช้งานกับแอปทั่วไปได้ทันที
  2. กล้องดี ถ่ายง่าย ถ่ายสวย มาพร้อมเลนส์มุมกว้าง
  3. ประสิทธิภาพเครื่องระดับท็อปปีที่แล้ว แต่ราคาระดับกลางปีนี้
  4. EMUI 9 ดีงาม ความสามารถในการใช้งานเยอะ
  5. แบตเตอรี่ทน ใช้งานได้ทั้งวันสบายๆ

จุดสังเกต

  1. ถ่าย RAW ไม่ได้ โหมดกลางคืนไม่ใช้ขาตั้งกล้องใช้กับเลนส์มุมกว้างไม่ได้
  2. ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ แต่ใช้เลนส์มุมกว้างไม่ได้ และระบบป้องกันภาพสั่นไหวไม่เก่งเท่าถ่าย Full HD
  3. บางจังหวะจะเจออาการ UI กระตุกบ้าง โดยเฉพาะเพื่อต้องการจัด Notification เยอะๆ
  4. การรับสัญญาณ Wifi มีปัญหาแปลกๆ โดยเฉพาะไวไฟแบบ roaming ที่ไม่เปลี่ยนคืนเป็นตัวที่เร็วกว่า
  • รูปลักษณ์ภายนอก

    8.0

  • คุณภาพหน้าจอ

    8.0

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    8.5

  • ประสิทธิภาพกล้อง

    8.0

  • ความคุ้มค่า

    9.0

วงการสมาร์ตโฟนนั้นจะมีเทรนด์ประจำปีที่กำหนดแนวทางการออกแบบมือถือต่างๆ นะครับ เช่นเมื่อ 2 ปีที่แล้วเป็นเทรนด์หน้าจอยาว 18:9 เมื่อปีที่แล้วก็เทรนด์หน้าจอบากที่พัฒนาเป็นบากรูปหยดน้ำ และปี 2019 นี้เทรนด์ของสมาร์ตโฟนคือหน้าจอเจาะรูครับ (ส่วนปีหน้าน่าจะเป็นมือถือจอพับที่ราคาลงมาจับต้องได้มากขึ้น) ซึ่งมือถือเจาะรูรุ่นแรกที่ขายในไทยคือ Huawei nova 4 โดยเรียกหน้าจอนี้ว่า Punch Display ว่าแต่รุ่นนี้มันเจ๋งไหม เราจะเล่าให้ฟังครับ

หน้าจอเจาะรู Punch Display ของ Huawei nova 4 ใช้ดีแค่ไหน

หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.4 นิ้วของ Huawei nova 4 ให้ความละเอียดมาตรฐาน Full HD+ คือ 2310 x 1080 pixel ให้สัดส่วนพื้นที่การแสดงผลต่อพื้นที่ด้านหน้าสูง 86.3% ที่น่าสนใจคือขอบบนของเครื่องที่เห็นบางๆ แบบนี้นั้นอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีหลายอย่าง คือ

  • ช่องลำโพงสนทนาวางตัวบางเฉียบอยู่ด้านบนสุดของ nova 4 พร้อมซ่อนไฟ LED แสดงสถานะในช่องลำโพงตัวนี้
  • เซนเซอร์วัดแสงสำหรับปรับแสงหน้าจอยังซ่อนอยู่ที่ขอบจอสุดบางนี้ (สังเกตจากตำแหน่งที่ฟิล์มกันรอยหน้าจอเว้าลงไป)
  • แปลกที่สุดคือเซนเซอร์ตรวจจับการแนบหู (proximity sensor) ย้ายไปอยู่ขอบเครื่องบนเครื่อง แล้วใช้การเอียงทำมุมสะท้อนเข้าหาตัวผู้ใช้เวลาเอามาแนบหูแทน ซึ่งเท่าที่เราใช้เครื่องมาหลายสัปดาห์ ก็ไม่เคยมีปัญหาเวลาเอาโทรศัพท์แนบหูครับ หน้าจอไม่เคยติดขึ้นมาระหว่างคุยโทรศัพท์เลย

proximity sensor ที่ซ่อนอยู่ขอบจอด้านบน แต่ก็ยังใช้งานได้ดี

แต่จุดสังเกตของการทำหน้าจอแบบ Full View ในสมาร์ตโฟนแทบทุกรุ่นคือขอบด้านล่างจะยังไม่สามารถขยายไปจนสุดขอบล่างได้ อาจเพราะข้อจำกัดของเทคโนโลยีหน้าจอที่ต้องเหลือพื้นที่ด้านล่างสำหรับการเชื่อมต่อของหน้าจอ หรือข้อจำกัดด้านการออกแบบเสาอากาศ ซึ่งก็หวังว่าในอนาคตจะสามารถทำให้ขอบจอล่างไปจนสุดได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป

ว่าด้วยประสบการณ์การใช้ Punch Display

การใช้งานปกติ รูบนหน้าจอจะแสดงอยู่บน Status Bar ทำให้ใช้งานได้เนียน

ต้องยอมรับเลยว่า Punch Display ให้ความรู้สึกในการใช้ที่ดีกว่าหน้าจอบากแบบเดิม คือแม้ว่าหลังๆ หน้าจอบากจะพัฒนามาจนเหลือเป็นแค่ทรงหยดน้ำเล็กจิ๋ว แต่มันก็ยังแอบรำคาญสายตาอยู่ดีเพราะมันอยู่ตรงกลางจอครับ ซึ่งหน้าจอเจาะรูนั้นย้ายกล้องไปอยู่ตรงมุมแทน ซึ่งหลายจังหวะในการใช้ก็ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีกล้องอยู่ตรงมุมจอ จึงได้ความรู้สึกว่าเป็นหน้าจอเต็มมากกว่า ซึ่งคุณภาพหน้าจอของ Huawei Nova 4 ก็จัดว่าดีเลย เป็นจอ IPS ที่ให้มุมมองภาพกว้าง สีสันสดใส ภาพละเอียดคมชัด ไม่ได้ด้อยไปกว่าจอ IPS ที่ใช้ในสมาร์ตโฟนตัวท็อป

Asphalt 9 สามารถแสดงภาพเต็มจอได้

จากการทดลองใช้ แอปส่วนใหญ่นั้นรองรับ Punch Display ได้สวยงามดี ซึ่งเจ้ารูบนหน้าจอนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ใน Status Bar ด้านบนของเครื่อง ระบบก็มีการปรับให้ไอคอนและข้อความต่างๆ ใน Status Bar หลบหลุมบนหน้าจอได้อย่างดี แอปอย่าง facebook หรือ LINE ก็แสดงผลได้สวยงามเต็มตา แต่เมื่อใช้หน้าจอในแนวนอน พื้นที่ที่เป็นกล้องจะถูกถมดำไปทั้งหมด เหมือนเรียกใช้งานในโหมดซ่อนรูบนหน้าจอ

เวลาเล่นเกมบางเกมอย่าง Contra ก็จะเป็นอย่างนี้เช่นกันครับ พื้นที่บริเวณกล้องจะถูกถมดำไปทั้งแถบเพื่อป้องกันไม่ให้ปุ่มต่างๆ ไปแสดงอยู่ตรงนั้น แต่ก็มีเกมอย่าง Asphalt 9, ROV ที่สามารถแสดงผลได้เต็มจอจริงๆ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ผู้พัฒนาจะปรับแอปให้รองรับหน้าจอแบบนี้รึเปล่านะครับ แต่เกมที่แสดงผลเต็มหน้าจอคือดีย์งามมาก

Youtube สามารถแสดงวิดีโอจนเต็มจอได้ สวยงามมาก

ส่วน Netflix จะแสดงแบบถมดำที่ด้านบน

ส่วนการใช้งานกับแอปวิดีโอต่างๆ เท่าที่ทดสอบจะมีแค่ Youtube ที่สามารถขยายภาพไปจนเต็มจอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p ส่วน LINE TV นั้นสามารถขยายได้แบบถมดำที่บาร์ด้านบนที่ความละเอียดสูงสุด 1080p เช่นกัน และ Netflix ก็ขยายแบบถมดำเช่นกัน แต่แสดงความละเอียดสูงสุดที่ 540p (960 x 540 pixel) ครับ

ดีไซน์และการเชื่อมต่อของ Huawei nova 4

ดีไซน์ของ Huawei nova 4 นั้นได้กลิ่นอายของตระกูล Huawei P20 มากกว่า Huawei Mate 20 ที่เพิ่งออกมานะครับ โดยเฉพาะเรื่องตำแหน่งการเรียงกล้องหลัง และความโค้งของฝาหลังที่รับเข้ามือ จับถือสบายมือดี ซึ่งก็น่าจะเป็นกลิ่นอายที่หลายคนคุ้นเคยจากสมาร์ตโฟนของหัวเว่ย ซึ่งสีที่เราได้มารีวิวคือ Crush Blue สีน้ำเงิน-ฟ้าที่แวววาวสวยงาม ส่วนใครที่ต้องการสีเรียบๆ ก็มีสีดำให้เลือกซื้อหากันครับ

Huawei nova 4 นั้นใช้พอร์ต USB-C ในการชาร์จไฟและเชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งด้านล่างก็ยังเป็นที่อยู่ของลำโพงเครื่องด้วย แต่ nova 4 นั้นมีแค่ลำโพงเดียวด้านล่างนะครับ ไม่ใช่ลำโพงสเตอริโอ ส่วนด้านบนเครื่องก็ยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm อยู่ ซึ่งเมื่อเสียบหูฟังผ่านช่องหูฟังก็จะสามารถใช้งานระบบเสียง Huawei Histen ที่ช่วยปรับเสียงให้สดใสและกังวาลขึ้น แต่เรื่องนี้ก็แล้วแต่คนชอบครับ อย่างทีมงานฟังเพลงก็เลือกที่จะปิด Histen ไว้นะ ส่วนหูฟัง Bluetooth ไม่รองรับระบบเสียงนี้ครับ

กล้องของ nova 4 น่าประทับใจ

ภาพจาก nova 4 ในโหมดกลางคืนไม่ใช้ขาตั้งกล้อง

ภาพจาก nova 4 ในโหมดธรรมดา

ภาพมุมปกติ

ภาพจากเลนส์มุมกว้าง

กล้องหลังของ Huawei nova 4 นั้นประกอบด้วยเลนส์ 3 ตัวครับคือ

  • กล้องหลัก 20 MP f/1.8
  • กล้องมุมกว้าง 16 MP รูรับแสง f/2.2 มุมภาพ 117 องศา
  • กล้องวัดระยะ 2 MP รูรับแสง f/2.4

ก็เป็นเทรนด์ของมือถือยุคใหม่ในปีนี้ที่จะมีเลนส์มุมกว้างมาให้ด้วย แต่ nova 4 จะไม่ได้มีเลนส์ซูมมาให้เหมือนรุ่นพี่อย่าง Mate 20 นะครับ ก็ตามระดับราคาของมือถือกันไปเนอะ

เมื่อถ่ายอาหาร AI ก็จะปรับรูปแบบการแต่งรูปให้เหมาะกับอาหารโดยเฉพาะ

ถ่ายแมวก็ตกแต่งภาพให้ขนคมชัด

คุณภาพภาพของ nova 4 นั้นอยู่ในระดับที่ดีเลย ภาพที่ได้นั้นเหนือกว่ามาตรฐานที่มือถือระดับกลางๆ ทำได้ครับ ก็ด้วยความสามารถของซอฟต์แวร์กล้องจากหัวเว่ยด้วยที่ทำให้มีความสามารถต่างๆ มาเยอะ เด่นสุดก็ความสามารถ AI ที่มือถือจะวิเคราะห์องค์ประกอบภาพแล้วปรับแต่งรูปมาให้ ซึ่งก็ใช้ AI ช่วยถ่ายรูปกันตลอดเวลาครับ ส่วนความสามารถอื่นๆ เช่นการถ่ายภาพกลางคืนแบบเปิดกล้องนาน ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง หรือโหมด Light Painting ที่มีอยู่ในมือถือ Huawei มายาวนานก็ยังมีอยู่เช่นกัน และโหมด Pro ก็สามารถปรับ ISO, ความเร็วชัตเตอร์ หรือ White balance แต่ไม่มีตัวเลือกบันทึกไฟล์ภาพเป็น RAW นะครับ

ถ่ายภาพบุคคล

ภาพจากกล้องหลังของ nova 4

การถ่ายบุคคลด้วยกล้องหลังของ nova 4 ก็ให้คุณภาพและสีผิวออกมาได้ดีครับ ถ่ายแล้วตัวแบบดูดี ซึ่งก็สามารถปรับเข้าโหมด Portrait หน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเนียนตาด้วย ซึ่งในโหมดนี้ก็สามารถใส่เอฟเฟกให้ขอบภาพเข้มขึ้น หรือเลือกปรับรูปแบบแสงในภาพได้อีก เพียงแต่ว่าการปรับ Beauty Mode จะสามารถปรับได้เป็นระดับ 0-10 เท่านั้น ไม่ได้ลงรายละเอียดการปรับหน้าเรียว ผิวเนียนเหมือนสมาร์ตโฟนเน้นหน้าสวยครับ

ภาพ Portrait ปกติ

ภาพ Portrait ที่เปิดโหมดหลังเบลอ

กล้องหน้าชัดกว่ากล้องหลัง

ในส่วนของกล้องหน้าที่อยู่ในรูที่หน้าจอนั้นมีความละเอียด 25 ล้านพิกเซล f/2.0 ละเอียดกว่ากล้องหลังตัวหลักที่ละเอียด 20 ล้านพิกเซลอีก ซึ่งคุณภาพที่ออกมานั้นถือว่าดีเลยสำหรับกล้องหน้า ที่สามารถทำฉากหลังเบลอได้ด้วย เพียงแต่เวลาใช้กล้องหน้าแรกๆ จะงงหน่อยว่าต้องมองกล้องตรงไหน เพราะเป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้ดีไซน์กล้องอยู่ในหน้าจอแบบนี้ครับ

ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K

สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังนั้นสามารถทำความละเอียดสูงสุดได้ 4K ครับ แต่การถ่ายวิดีโอ 4K ด้วย Huawei nova 4 นั้นก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างคือเราไม่สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ด้วยเลนส์มุมกว้างได้ และระบบป้องกันภาพสั่นไหวจะทำงานได้ไม่ดีเท่าถ่ายที่ 1080p ครับ เราจึงแนะนำให้ถ่ายที่ Full HD มากกว่า ส่วนกล้องหน้านั้นถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080P ครับ

ตัวอย่างภาพจาก Huawei nova 4

ประสิทธิภาพของ Huawei nova 4

ในแง่ของสเปคแล้ว Huawei nova 4 ที่เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลางในปีนี้ กลับใส่สเปคที่เหนือว่าสมาร์ทโฟนตัวท็อปของหัวเว่ยในปีที่แล้วอีกคือ

  • Kirin 970 8 แกนสมอง (4 x Cortex-A73 Based 2.36 GHz + 4 x Cortex-A53 Based 1.8 GHz) นับเป็นตัวท็อปปีที่แล้ว
  • RAM 8 GB
  • หน่วยความจำ 128 GB แต่ใส่ MicroSD เพิ่มไม่ได้แล้วนะครับ

ความประทับใจในการใช้งานสำหรับเราคือแรม 8 GB มันดีงามมากครับ แอปไม่ต้องโหลดใหม่บ่อยๆ ปิดแอปไป แล้วใช้งานอื่นไปสักพักกลับมาแอปเดิมก็ยังไม่ต้องโหลดใหม่ หน้าเว็บใน Chrome ก็เปิดค้างไว้ได้นาน ไม่ต้องโหลดซ้ำกันบ่อยๆ นอกจากนี้ตัวซีพียู Kirin 970 ก็ยังให้ประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ดีด้วย ทำให้ประสบการณ์ใช้งานสำหรับเรากับ Huawei nova 4 นั้นดีมาก

สมาร์ตโฟน Huawei ที่ใช้ EMUI 9 จะมี Performance Mode ให้เลือกเปิดได้ในหน้า Battery นะครับ ซึ่งผลการทดสอบประสิทธิภาพระหว่างปิดกับเปิดโหมดนี้ก็ได้ตัวเลขที่แตกต่างกันมาก ใครเป็นสายเกมเมอร์ก็ควรเปิดโหมดนี้เวลาที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดจากเครื่องครับ แต่ถ้าเปิดโหมดนี้อายุของแบตเตอรี่จะสั้นลงนะครับ ซึ่งผลการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องก็ตามนี้เลย

จากตัวเลขที่ได้ก็ถือว่า Huawei nova 4 นั้นมีประสิทธิภาพเครื่องที่ดี โดยเฉพาะใน Performance Mode ที่ได้ตัวเลขเยอะ ความเร็วของหน่วยความจำก็จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี การใช้งานแอปต่างๆ จึงค่อนข้างลื่น เล่นเกมก็ไม่มีสะดุดครับ แต่เราพบอาการหน่วงบ้างเวลาที่เครื่องต้องจัดการกับ Notification เยอะๆ หรือเวลาฟังเพลงผ่าน Bluetooth ที่บางทีเวลาเปิดหน้าจอขึ้นมาเพลงก็กระตุกครับ ซึ่งก็น่าจะปรับปรุงในเฟิร์มแวร์รุ่นถัดๆ ไป

และอีกเรื่องที่เราเจอคือการจับสัญญาณ Wifi โดยเฉพาะในบ้านสมัยใหม่ที่ Wifi เป็นระบบ Roaming ใช้ไวไฟชื่อเดียวแต่สามารถสลับระหว่าง 2.4 GHz กับ 5 GHz โดยอัตโนมัติ เจ้า nova 4 จะมีปัญหาไม่สลับมาใช้สัญญาณที่ดีกว่าโดยอัตโนมัติครับ คือพอไปจับ 2.4 GHz ก็จับอยู่แบบนั้น ไม่ย้ายขึ้นมา 5 GHz เมื่ออยู่ใกล้เสา ซึ่งเราก็รู้จากการสตรีมเพลงผ่าน Tidal ที่เมื่อจับสัญญาณ 2.4 GHz เพลงจะกระตุกเพราะส่งสัญญาณมาไม่ทันครับ

ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ของ Huawei nova 4 นั้นมีความจุ 3750 mAh นะครับ ซึ่งก็ใช้งานยาวๆ ได้ครบจบตลอดทั้งวัน แม้ว่าเราจะใช้งานหนักอย่างแบต Personal Hotspot ใช้บ้างระหว่างวัน ก็ไม่เคยต้องใช้ Power Bank เลย ก็ถือเป็นแบตเตอรี่ที่อึดใช้ได้ครับ

สารพัดความสามารถของ EMUI 9

Huawei nova 4 นั้นใช้ Android 9 รุ่นล่าสุดครอบทับด้วย EMUI 9 ครับ ซึ่งคนที่เคยใช้มือถือของหัวเว่ยมา ก็น่าจะคุ้นเคยกับหน้าตาขาวๆ กล่องข้อความตอบโต้ที่เป็นสี่เหลี่ยมมนๆ ของ EMUI กันดี ซึ่งใน EMUI 9 ก็มีความสามารถใหม่ๆ ที่น่าสนใจเยอะครับ เรารวบรวมมาให้อ่านตรงนี้เลย

การควบคุมเครื่องแบบใหม่ ไม่มีปุ่ม แต่ปาดขอบจอเอา!

เมื่อสมาร์ตโฟนแข่งกันยึดพื้นที่ด้านหน้าให้แสดงหน้าจอได้มากที่สุด แล้วทำไมเราจะต้องมีปุ่ม Back, Home, Recent App มาวางค้างอยู่ที่หน้าจอล่ะครับ ใน EMUI 9.0 เราสามารถปิด 3 ปุ่มนี้ทิ้งไปเลย แล้วใช้การปาดหน้าจอหรือที่เรียกว่า Gestures Control มาทำงานแทน โดยเข้าไปที่ Settings -> System -> System navigation แล้วเลือกเป็น Gestures เจ้าปุ่มอมตะ 3 ปุ่มด้านล่างของแอนดรอยด์ก็จะหายไปครับ แล้วเราจะสั่งงานด้วยการปาดจากขอบจอแทนแบบนี้

  • ลากจากขอบจอซ้ายหรือขวาเพื่อย้อนกลับ (Back)
  • ลากจากขอบจอล่างตรงกลางเพื่อกลับโฮม (Home)
  • ลากจากขอบจอล่างตรงกลางแล้วค้างไว้พักหนึ่งเพื่อสลับแอป (Recent App)
  • ลากจากขอบจอล่างฝั่งซ้ายหรือขวาเพื่อเรียก Google Assistant (สามารถปิดได้ถ้าไม่ต้องการใช้)

ใช้ไปสักพักก็ชินครับ แล้วจะฟินกับพื้นที่หน้าจอที่มีเยอะขึ้น แต่ใครที่ใช้ยังไงก็ไม่ถนัด ก็สามารถเปลี่ยนกลับไปใช้แบบเดิมได้ตลอดเวลา ซึ่ง Huawei ก็มีทางเลือกให้สลับปุ่มได้ด้วย จะใช้ Back, Home, Recent หรือให้เป็น Recent, Home, Back ก็เลือกได้ทั้งนั้น

HiVision กล้อง AI รู้ด้วยว่าของตรงหน้าคืออะไร

แอปกล้องใน EMUI 9.0 จะมีปุ่ม HiVision ตรงมุมบนขวาเพื่อเรียก AI ขึ้นมาวิเคราะห์ภาพจากกล้องว่าคืออะไร ซึ่งสามารถทำงานได้หลายอย่างเลย

  • ใช้สแกนสถานที่สำคัญทั่วโลก เช่น เจอรูปตึกที่ดูน่าเที่ยวมากๆ ตามร้านกาแฟ แล้วอยากรู้ว่าคือที่ไหน ก็เปิด HiVision มาสแกน ก็จะบอกทันทีว่าที่นั้นคือที่ไหนแล้วยังสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของสถานที่นั้นได้ด้วย
  • ใช้สแกนแคลอรี่ของอาหาร แถมบอกได้ด้วยว่าเป็นอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันประเภทไหน มีโซเดียมมากเท่าไหร่ด้วย
  • ใช้สแกนศิลปะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด, รูปปั้น รูปถ่ายหรือจะเป็นดารานักแสดงชื่อดังแค่ทำการสแกนก็จะบอกรายละเอียดทันที
  • ใช้แปลภาษาเมื่อต่อภาษาที่คุณไม่เข้าใจแค่ยกกล้องขึ้นสแกนระบบจะแปลให้ทันที
  • เวลาเดินห้างแล้วเจออะไรถูกใจก็มี AI E-Commerce ยกกล้องขึ้นมาสแกนเปลี่ยนบอกรายละเอียดสินค้า พร้อมแสดงร้านค้าออนไลน์ที่ถ้าคุณเจอของราคาถูกกว่าก็สั่งซื้อได้ทันที

Video Ringtone ของเล่นใหม่ให้การรับสายมีสีสัน

หนึ่งในความสามารถของ EMUI 9.0 ที่มีใน Huawei nova 4 คือเราสามารถกำหนดวิดีโอให้กลายเป็น Ringtone เวลาคนโทรเข้ามาได้ด้วย โดยกำหนดผ่านตัวเลือก Ringtone ในคอนแทกของคนนั้นๆ เพื่อให้เวลาสายเรียกเข้าของคนพิเศษ ก็จะมีวิดีโอเก๋ๆ ขึ้นเต็มหน้าจอ สร้างรอยยิ้มให้คนรับเข้าไปอี๊กก (คิดถึงว่าเวลาแฟนโทรเข้ามา ก็เป็นวิดีโอแฟนทำหน้าอ้อนให้รับสาย มันจะฟินขนาดไหน)

เชื่อมต่อภาพไร้สายขึ้นจอทีวีในแบบ PC Mode

ปกติ Android ก็สามารถส่งภาพในจอไร้สายไปขึ้นทีวีที่รองรับได้อยู่แล้วนะครับ แต่ EMUI 9.0 ของหัวเว่ยจะพิเศษกว่าตรงที่สามารถส่งภาพขึ้นจอในแบบของ PC Mode ได้เลย ซึ่งจะเป็นหน้าจอ Desktop เหมือนคอมพิวเตอร์ เรียกใช้งานต่างๆ ได้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเลย ซึ่งมีประโยชน์เวลาไปทำงานนอกสถานที่ ก็สามารถพกมือถือไปนำเสนอกับจอได้แบบไร้สายได้ หรือถ้าไม่ได้ใช้งานอะไรหนักนัก ก็สามารถใช้มือถือแทนคอมพิวเตอร์เพื่อต่อภาพออกจอใหญ่ แล้วพิมพ์งานหรือตรวจงานได้เลย

แต่ถ้าการเชื่อมต่อไร้สายมันมีอาการหน่วงมากเกินไป เราก็ยังสามารถต่อหัวแปลง USB-C เพื่อต่อสายออกจอได้เหมือนกันครับ ก็จะได้ PC Mode เหมือนกัน

Huawei Share ที่ส่งข้อมูลไร้สายถึงคอมพิวเตอร์ได้ด้วย!

Play video

คนที่ใช้สมาร์ตโฟนจาก Huawei อยู่แล้วน่าจะคุ้นเคยกับ Huawei Share ที่สามารถแชร์ไฟล์ระหว่างมือถือหัวเว่ยด้วยกันเองได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่ง Huawei Share รุ่นล่าสุดที่อยู่ใน EMUI 9.0 นั้นสามารถแชร์ไฟล์เพื่อเปิดในคอมพิวเตอร์ได้ด้วย โดยฝั่งคอมพิวเตอร์ต้องเชื่อมต่อเครือข่ายให้เรียบร้อย เปิดระบบค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่าย ส่วนสมาร์ตโฟนก็เชื่อมต่อ Wifi วงเดียวกับคอมพิวเตอร์ เสร็จแล้วเข้าเมนูของ Huawei Share เพื่อเปิดการเข้าถึงจากคอมพิวเตอร์ ตั้งรหัสผ่านให้เรียบร้อย เราก็จะสามารถดึงข้อมูลในมือถือ ดึงรูปได้เหมือนเป็นไดรฟ์ในเครือข่ายเลย ง่ายมาก ไม่ต้องเสียบสายก็ดึงข้อมูลได้ง่ายๆ แถมยังสามารถสั่งพิมพ์ภาพไปที่เครื่องพิมพ์แบบไร้สายได้ด้วย

สารพัดความสามารถคูลๆ ใน EMUI 9.0

EMUI 9.0 นั้นอัดแน่นด้วยความสามารถเฉพาะตัวอีกเยอะครับ เช่น

  • กล้องของ EMUI นั้นความสามารถเยอะมาก เช่นมี AI ช่วยวิเคราะห์ภาพและแต่งภาพให้เหมาะสม หรือสามารถเปิดหน้ากล้องนานเพื่อถ่ายดาว หรือถ่ายกลางคืนแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องก็ได้
  • สารพัด AI ช่วยในการทำงาน ทำให้ระบบทำงานเร็วขึ้น เพราะเครื่องจะเรียนรู้เองว่าควรปรับแต่งการทำงานยังไงให้เหมาะกับเรา และเครื่องยังคงเร็วเสมอแม้ใช้งานมานาน
  • Wifi Bridge สามารถรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่าน Wifi แล้วมาแชร์ต่อให้เครื่องอื่นๆ ผ่าน Wifi ได้
  • เปิด-ปิดการแสดงรอยบาก (Notch) หรือรูกล้องใน nova 4 ด้วยการถมสีดำทับ
  • ปรับรูปแบบการใช้พลังงาน ตั้งแต่ประหยัดพลังงานมากๆ ใน Ultra Saving Mode ไปจนถึงเครื่องแรงที่สุดสำหรับการเล่นเกมใน Performance Mode
  • PrivateSpace พื้นที่เก็บไฟล์และข้อมูลส่วนตัว ต้องใส่รหัสปลดล็อก หรือใช้สแกนลายนิ้วมือในนิ้วที่กำหนด ถึงจะเข้าถึงได้
  • App Lock ตั้งรหัสผ่านก่อนเปิดแอปที่กำหนด ซึ่งสามารถใช้สแกนหน้าหรือสแกนลายนิ้วมือในการปลดล็อกได้ด้วย
  • App Twin สำหรับใช้งาน facebook, LINE, Facebook Messenger 2 บัญชีในเครื่องเดียว
  • บันทึกภาพตามยาว แคปเฟซบุ๊กหรือไลน์ก็สบาย

สรุป Huawei nova 4 เปิดตัวมาด้วยราคาแค่ 16,990 บาท ซึ่งเป็นราคาของสมาร์ตโฟนระดับกลาง/บน แถมได้สเปคน่าสนใจคือใช้ชิป Kirin 970 พร้อม RAM 8 GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128 GB ซึ่งมาพร้อม EMUI 9.0 ที่เป็น Android 9.0 เรียบร้อย กล้องหลัง 3 เลนส์พร้อมเลนส์มุมกว้าง ซึ่งจากประสบการณ์ทั้งหมดที่เราใช้มา nova 4 ถือเป็นสมาร์ตโฟนอีกเครื่องที่น่าสนใจในตอนนี้ครับ