รีวิว Mi Mix 3 กล้องสไลด์แบบใหม่กับการใช้งานแบบใหม่ แต่หลายอย่างยังไม่เข้าที่
Our score
8.5

Mi Mix 3

จุดเด่น

  1. ตัวเครื่องดีไซน์ได้พรีเมี่ยม ฝาหลังสวยงาม หน้าจอเต็มด้านหน้าเพราะซ่อนกล้องไว้ในตัวเครื่อง เปิดได้ด้วยการสไลด์ด้วยมือ
  2. กล้องให้คุณภาพดีมาก ให้ภาพสดใส สีสันอิ่ม แต่ไม่โอเวอร์เกินจริง
  3. ประสิทธิภาพเครื่องดีตามสไตล์ Snapdragon 845
  4. MIUI มีลูกเล่นเยอะ ปรับแต่งได้เยอะ
  5. ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ ในกล่องแถมแท่นชาร์จไร้สายมาให้ด้วย

จุดสังเกต

  1. ดีไซน์ซ่อนกล้องแบบเลื่อนทั้งชิ้นด้วยมือมีปัญหาเยอะ ทั้งถ้ามือแห้งจะเลื่อนไม่ไป หรือทำให้เครื่องไม่แน่น ไม่เป็นชิ้นเดียวกัน
  2. แบตเตอรี่ไม่ทน อยู่จบวันได้แบบลุ้นๆ ควรพก Power Bank
  3. ลำโพงแนบหูเสียงไม่ค่อยดัง ต้องสไลด์เครื่องลง แล้วเอาหูแนบลำโพงตัวใน
  4. เคสแถมไม่ดี พลาสติกบาง ใส่แล้วไม่กระชับ ปุ่มกดบนเคสทำได้ไม่ดี
  5. ไม่รองรับ VoWiFi แต่รองรับ VoLTE
  • รูปลักษณ์ภายนอก

    8.0

  • คุณภาพหน้าจอ

    8.0

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    9.0

  • ประสิทธิภาพกล้อง

    9.0

  • ความคุ้มค่า

    8.5

มือถือตระกูล Mi Mix จาก Xiaomi นั้นถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับเรือธงที่นำเทรนด์การปูพื้นที่หน้าจอให้เต็มด้านหน้าของมือถือเป็นรายแรกๆ ของโลกเลยนะครับ ซึ่งเมื่อโลกเข้าสู่ยุคมือถือกล้องสไลด์ Mi Mix 3 ก็ปรับมาใช้ดีไซน์กล้องสไลด์บ้าง และเป็นดีไซน์สไลด์แบบแม่เหล็กที่ไม่เหมือนใครด้วย เพราะต้องใช้มือออกแรงสไลด์เองซึ่งแตกต่างจากมือถือกล้องสไลด์แบบอื่นๆ ที่ใช้มอเตอร์เลื่อนกล้องขึ้นลง ซึ่งหลังจากที่ทีมงานเว็บแบไต๋ได้ใช้ Mi Mix 3 เป็นเวลานับเดือน (และดองรีวิวอีกเป็นเดือน) เราจะรีวิวสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ให้เต็มที่ครับ

ดีไซน์ของ Mi Mix 3

Mi Mix 3 นั้นจัดเป็นมือถือกลุ่มตัวท็อปของ Xiaomi นะครับ ดีไซน์และสัมผัสของ Mi Mix 3 นั้นจึงจัดอยู่ในเกรดพรีเมี่ยมเลย ทั้งฝาหลังแวววาวสะดุดตา อย่างเครื่องสีดำนิลที่เราได้มารีวิวนั้นก็ดูหรูหรามาก ซึ่งข้อมูลบอกว่าฝาหลังของ Mi Mix 3 นั้นเป็นเซรามิกด้วย แต่เราก็คิดว่าฝาหลังมันเป็นแก้วมาตลอดนะเพราะสัมผัสมันวาวและลื่นเหมือนกันเลย ฝาหลังนี้ก็เป็นที่อยู่ของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานเร็วใช้ได้ กล้องคู่พร้อมแฟลช และตัวอักษร MIX ที่ทองสะดุดตาครับ

ส่วนด้านหน้านั้นมีหน้าจอกับลำโพงแนบหู แค่นั้นเลยจริงๆ เพราะกล้องไปซ่อนอยู่ในตัวเครื่องแล้ว หน้าจอ AMOLED ความละเอียด Full HD+ ตัวนี้ก็ให้สีสันได้สว่างสดใสสมความเป็นจอ AMOLED นะครับ ซึ่งก็รองรับวิดีโอ Youtube HDR ด้วย แต่สำหรับ Netflix กลับไม่รองรับ HDR และให้ความละเอียดวิดีโอใน Netflix ได้สูงสุดแค่ 960 x 540 px ก็น้อยกว่า Android ทั่วไปที่จะเล่นวิดีโอใน Netflix ได้ที่ความละเอียด 720p ครับ และเรื่องที่รู้สึกแปลกๆ เมื่อใช้จอนี้ครั้งแรกคือแม้ว่า Xiaomi จะพยายามดีไซน์ให้จอนี้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในด้านหน้าแล้ว แต่ก็จอก็กินพื้นที่ 93.4% ของพื้นที่ด้านหน้าเท่านั้น เพราะขอบด้านล่างค่อนข้างหนา และขอบด้านบนก็ต้องเว้นพื้นที่สำหรับลำโพงแนบหูพอสมควร ทำให้ขอบบนของจอนั้นหนากว่าขอบข้างหน้าจออีก

ที่นี้มาว่าด้วยเรื่องกล้องหน้าสไลด์แบบแม่เหล็กกันบ้าง ดีไซน์ของ Mi Mix 3 นั้นแปลกกว่าชาวบ้านตรงที่สไลด์แผ่นหลังของเครื่องขึ้นมาทั้งแผ่น แถมใช้มือออกแรงสไลด์เอง ไม่ใช่ใช้มอเตอร์ดันขึ้นลงเหมือนแบรนด์อื่นๆ ซึ่ง Xiaomi การันตีว่ามีความทนทานดันขึ้น-ลงได้กว่า 300,000 ครั้ง การออกแบบแบบนี้มีข้อดีคือให้พื้นที่วางกล้องเยอะกว่าการสไลด์ขึ้นมาแต่ตัวกล้องตัวเดียว ทำให้ Mi Mix 3 สามารถวางกล้องหน้าได้ 2 ตัวพร้อมไฟแฟลชอีก 1 ตัว แต่ข้อเสียของมันจากการทดลองใช้จริงมายาวนานนั้นมี 2 เรื่องใหญ่ๆ ครับ

  1. เพราะตัวเครื่องนั้นค่อนข้างลื่น ทำให้ในบางสถานการณ์เปิดกล้องหน้ายาก เช่นเวลาไปเที่ยวต่างประเทศที่อากาศหนาวๆ ใส่ถุงมือ หรือมือแห้งเพราะอากาศเย็น มือจะลื่นจนเปิดกล้องหน้าได้ยาก หรือใครที่มือแห้งอยู่แล้วก็น่าจะมีปัญหาตั้งแต่ในไทยเลย
  2. เพราะดีไซน์นี้ทำให้เครื่องเป็นแซนด์วิช 2 ชั้นประกบกัน เวลาพิมพ์ข้อความบนหน้าจอเลยรู้สึกเหมือนเครื่องไม่แน่น มันจะได้ยินเสียง แป๊ะๆ ตอนที่ส่วนหน้ากับส่วนหลังของมือถือกระแทกเข้าหากันตามแรงพิมพ์ ซึ่งถ้าไม่ซีเรียสเรื่องความรู้สึกในการจับถือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจ้า

ส่วนขอบเครื่องทางซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิม 2 ซิมที่ใส่ MicroSD เพิ่มไม่ได้ และปุ่มเรียก Google Assistant ส่วนด้านขวาก็เป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงและปุ่มล็อกจอ ด้านล่างเป็นไมโครโฟนและลำโพง ซึ่งเป็นลำโพงโมโน ไม่สามารถใช้ลำโพงแนบหูเป็นลำโพงสเตอริโอได้ และพอร์ต USB-C ซึ่งรุ่นนี้ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm

ประสิทธิภาพเครื่องอยู่ในกลุ่มท็อป

Mi Mix 3 น่าจะเป็นมือถือเรือธงรุ่นท้ายๆ แล้วที่ใช้ Snapdragon 845 ก่อนที่จะปรับเป็น Snapdragon 855 สำหรับสมาร์ตโฟนที่ออกในปี 2019 ครับ ซึ่งมาพร้อมกับแรม 6 GB และหน่วยความจำในเครื่อง 128 GB ที่เพิ่มด้วย MicroSD ไม่ได้นะครับ

พอเป็นมือถือเรือธง การใช้งานต่างๆ ก็ลื่นไหลทั้งหมดครับ ไม่มีอะไรติดขัดเลยทั้งการใช้โซเซียลหรือการเล่นเกม ซึ่งการทดสอบประสิทธิภาพด้วยแอปต่างๆ ก็ได้คะแนนออกมาดีครับ

  • Antutu 7 – 287,405
  • 3Dmark SlingShot Extreme – 3,692
  • Geekbench 4 Multicore – 4,670

เอาเป็นว่าเรื่องประสิทธิภาพเครื่องเราไม่มีข้อติอะไรนะครับ แต่จุดสังเกตใหญ่ๆ เลยของ Mi Mix 3 นั้นอยู่ที่อายุแบตเตอรี่ครับ อาจเพราะว่า Mi Mix 3 ใช้แบตเตอรี่ความจุแค่ 3,200 mAh ซึ่งน้อยผิดคาด เมื่อเทียบกับน้ำหนักเครื่องที่มากถึง 218 กรัม ทำให้อายุแบตเตอรี่ของเครื่องอยู่ในระดับที่มีปัญหากับชีวิตประจำวันได้ ซึ่งถ้าใช้งานธรรมดาแบบไม่ได้หยิบมือถือมาเล่นเป็นชั่วโมงๆ Mi Mix 3 ก็ทำงานได้จนจบวันครับ แต่มันก็เสี่ยงมากที่แบตจะหมดระหว่างวัน ก็กลายเป็นมือถือ Android เครื่องเดียวในรอบปีที่เราเทสต์มาที่ต้องพก Power Bank ระหว่างการใช้งานครับ

ในกล่องมีแท่นชาร์จไร้สายมาด้วย

เรื่องระบบการชาร์จของ Mi Mix 3 เป็นแบบนี้ครับ ตัวสมาร์ตโฟนรองรับมาตรฐาน Quick Charge 4+ แต่ให้หัวชาร์จที่จ่ายไฟได้สูงสุด 12V 1.5A มา หรือชาร์จได้สูงสุด 18W (หาหัวชาร์จที่รองรับ Quick Charge 4+ มาชาร์จก็จะชาร์จได้เร็วกว่านี้) ซึ่งเราวัดกระแสตอนที่ชาร์จจริงได้ 5.5v 2.6a หรือประมาณ 14W เทสต์เวลาชาร์จ 11 นาทีได้แบตกลับมา 18% ก็ถือว่าความเร็วใช้ได้อยู่

แต่ที่น่าสนใจคือในกล่องของ Mi Mix 3 นั้นแถมแท่นชาร์จไร้สายแบบ 10 Watt มาด้วย ก็สามารถเอาไปชาร์จกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับการชาร์จไร้สายได้ ก็ถือว่าคุ้มตรงนี้แหละ

กล้องถ่ายภาพของ Mi Mix 3 ถือเป็นจุดเด่น

เริ่มกันที่กล้องหลังของ Mi Mix 3 นะครับ เป็นแบบ 12+12 MP ที่ประกอบด้วย

  • เลนส์หลัก 12 ล้านพิกเซล f/1.8 พร้อม OIS
  • เลนส์รอง 12 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์ซูม 2 เท่า f/2.4 แต่ไม่มี OIS

สรุปสั้นๆ ว่าการทำงานของ AI กับ HDR ในกล้องนั้นทำงานได้ดีมากครับ แค่เปิด 2 อย่างนี้ทิ้งเอาไว้ แล้วถ่ายเลย ไม่ต้องปรับแต่งกล้องอะไรอีก ก็จัดเป็นกล้องมือถือที่ถ่ายแล้วได้ภาพสวยเลย และเป็นภาพสวยอิ่มแบบสมจริง ไม่ได้โอเวอร์เกินจริงเหมือนสมาร์ตโฟนบางตัวครับ

ภาพจาก Mi Mix 3

ส่วนกล้องหน้าคู่ที่ซ่อนอยู่ในเครื่องนั้นมีความละเอียดของเลนส์หลักที่ 24 ล้านพิกเซล ส่วนเลนส์รองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เอาไว้วัดระยะ เพื่อให้ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ ซึ่งกล้องหน้าของ Mi Mix 3 นั้นแฟลชด้วยนะ

และการถ่ายวิดีโอนั้นสามารถทำได้ถึงระดับ 4K 60 fps ครับ ซึ่งวิดีโอที่ออกมาก็สวยเลยแหละ ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่ถ่ายวิดีโอได้สวย แต่จะมีจังหวะซูมภาพที่อาจจะสั่นไหวมากหน่อย เราก็แนะนำให้ถ่ายซูม 1x เป็นหลักดีกว่าครับ

Play video

ประสบการณ์การใช้งาน Mi Mix 3

หลังจากที่เราใช้งาน Mi Mix 3 กันมาอย่างยาวนาน ก็สรุปประสบการณ์การใช้งานได้ดังนี้ครับ

  • Mi Mix 3 มี GPS ที่ดี ใช้นำทางรถยนต์ได้ดี นำทางตลอดการเดินทางก็ไม่พบอาการล็อกพิกัดผิด
  • ระบบ MIUI 10 ที่ครอบทับ Android 9 มีความสามารถหลากหลาย เช่นสามารถรับสัญญาณ WiFi มาปล่อยต่อเป็น WiFi ได้, ทำหน้าจอ Always on Display ได้ หรือปรับลูกเล่นเวลาเลื่อนกล้องหน้าขึ้นว่าจะให้ทำอะไรได้
  • เคสแถมไม่คู่ควรกับความพรีเมี่ยมของเครื่องจริงๆ เคสเป็นพลาสติกบางที่ไม่กระชับกับตัวเครื่อง หลุดง่าย ใส่แล้วลดความหรูหราของฝาหลังไปเยอะมาก
  • ถ้าใช้คุยโทรศัพท์ปกติ เสียงลำโพงแนบหูจะไม่ค่อยดัง เพราะตัวลำโพงอยู่ที่ตัวเครื่องชิ้นหลัง รูลำโพงในตัวเครื่องชิ้นหน้า (ส่วนที่เป็นหน้าจอ) เหมือนเป็นแค่ช่องให้เสียงจากข้างหลังลอดออกมาเท่านั้น ถ้าจะคุยให้ชัดเจน ต้องสไลด์กล้องขึ้น แล้วเอาหูแนบกับลำโพงชิ้นหลังแทน
  • ไม่รองรับเครือข่าย VoWiFi แต่รองรับ VoLTE

สรุป Mi Mix 3 สมาร์ตโฟนเรือธงที่ราคาโอเค แต่ยังต้องปรับปรุง

Mi Mix 3 นั้นเปิดตัวที่ราคา 18,990 บาทนะครับ (ตอนที่รีวิวนี้ออก ราคาน่าจะลดลงแล้วด้วย) สำหรับรุ่นแรม 6 GB และหน่วยความจำ 128 GB ซึ่งก็ถือเป็นราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความพรีเมี่ยมของเครื่อง คุณภาพกล้อง และดีไซน์หน้าจอแบบสไลด์ แต่ดีไซน์ที่แปลกกว่าชาวบ้านนี้ก็ยังมีปัญหาหลายจุดที่ Xiaomi น่าจะปรับปรุงใน Mi Mix รุ่นถัดไปครับ