รีวิว! ใช้ Samsung Galaxy Fold 1 สัปดาห์ รู้สึกยังไงบ้างกับเครื่องที่วางขายในไทย 69,900 บาท ดีคุ้มราคาไหม?
Our score
8.8

Samsung Galaxy Fold

จุดเด่น

  1. นี่คือสมาร์ตโฟนพับได้รุ่นแรกที่ขายในเมืองไทย ซึ่งทำจอพับออกมาได้ดีเลย หน้าจอสดใส คมชัด
  2. มี 2 หน้าจอ ทำให้ใช้งานได้สะดวกไม่ว่าจะกางออก หรือจะพับ มีระบบสนับสนุนการทำงานของหน้าจอ ทั้งเปิดแอปจากจอนอกไปจอพับด้านใน หรือเปิดแอป 3 ตัวพร้อมกันในจอเดียว
  3. มี 6 กล้อง และคุณภาพดีงามตามสไตล์ซัมซุงตัวท็อป
  4. ประสิทธิภาพเครื่องอยู่ในระดับสูงสุด ด้วย Snapdragon 855, RAM 12 GB, ความจุ 512 GB
  5. แถมหูฟัง True Wireless รุ่น Galaxy Buds

จุดสังเกต

  1. ราคาสูงตามแบบสินค้านวัตกรรมรุ่นแรก
  2. หน้าจอพับยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ความทนทาน และไม่ได้เหมาะกับทุกงาน บางงานใช้สมาร์ตโฟนจอธรรมดาจะสะดวกกว่า
  3. เจอปัญหา Rolling Shutter ในจอ
  4. ใส่ได้แค่ซิมเดียว (แต่อีกซิมเป็น eSim)
  5. ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm และไม่มีสายแปลงมาให้
  • รูปลักษณ์ภายนอก

    8.5

  • คุณภาพหน้าจอ

    9.5

  • ประสิทธิภาพเครื่อง

    9.5

  • ประสิทธิภาพกล้อง

    9.5

  • ความคุ้มค่า

    7.0

Samsung Galaxy Fold กลายเป็นสมาร์ตโฟนจอพับได้รุ่นแรกที่วางขายอย่างเป็นทางการในไทยนะครับ ด้วยราคาเปิดตัว 69,900 บาท ซึ่งถ้าดูแต่ราคาอย่างเดียวก็ต้องคิดว่านี่เป็นมือถือที่แพงมาก แต่ต้องเข้าใจว่านี่เป็นนวัตกรรมการออกแบบมือถือที่กำลังจะปูไปสู่ดีไซน์เครื่องพับได้ในอนาคตนะครับ มันมีความท้าทายในการออกแบบมากมาย ซึ่งด้วยราคาขายขนาดนี้ก็ทำให้ซัมซุงวางตำแหน่งสมาร์ตโฟนผสมแท็บเล็ตเครื่องนี้ไว้ในระดับพรีเมี่ยมที่สุด มีอุปกรณ์เสริมและบริการเสริมต่างๆ รองรับความพรีเมียมนี้ครับ

ว่าด้วยเรื่องหน้าจอพับได้ของ Samsung Galaxy Fold

Samsung Galaxy Fold

จุดเด่นที่สุดของ Galaxy Fold คงหนีไม่พ้นเรื่องหน้าจอครับ ที่สมาร์ตโฟนรุ่นนี้มีหน้าจอมาให้ 2 จอ คือจอขนาดเล็กด้านนอก ที่เป็น Super AMOLED ขนาด 4.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1680 x 720 pixel) ซึ่งเราจะใช้จอนี้เวลาที่พับเครื่องอยู่ครับ ก็ด้วยสัดส่วน 21:9 ทำให้จอค่อนข้างสูงและแคบ ทำให้ถือเครื่องมือเดียวก็ใช้งานจอเล็กนี้ได้ง่าย นิ้วสามารถเอื้อมถึงอีกฝั่งหนึ่งของจอได้ ทำให้เราค่อนข้างชอบการใช้งานผ่านหน้าจอนี้นะ สั่งอะไรง่ายดี ไม่ต้องเสียเวลากางจอพับได้ด้านในออกมาใช้ แต่เวลาพิมพ์คีย์บอร์ดจะยากหน่อยเพราะแป้นถูกบีบจนเล็ก มีโอกาสกดผิดสูง แล้วเราคิดว่าใน Galaxy Fold รุ่นถัด ๆ ไป ซัมซุงน่าจะหาทางปรับให้จอนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะตอนนี้ยังเหลือขอบด้านข้างจออยู่เยอะมากครับ

และพระเอกของเราคือจอ Dynamic AMOLED Infinity Flex Display ขนาดใหญ่ 7.3 นิ้วที่พับอยู่ด้านใน ซึ่งมีความละเอียด 2152 x 1536 pixel สัดส่วน 4.2:3 ซึ่งความรู้สึกแรกเลยคือมันอลังการมากครับ ใช้งานได้เต็มตาสุด ๆ และการใช้งานจริงถือว่าโอเคเพราะจอไม่ใหญ่เกินไปจนพิมพ์ลำบาก เราสามารถใช้นิ้วโป้ง 2 นิ้วเพื่อพิมพ์คีย์บอร์ดได้อย่างคล่องแคล่ว

Samsung Galaxy Fold

ที่น่าสนใจคือช่วงรอยพับของจอใหญ่นี้ครับ ซึ่งเวลากางออกมาใช้งานมันจะเป็นจะรอยเหมือนกระดาษพับที่เวลาเอานิ้วไปลูบก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยนะครับ ซึ่งจุดนี้คนที่ไม่คุ้นเคยคงรู้สึกแปลกๆ ที่จอมีรอยอยู่ตรงกลาง แต่เราใช้มา 1 สัปดาห์ เราก็ไม่รู้สึกแปลกอะไรกับเรื่องนี้ครับ ส่วนความทนทานของจอพับด้านใน ในเรื่องความแข็งของจอ อันนี้บอกเลยว่ามันเป็นจอนิ่ม ๆ ที่ไม่ควรเอาของแข็งหรือปากกาไปขูดกับหน้าจอเด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับหน้าจอ ส่วนรอยพับตรงกลางอันนี้ก็ต้องขอเวลาพิสูจน์ต่อไปอีกสักพักครับ ว่าหลังจากเปิดเข้าเปิดออกทุกวัน เป็นเวลาสักเดือนหนึ่ง มันจะมีปัญหาอะไรไหม แต่ซัมซุงก็เคลมความทนทานของบานพับนี้มากกว่า 200,000 ครั้งครับ (แต่ CNET ทดสอบแบบเปิดรัวมากๆ ด้วยเครื่องจักร พบว่าเปิดไปได้ราว 120,000 ครั้งแล้วจอเสียหายครับ ซึ่งเราคงไม่ได้เปิดรัว เปิดแรงขนาดนั้นมั้ง)

Samsung Galaxy Fold

เปิด Netflix แล้วขยายจอ

คุณภาพการแสดงผลของจอด้านนอกและด้านในถือว่าทำได้ดีมากสมกับเป็นจอของซัมซุง คือให้ภาพสดใส สีสันถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี เปิด Netflix ก็สามารถเล่นได้ถึงระดับ HDR เพียงแต่ว่าจอด้านในจะถือว่าเป็นจอที่มีรอยบากนะครับ เพราะต้องเว้นพื้นที่ด้านบนขวาเอาไว้ใส่กล้องเซลผี และกล้องวัดระยะ ทำให้เสียพื้นที่ไปสมควรเลย

Rolling Shutter ของจอ จะเห็นว่าจอด้านซ้ายเลื่อนไม่ทันจอฝั่งขวา

แต่จุดสังเกตที่เราต้องชี้เลยของจอพับได้ด้านใน มันมีอาการที่เหมือนอาการ Rolling Shutter ของกล้องถ่ายรูป อธิบายให้เห็นภาพคือจอฝั่งซ้ายจะรีเฟรชพิกเซลได้ช้ากว่าจอฝั่งขวา เวลาที่เราเลื่อนเนื้อหาในจอขึ้นลงเร็วๆ จะเห็นว่าเนื้อหาในจอเกิดอาการโค้งทางด้านซ้าย ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าซัมซุงจะสามารถออกเฟิร์มแวร์ เพื่อแก้เรื่องนี้ได้หรือไม่ครับ

ดีไซน์​ตัวเครื่อง Galaxy Fold พับแล้วหนา กางแล้วบาง

Samsung Galaxy Fold

เมื่อใช้งาน Samsung Galaxy Fold ในแบบพับเครื่องอยู่ อารมณ์จะเหมือนกดรีโมตอยู่ครับ คือเครื่องจะหนาหน่อย ซึ่งเราชอบนะ มันจับถนัดมือดี ถือแล้วมั่นใจว่ามันจะไม่หล่นหลุดมือ ส่วนเมื่อกางเครื่องออกมาแล้วก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นมือถือที่เครื่องบาง ใช้สะดวกดี ที่น่าสนใจคือตัวบานพับครับ ที่เมื่อกางเครื่องออกมาแล้วตัวข้อพับที่เขียนว่าซัมซุงจะหายเข้าไปในตัวเครื่องเลย ซึ่งถือเป็นดีไซน์ที่ละเอียดดีเหมือนกัน

Samsung Galaxy Fold

รอบเครื่องมีพอร์ต USB-C แค่พอร์ตเดียวครับ ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 mm แล้ว และในกล่องไม่มีหัวแปลงจาก USB-C เป็น 3.5 mm มาด้วย ซึ่งคนใช้ Galaxy Fold น่าจะไม่ค่อยต้องใช้ช่องหูฟัง 3.5 mm กันหรอกมั้งครับ เพราะมี Galaxy Buds มาให้แล้ว ส่วนลำโพงที่ตัวเครื่องนั้นมีมาให้ 2 ตัวแบบสเตอริโออยู่บน-ล่างครับ ซึ่งให้เสียงดีและดังมาก สมเป็นการจูนโดย AKG และด้านขวาของเครื่องจะเป็นเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือครับ เป็นเซนเซอร์บางๆ อยู่ใต้ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ก็ทำงานได้รวดเร็วดี แต่ตำแหน่งที่วางเซนเซอร์จะแปลกๆ หน่อยเพราะจะลงไปชิดกับฝ่ามือเลย ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งในการแตะนิ้วที่ดีที่สุด เราจึงใช้การปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้าเป็นหลักครับ

Samsung Galaxy Fold สแกนนิ้ว

เซนเซอร์สแกนนิ้วของ Galaxy Fold อยู่ตรงฝาล่างของเครื่อง เป็นแป้นยาวๆ เหมือนปุ่มกดอยู่ตรงกลางเครื่อง (แต่กดไม่ได้)

จุดสังเกตของดีไซน์พับได้แบบนี้คือมันไม่ได้เหมาะกับทุกคนครับ อย่างคนที่จะเอา Galaxy Fold ไปเสียบนำทางหน้ารถ อันนี้ยังคิดไม่ออกเลยว่าต้องใช้อุปกรณ์เสริมตัวไหนถึงจะแขวนเครื่องนี้นำทางได้ ก็ถ้ารถคุณมีหน้าจอที่รองรับระบบอย่าง Android Auto ถึงจะไม่มีปัญหานี้ครับ

กล้องยังคงดีงามสมความเป็นรุ่นพรีเมียม

Samsung Galaxy Fold Rear Camera

กล้องหลัง 3 ตัวของ Galaxy Fold

Samsung Galaxy Fold นั้นมีกล้องมาถึง 6 ตัวด้วยกันครับ คือเป็นกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหน้าด้านใน ใช้เวลากางเครื่องออก 2 ตัว และกล้องหน้าด้านนอก ใช้เวลาพับเครื่องอีก 1 ตัว ซึ่งสเปกของกล้องนั้นนั้นแทบจะคลานตามมาจากกล้องของ Galaxy S10+ และ Galaxy Note 10 เลยคือ

  • กล้องหลัง 3 ตัว
    • กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.5 หรือ f/2.4 พร้อม OIS
    • กล้องมุมกว้างมาก 12 mm ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2
    • กล้องซูม 2 เท่า 52 mm ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4 พร้อม OIS
  • กล้องหน้าด้านใน 2 ตัว
    • กล้องหลักความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.2
    • กล้องวัดระยะ 8 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้าด้านนอก 1 ตัว
    • ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.2
  • ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยกล้องหลังสามารถถ่าย 4K 60fps ได้ด้วย และมีโหมด Super Steady เพื่อให้วิดีโอนิ่ง

ซึ่งตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องก็สวยงามตามท้องเรื่องครับ

สรุปประสบการณ์การใช้งาน Samsung Galaxy Fold

เราใช้ Galaxy Fold ในชีวิตจริงมาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็สรุปประสบการณ์การใช้ได้ดังนี้นะครับ

Samsung Galaxy Fold Camera

เมื่อกางเครื่องออกมา แอปกล้องจะเป็นแบบนี้ ปุ่มชัตเตอร์จะอยู่ทางด้านขวา

Samsung Galaxy Fold Rear Camera

ส่วนถ้าพับเครื่อง ก็ใช้จอด้านนอกถ่ายได้เหมือนกัน

  • ประสิทธิภาพเครื่องระดับท็อปด้วย Snapdragon 855 มาพร้อม RAM 12 GB และความจุ 512 GB ใส่ MicroSD เพิ่มไม่ได้
  • RAM 12 GB นี่เปิดโปรแกรมค้าง หน้าเว็บค้างไว้ได้เยอะมาก โดยไม่โดนปิดไปก่อน
  • การคุยโทรศัพท์ คุณต้องพับเครื่องก่อนคุยนะครับ เพราะลำโพงแนบหูจะมีอยู่ด้านบนของหน้าจอเล็กอย่างเดียว
  • ถ้าเราใช้แอปในหน้าจอเล็ก แล้วกางหน้าจอใหญ่ออกมา แอปที่เปิดจะใช้งานต่อในหน้าจอใหญ่อัตโนมัติ ซึ่งดีมาก (เรียกฟังก์ชันนี้ว่า App Continuity) แต่เวลาใช้งานจอใหญ่แล้วพับเครื่อง จะเข้าสู่โหมดล็อกหน้าจอนะครับ ไม่ได้เอาแอปจากจอใหญ่มาใช้ต่อในจอเล็ก
  • ในหน้าจอใหญ่ เราสามารถเปิดแอปได้พร้อมกันถึง 3 แอป ที่เรียกว่าฟังก์ชัน Multi-Active Window ซึ่งเราลองใช้แค่เปิดแอป 2 หน้าต่างพร้อมกัน คือเปิดข้อมูลเป็นจอซ้าย แล้วเปิดหน้าเขียนเนื้อหาเป็นจอขวา ก็ใช้งานได้สะดวกดี
Samsung Galaxy Fold 3 App

ใช้งาน 3 แอปพร้อมกันแบบนี้

  • แอปที่เปิดในหน้าจอใหญ่ คือแอปมือถือที่ขยายขนาดขึ้น ไม่ได้มีการปรับหน้าตาใหม่ให้เหมาะกับขนาดจอ (แบบแอปของ iPhone กับแอปของ iPad ที่ทำหน้าตาไม่เหมือนกัน) ทำให้แอปอย่าง Instagram แสดงภาพล้นหน้าจอไปเลย ซึ่งอันนี้ตรงโทษฝั่ง Android มากกว่า
  • One UI หรือระบบปฏิบัติการ Android รุ่นปรับแต่งของซัมซุง ทำให้มีความสามารถหลายอย่าง เช่นต่อฮับ USB-C แล้วต่อ HDMI ออกจอ ก็จะใช้งาน Samsung Dex ที่เหมือนใช้คอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ได้เลย เพียงแต่ว่าฟังก์ชันอย่างการแชร์ Wifi เป็นคลื่น 5 GHz ก็ยังไม่มีใน One UI เช่นเดิม
  • ใส่ซิมได้แค่ซิมเดียว อีกซิมต้องเป็น eSim
  • แบตเตอรี่ 4380 mAh ใช้งานได้พ้นวัน แม้จะใช้งานจอใหญ่
Samsung Galaxy Fold Sim card

Galaxy Fold มีถาดซิมแค่ถาดเดียวเท่านั้น

อุปกรณ์เสริมในกล่อง เจ๋งกว่ารุ่นอื่นๆ

Samsung Galaxy Fold ที่วางขายในประเทศไทยนั้นมี 2 สีนะครับคือสีขาว Space Silver และสีดำ Cosmos Black ซึ่งอุปกรณ์เสริมภายในกล่องก็จะอิงตามสีเครื่อง ถ้าเครื่องสีขาวอุปกรณ์เสริมในกล่องก็จะเป็นสีขาวไปด้วย ซึ่งเราได้เครื่องสีดำมารีวิวครับ อุปกรณ์เสริมเลยเป็นชุดสีดำ

Samsung Galaxy Fold box

ของในกล่อง Samsung Galaxy Fold

กล่องของ Samsung Galaxy Fold นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่ามือถือทั่วไปอย่างชัดเจน ซึ่งในกล่องจะประกอบด้วย

  1. ชุดหัวชาร์จ 15W (ยังไม่รองรับความเร็วในการชาร์จ 45W แบบ Galaxy Note 10 นะ เพราะ Fold มันเปิดตัวมาก่อนตั้งแต่ต้นปี)
  2. หัว OTG สำหรับแปลงพอร์ต USB-C เป็น USB-A
  3. Samsung Galaxy Buds หูฟังแบบ True Wireless แถมมาให้เลย 1 ชุด อันนี้ดีงามมาก ซึ่งสามารถชาร์จหูฟังแบบไร้สายจากด้านหลังของ Fold ผ่านฟังก์ชั่น Wireless PowerShare ได้ด้วยนะ
  4. เคสทำจาก Aramid Fiber บางเฉียบ ดีไซน์มาเฉพาะสำหรับมือถือพับได้อย่าง Fold (เคสตัวนี้มีสีเดียวนะ ถ้าสั่งเครื่องสีขาว จะไม่ได้เคสเป็นสีขาวนะ)
Samsung Galaxy Fold Wireless PowerShare

Galaxy Fold ใช้ชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้

Galaxy Fold Premier Service เมื่อของแพงก็ต้องหรูกว่าปกติ

เนื่องจากว่า Galaxy Fold เป็นมือถือรุ่นพรีเมี่ยมที่สุดของซัมซุง จึงมาพร้อมกับบริการ Galaxy Fold Premier Service คือมีรับประกันหน้าจอให้ 1 ปีในกรณีตก แตก ร้าว พร้อม Galaxy
Butler Gold ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับลูกค้ากาแลคซี่ โฟลด์ ไม่ว่าจะเป็น

  1. บริการรับ– ส่งเครื่องซ่อมถึงสถานที่ที่ลูกค้าสะดวก
  2. Exclusive Lounge บริการห้องรับรองระหว่างนำเครื่องมาซ่อม
  3. บริการเครื่องสำรองรุ่นเดียวกันระหว่างรอซ่อม
  4. พร้อมทั้งการติดต่อช่วยเหลือผ่านทางออนไลน์หรือโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง

สรุป Samsung Galaxy Fold คุ้มไหมกับราคา 69,900 บาท

Samsung Galaxy Fold Aramid Fiber Case

Samsung Galaxy Fold Aramid Fiber Case

เราต้องคิดว่า Galaxy Fold เป็นมือถือนวัตกรรมครับ เป็นรูปแบบมือถือแบบใหม่ที่น่าจะเปลี่ยนการใช้งานได้ในอนาคต ซึ่งก็ต้องมีต้นทุนค่าวิจัยและพัฒนาอย่างสูงกว่าจะได้จอพับได้ และกลไกป้องกันต่างๆ ออกมา จึงไม่แปลกที่ราคาจะแพงได้ขนาดนี้ ซึ่งถ้าเทียบว่ามันเป็นเครื่องที่มีความจุ 512 GB ก็ถือว่าแพงกว่า iPhone 11 Pro Max ความจุเดียวกันอยู่ 17,000 บาท ก็ถือว่าคุ้มอยู่สำหรับความว้าวของหน้าจอที่พับได้นี้ครับ

ซึ่งเท่าที่เราทราบ Samsung Galaxy Fold จะไม่ได้นำเข้ามาขายเยอะในไทยครับ โดยเริ่มเปิดจองระหว่างวันที่ 10-14 ต.ค.นี้ที่ ซัมซุง เอ็กซ์พีเรียนซ์ สโตร์ 6 สาขา ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล เวิลด์, เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, แฟชั่น ไอส์แลนด์, เมกาบางนา และผู้ให้บริการเครือข่าย และจะเริ่มรับเครื่องวันที่ 16 ต.ค. นี้ เอาเป็นว่าใครอยากลองก้าวแรกของสมาร์ตโฟนยุคใหม่ ก็ลองดูได้ครับ ซัมซุงตั้งใจมากกับรุ่นนี้จริงๆ ส่วนมันทนแค่ไหนในการใช้ในชีวิตประจำวัน รอเดือนหน้านะครับ เราน่าจะได้กลับมาสรุปให้อ่านกันอีกที

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส