ในที่สุดการเดินทางที่ยาวนานของ Oculus Rift ก็มาถึงมือผมแล้ว นี่คือ Oculus Rift รุ่นวางขายจริง มารีวิวตัวเป็นๆ ก่อนที่จะวางขายทั่วไป!
Oculus Rift นั้นเริ่มต้นระดมทุนใน Kickstarter เมื่อปี 2012 ก็ได้เงินลงทุนไปกว่า 2 ล้านเหรียญ และถูก facebook ซื้อกิจการไปในปี 2014 ด้วยเงิน 2 พันล้านเหรียญ โดยระยะเวลา 4 ปีนับตั้งแต่ระดมทุนสำเร็จ Oculus VR พัฒนา Oculus Rift รุ่นต้นแบบออกมาถึง 5 ตัว ก่อนที่ตัวที่ 6 จะเป็นรุ่นขายจริงที่เราจะรีวิวในครั้งนี้
ในชุด Oculus Rift กล่องใหญ่ๆ แบบนี้นอกจากตัวแว่นแล้วประกอบด้วยอะไรอีก ชิ้นแรกตัวเล็กๆ นี่คือ Oculus Remote รีโมทควบคุมสำหรับการใช้งานด้านความบันเทิง ให้กดเลือก หรือกด Back ได้ง่ายๆ แต่สำหรับการเล่นเกมจริงจัง ในชุดของ Oculus ก็มาพร้อมจอย Xbox One หนึ่งในจอยเกมที่ดีที่สุดตอนนี้ด้วย ที่น่าสนใจคือ Constellation อุปกรณ์ตัวนี้คือเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของศีรษะโดยใช้แสงอินฟราเรด ซึ่งแม่นยำพอที่จะแยกการเคลื่อนไหวระดับมิลลิเมตร และเร็วพอที่จะทำงานได้ไม่มีแลค
ที่นี้มาดูที่พระเอกของเรา Oculus Rift กันบ้าง แว่นตัวนี้ประกอบด้วยจอ OLED ความละเอียด 1080 x 1200 pixel 2 จอ อยู่ด้านหลังเลนส์ตัวใหญ่ โดยที่ตา 2 ข้างของเราก็มองกันข้างละจอไปเลย จอนี้แสดง 90 ภาพต่อวินาที เพื่อให้แสดงการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ เพื่อให้แสดงภาพเมื่อใส่แว่นเท่านั้น และมีหูฟังคุณภาพติดมาด้วย ซึ่งรองรับเสียง 3 มิติด้วย
การเล่น Oculus Rift นั้นต้องลงทุนไม่น้อยนะครับ นอกจากตัวแว่นที่ตอนนี้ตั้งราคาไว้ในเว็บ $599 (21000 บาท) แล้ว คอมพิวเตอร์ที่เล่นก็ต้องเร็วพอด้วย ลืมเครื่องแมคไปได้เลย เพราะแรงไม่พอสักรุ่น ความต้องการของ Oculus หลักๆ คือการ์ดจอ NVIDIA GTX 970 หรือ AMD R9 290 ขึ้นไป แรม 8 GB และ CPU ที่เร็วพอ ซึ่งการทดสอบนี้เราใช้เครื่อง Predator G1 จาก Acer รุ่นล่าสุดที่แรงเหลือเฟือสำหรับงานนี้
Oculus Rift นั้นให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการใช้สมาร์ทโฟนต่อออกแว่นมาก
เราไม่สามารถบันทึกประสบการณ์ VR ส่งตรงไปให้คุณรับชมได้ แต่ Oculus Rift นั้นให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าการใช้สมาร์ทโฟนต่อออกแว่นมาก ทั้งการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลกว่า หูฟังที่ให้เสียง 3 มิติรอบทิศทาง ที่สำคัญคือซอฟต์แวร์ของ Oculus มันคือประสบการณ์ VR เต็มรูปแบบ ทั้งเกมและเนื้อหาอินเตอร์แอคทีฟที่ออกแบบมาเฉพาะ หมุนดูได้รอบตัว และตรวจจับตำแหน่งศีรษะได้ ทำให้ผู้เล่นสามารถเดิน เอี้ยวตัวไปดูเกมจากมุมต่างๆ ได้อย่างสมจริง ซึ่งตอนนี้ผู้ใช้สามารถโหลดเนื้อหา VR ใหม่ๆ จาก Store ของ Oculus เอง หรือดาวน์โหลดจาก Steam ก็ได้ ซึ่งถ้าหากเป็นเกมทั่วไปในสตรีม เวลาเล่นกับ Oculus จะเหมือนนั่งดูผ่านจอใหญ่ๆ ในโลกเสมือน ซึ่งถ้าหากต้องการเกมที่เป็น VR จริงๆ ก็ต้องดูเกมในเซสชั่น Steam VR เท่านั้น
ถึงแม้ว่า Oculus Rift จะพัฒนามานานกว่า 4 ปี แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่มาก ทั้งคุณภาพของจอที่เทคโนโลยีตอนนี้ ยังไม่สามารถสร้างจอที่ให้ภาพเนียนละเอียดเหมือนมองด้วยสายตาจริงในราคาที่รับไหว และบางเกมเล่นแล้วก็ยังเวียนหัวจริงๆ ตัวแว่นยังคงมีสายอยู่ ซึ่งจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้เล่น
การควบคุมเกมที่เรายังต้องรอ Touch จอยควบคุมถือ 2 มือที่ออกแบบสำหรับ VR โดยเฉพาะ ถึงจะควบคุมเกมได้อย่างสมจริง ซึ่งจะออกให้ซื้อเพิ่มในครึ่งปีหลังของ 2016 นี้ ทำให้ตอนนี้ Oculus ยังเล่นเกมหลายตัวใน Steam ไม่ได้ เพราะไม่มีจอย VR อย่าง HTC Vive
ทดลองเล่นได้ที่งาน Beartai Best Buy
สำหรับคนที่อยากลองทั้ง Oculus Rift และ HTC Vive ตัวเป็นๆ ก็มาทดลองได้ที่งาน Beartai Best Buy 23 – 26 มิถุนายนนี้ที่ควอเทียร์ฮอลล์ ดิ เอ็มควอเทียร์