Our score
8.4SENNHEISER IE 600
จุดเด่น
- หูฟัง in-ear ที่เสียงร้ายกาจมาก รายละเอียดดี แถมพุ่งพล่าน พลังงานสูง
- วัสดุตัวหูแข็งแรงมาก ระดับหัวขุดเจาะดาวอังคารที่ NASA ใช้
- วัสดุสายดีไซน์พิเศษ ไม่พันกันยุ่งเหยิง
- ให้สายมา 2 แบบทั้ง 3.5 mm. และ 4.4 mm.
จุดสังเกต
- สาย, หูฟังไม่มีรีโมทสั่งการ ฟังได้อย่างเดียว
- ไม่มีไมค์ในตัว
- คุณภาพเครื่องเล่นและไฟล์เพลงก็สำคัญ เพื่อรีดประสิทธิภาพหูฟังให้มากที่สุด
-
คุณภาพเสียง
9.0
-
คุณภาพวัสดุ
10.0
-
ความคล่องตัวในการใช้
6.5
-
ความคุ้มค่า
8.0
รีวิวพี่ใหญ่อย่าง Sennheiser IE 900 ไปแล้ว ถึงคราวของพี่ชายคนกลาง IE 600 นอกจากเรื่องเสียงที่เราไว้ใจได้แล้ว ทีเด็ดอีกอย่างคือเรื่องวัสดุที่ Sennheiser บอกว่าแข็งแกร่งระดับเครื่องขุดเจาะดาวอังคาร! วัสดุนี้คืออะไร เรื่องเสียงเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน ไปแบไต๋กันเลย!
เจาะเนื้อหาในรีวิวนี้
แกะกล่อง
แพ็กเกจจิงต้องบอกตามตรงว่าไม่ได้อลังการงานสร้างเหมือนหูฟังไฮเอนด์แบรนด์อื่น ๆ แต่สิ่งที่อยู่ด้านในต้องบอกว่าครบเลยครับ
- ตัวหูฟัง IE 600 ทั้งซ้ายและขวา
- สายหูฟังเสริมแกร่งด้วย para-aramid ยาว 1.25 เมตร หัวแจ็คเคลือบทอง จำนวน 2 เส้น
- สายหูฟัง Unbalanced หัว 3.5 mm.
- สายหูฟัง Balanced หัว 4.4 mm.
- จุกหูฟังซิลิโคน 3 ขนาด S M L
- จุกหูฟังโฟม 3 ขนาด S M L
- กล่องเก็บหูฟัง
- อุปกรณ์ทำความสะอาดหูฟัง
- ใบรับรองผลิตภัณฑ์พร้อมลงลายมือชื่อผู้ตรวจสอบความสมบูรณ์
- คู่มือ
ของที่ให้มาก็ต้องบอกว่าพอดีใช้ครับ โดยเฉพาะสายหูฟังที่ให้มาทั้ง 3.5 mm. และ 4.4 mm. ไม่ต้องไปหาซื้อสายสัญญาณมาเพิ่ม หรือถ้าเราอยากจะคัสตอมก็สามารถหาสายทดแทนที่เป็นหัวต่อแบบ MMCX มาใช้ได้นะครับ
ดีไซน์, วัสดุ
ในส่วนของตัวหูฟังก็ต้องบอกว่าธรรมดาแต่ว่าโดนครับ อาจด้วยผู้รีวิวชอบอะไรที่เรียบ ๆ อยู่แล้ว เลยค่อนข้างชอบดีไซน์ และที่สำคัญผิวสัมผัสโคตรเท่เลยครับ! ดูแข็งแกร่ง สีเทาเข้ม พื้นผิวสาก ๆ ให้ความรู้สึกมั่นคง ซึ่งก็เป็นผลมาจากวัสดุที่ใช้ในการทำครับ Sennheiser บอกว่า IE 600 บอดี้ทำมาจาก AMLOY-ZR01 amorphous zirconium ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแกร่งกว่าเหล็ก เอาไว้ใช้ทำหัวขุดดินในโครงการสำรวจดาวอังคารของ NASA และใช้วิธีขึ้นรูปด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติในเยอรมัน มั่นใจได้ว่าแข็งแรงและอยู่กับเราได้นานแน่ ๆ
และเช่นเคยหูฟังตระกูล IE ใส่จุกหูฟังได้ 2 ระดับครับ แบบจุกลึกกับจุกตื้น เลือกได้ตามสไตล์เลย ส่วนการเชื่อมต่อสายกับตัวหูฟังใช้ขั้วแบบ MMCX เคลือบทอง ส่วนการยึดกันก็ต้องบอกว่าแน่นหนาครับ ถ้าไม่ได้ตั้งใจดึงก็ไม่หลุดง่าย ๆ ครับ ฟังได้สบายใจเลย
คุณภาพเสียง
ด้านสถาปัตยกรรมเสียง IE 600 ใช้ไดรเวอร์ตัวเดียวเพื่อไม่ให้เสียงมันซ้อนทับกัน เพราะยิ่งไดรเวอร์เยอะ เสียงก็ยิ่งเยอะ พร้อมดีไซน์การสร้างห้องสะท้อนเสียงไว้ในหูฟัง 2 ห้อง เพื่อจัดการกับย่านเสียงส่วนเกิน ช่วยให้เสียงเคลียร์ และคมกว่าเดิมครับ Sennheiser เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Dual-chamber frequency absorber เพื่อลดความถี่ส่วนเกิน ด้วยดีไซน์เหล่านี้ทำให้เรื่องเสียง แม้จะเป็นไดรเวอร์ตัวเดียว IE 600 ก็เอาอยู่สบาย ๆ เลยครับ… โดยรองรับความถี่ 4 Hz – 46,500 Hz ความต้านทาน 18 Ω และมีความไวที่ 118 dB SPL
จำเรื่องใบรับรองที่ให้มาในกล่องได้ไหมครับ นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าหูฟังทุกคู่ของ IE 600 ก่อนแพ็กลงกล่องจะมีการตรวจสอบคุณภาพในขั้นตอนสุดท้ายด้วยหูคนจริง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่า IE 600 ที่เราได้ไปจะไม่มีปัญหา
และเพื่อให้ Sennheiser IE 600 แสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุด อุปกรณ์และชนิดไฟล์ก็เป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นในการทดสอบผู้รีวิวจึงเลือกสถานการณ์ที่คล้ายการใช้งานจริงมากที่สุดนั่นก็คือ ฟังผ่านโทรศัพท์มือถือ ด้วยไฟล์ Hi-Res Lossless จาก Apple Music และใช้ DAC ยี่ห้อ SHANLING UP5 ส่วนสายเป็นขนาด 4.4 mm.
สิ่งแรกที่ต้องชมคือรุ่นนี้มันให้ความรู้สึกแอนะล็อกจริง ๆ อย่างไร… ถ้าคุณฟังหูฟัง TWS จนชินหู จะรับรู้ได้เลยว่าเสียงที่เราฟัง ๆ อยู่มันคือเสียงที่ผ่านการประมวลผล มันจะมีความละเอียด ความเคลียร์ ความชัด ความเพราะในแบบที่ถูกปั้นขึ้นมา
ส่วนหูฟังรุ่นนี้เสียงมันให้ความรู้สึกแบบแอนะล็อก กล่าวคือ เสียงริทึมกีตาร์ที่แผด ๆ หนา มันจะไม่ใช่แค่สุ้มเสียง แต่จะเป็นมวลเสียงที่พุ่งใส่หูเรา กลองถ้าเป็นสแนร์ก็รับรู้ได้ว่ามันฟาดลงมาในหู กระเดื่องก็จะเป็นลูกอัดเข้ามา พูดง่าย ๆ คือแอนาล็อกเราจะรู้สึกว่าเสียงมันเป็นชิ้นเป็นอัน ราวกับเป็นเครื่องดนตรีจริง ๆ มาเล่นในหูเรา ไม่ใช่การปั้นประมวลผลขึ้นมา
ในแง่ดิจิทัลและแอนะล็อกต้องบอกว่าไม่มีอะไรดีและไม่ดี มันเป็นแค่เทสต์ความชอบของคนครับ
นอกจากเรื่องฟีลลิ่งแล้ว ในแง่ของซาวด์สเตจถือว่ากว้างเลย ถ้าเราฟังเพลงที่ศิลปินอเรนจ์ดี คนมิกซ์มาสเตอร์จัดการย่าน หรือที่ทางต่าง ๆ ของแต่ละชิ้นได้เจ๋ง จะพบว่าทุกชิ้นที่เล่นอยู่สามารถตั้งใจฟังแบบแยกชิ้นได้ พูดง่าย ๆ คือเก็บรายละเอียดได้ครบ
ยกตัวอย่างเพลง Follow You ของ Bring Me The Horizon ช่วงอินโทรเราจะเห็นเลยว่าเสียงซินธ์ที่ลอยเข้ามา เสียงกลองที่ให้จังหวะ เสียงปรบมือที่เป็นซาวด์ดีไซน์ ไปจนถึงเสียงกีตาร์ที่เลื้อยเข้ามา มันสอดประสานหลบกันได้พอดี ไม่ได้ถูกวางทับกัน
คาแรกเตอร์เสียงต้องบอกว่าในย่านกลาง สูง นี่ทรงพลังมากครับ มันพุ่งลอยเด่นเข้ามาจริง ๆ คม แน่น เป็นชิ้นเป็นอันอย่างชัดเจน ภาพรวมคือถ้าฟังเพลงป๊อป ก็จะเป็นหูฟังที่มีชีวิตชีวา ฟังเพลงร็อกก็จะเป็นหูฟังที่ก้าวร้าว ฟังเพลงบัลลาด ช้า ๆ ซึ้ง ๆ ก็จะเป็นหูฟังที่ทำให้การสื่อสารของเพลงชัดเจนขึ้น เพราะย่านหลัก ๆ อย่างร้อง กีตาร์หรือซินธ์มันชัดนั่นเอง
ส่วนจุดที่ชวนคิดของรุ่นนี้คือเสียงเบส เน้นนะครับว่าเสียงเบส ไม่ใช่ย่านเบส เพราะถ้าเป็นย่านเบสเช่น กระเดื่อง, ดัมบ์เบส, บีตกลองอิเล็กทรอนิกส์ หรือเสียงอื่น ๆ ที่ใหญ่พอในย่านนี้ ก็จะได้ยินชัดไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเสียงเครื่องดนตรีเบสปกติในเพลง โดยเฉพาะเพลงที่ไม่ได้ถูกดีไซน์ให้เบสเด่น หรือท่อนนั้น ๆ ของเพลงเบสไม่ใช่พระเอก แต่เป็นการเดินคอร์ด เล่นประคองเฉย ๆ คุณอาจจะต้องตั้งใจฟังสักนิดถึงจะได้ยินมัน
ส่วนการทดสอบด้วยสาย 3.5 mm. ในเครื่องเล่นเดียวกัน DAC เดียวกันไฟล์เพลงเดียวกัน หลัก ๆ สิ่งที่ต่างกันคือความดังของเสียงที่ 3.5 mm. จะเบากว่า ส่วนคาแรกเตอร์เสียง 4.4 mm จะสะอาดกว่าครับ ซึ่งตรงนี้ก็เลือกได้ตามสไตล์เลยครับ แต่ แต่! คำว่าเสียงสะอาดไม่ได้หมายความ 3.5 mm. นอยซ์หนาจนฟังไม่ได้นะครับ ก็ยังฟังได้ปกติเลย แทบไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่ถ้าเทียบกับ 4.4 mm. ก็จะเห็นความต่างครับผม
เปรียบเทียบกับ Sennheiser IE 900
สิ่งที่เด่นชัดออกมาคือคาแรกเตอร์ของ 2 รุ่นนี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน แทบจะบอกว่าชัดเจนมาก ๆ เลยก็ได้ หากพี่คนกลางอย่าง IE 600 เป็นหูฟังที่หนักแน่น พุ่งทะยาน พลังงานสูง พี่ชายอย่าง IE 900 ก็จะเต็มไปด้วยความสุขุม นุ่มลึก ไดนามิกยอดเยี่ยม เน้นให้ผู้ฟังรู้สึกถึงมิติเสียงของเพลง
ซึ่งถ้าหากเปรียบย่านกลาง สูง IE 600 ดูจะสนุกสนานกว่า แต่ในแง่ของเบสต้องบอกเลยว่า IE 900 จะโดดเด่นกว่าจริง ๆ เบสเคลียร์ ลึก ชัด ฟังเป็นเม็ดเลย
ส่วนซาวด์สเตจ IE 900 ดูจะกว้างกว่านิด ๆ ซึ่งก็ตอบโจทย์กับสไตล์หูฟังที่เน้นมิติเสียง เพื่อให้มีพื้นที่ในการ จัดวางเลเยอร์ ส่วน IE 600 จะแน่นกว่า ซึ่งก็สอดคล้องไปกับสไตล์หูฟังที่ทรงพลัง เพราะถ้ากว้างเกินไป มันก็อาจเกิดช่องว่างระหว่างเสียง
ถ้าถามว่าตัวไหนดีกว่ากัน ผู้รีวิวคิดว่าคงตอบไม่ได้ เพราะจากที่ลองฟังทั้ง 2 รุ่น ส่วนตัวพบว่าไม่ได้ทำมาเพื่อแข่งกัน เพราะแต่ละรุ่นก็จะมีคาแรกเตอร์เสียงที่ต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าจะสรุปถึง 3 พี่น้องของ Sennheiser ในตระกูล IE คงพอจะบอกว่าได้
- IE 300 เป็นน้องชายคนเล็กที่ยังขี้อาย เน้นเบสเพราะไม่กล้าแสดงออก ย่านกลางและสูงเลยไม่เด่น
- IE 600 กำลังวัยแตกเนื้อหนุ่ม มีชีวิตชีวา พุ่งทะยาน สนุกสนาน พลังงานสูง ย่านกลาง แหลม แข็งแรง
- IE 900 เหมือนผู้ใหญ่ที่เริ่มมีวุฒิภาวะ ไม่ร้อนเกินไป ไม่เย็นเกินไป นุ่มลึก สวยงามครบมิติทุกย่านเสียง
ราคา
สุดท้ายนี้รีวิวที่ดีต้องมีราคา Sennheiser IE 600 ราคาอยู่ที่ £599 หรือราว 26,000 บาท ส่วนราคาไทยอยู่ที่ 26,990 บาทครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส