![รีวิว Marshall Middleton ลำโพงพกพารุ่นใหญ่ กันน้ำ เสียงกว้างขวางทรงพลัง](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2023/04/Middenton-Cover-780x410.jpg)
Our score
8.0Marshall Middleton
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามเอกลักษณ์ของ Marshall พร้อมกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67
- เสียงกว้างขวาง เบสแน่นกำลังสวย ให้เสียงได้นุ่มนวล ฟังสบาย
- มีช่องต่อ 3.5 mm สามารถเชื่อมเสียงผ่านสายคุณภาพสูงมาออกลำโพงได้
- สามารถเชื่อมต่อหลายลำโพงให้เสียงออกพร้อมกันระหว่างรุ่น Willen, Emberton II และ Middleton ได้ด้วย Stack Mode
- ทำตัวเป็น Powerbank ชาร์จไฟผ่าน USB-C ให้มือถือได้
จุดสังเกต
- ตัวใหญ่และหนักกว่าลำโพงพกพาทั่วไป
- รองรับการเชื่อมต่อเสียงบลูทูธแค่ SBC ไม่รองรับรูปแบบเสียงคุณภาพสูงอย่าง aptX, AAC หรือ LDAC
- แบตเตอรี่ไม่อึดเท่า Emberton II แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่า
- ไม่มีไมโครโฟนในตัว ใช้เป็น Speaker Phone ไม่ได้
-
คุณภาพเสียง
8.7
-
ความสะดวกในการพกพา
7.5
-
การเชื่อมต่อ
8.2
-
ความคุ้มค่า
7.5
ผลิตภัณฑ์ลำโพงไร้สายของ Marshall นั้นแยกออกเป็น 2 กลุ่มนะครับ คือกลุ่ม Home Line ลำโพงตัวใหญ่สำหรับใช้ในบ้าน เน้นเสียบปลั๊กใช้งาน ตระกูล Woburn, Action หรือ Stanmore และกลุ่มพกพา ลำโพงมีแบตเตอรี่ในตัวสำหรับใช้งานที่ไหนก็ได้ ซึ่งวันนี้เราจะรีวิว Marshall Middleton น้องใหม่ล่าสุด แต่นับเป็นรุ่นใหญ่ในตระกูลครับ
ดีไซน์ของ Marshall Middleton
![Marshall Emberton II, Middleton และ Willen](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-3Model-1024x576.jpg)
Middleton นั้นใช้ภาษาในการออกแบบแบบเดียวกับพี่กลาง Marshall Emberton และน้องเล็ก Willen ที่ออกมาก่อนหน้านี้นะครับ คือตัวลำโพงเป็นกล่องสี่เหลี่ยม หุ้มด้วยยางสังเคราะห์ให้แข็งแรง ป้องกันการกระแทก แล้วใช้สีทองเหลืองที่โลโก้ Marshall มาติดตะแกรงลำโพงด้านหน้าสีดำเพื่อความโดดเด่น นอกจากนี้ยังมี Control Knob สีทองเหลืองด้านบนที่ใช้ควบคุมการทำงานได้สารพัด ซึ่งเป็นดีไซน์ที่หล่อมาทั้งตระกูล ซึ่งมีวิธีการควบคุมดังนี้
- กดค้าง – เปิด/ปิดลำโพง
- กดสั้น ๆ – เล่นเพลง/หยุดเพลง
- โยกขึ้น – เร่งเสียง
- โยกลง – ลงเสียง
- โยกไปทางขวา – เปลี่ยนเพลง
- โยกไปทางซ้าย – เล่นเพลงเดิม
- โยกซ้ำเพื่อเล่นเพลงก่อนหน้านี้อีกรอบ
ดีไซน์พิเศษของ Middleton คือมีสายคล้องข้อมือยางแถมให้ในกล่อง ซึ่งเมื่อเอาไปติดกับลำโพงก็จะทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องถือลำโพงหนา ๆ หนัก ๆ จับลำบากโดยตรง
![สายยางที่แถมมาในกล่อง](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-strap-1024x683.jpg)
นอกจากนี้ยังป้องกันฝุ่นและน้ำในระดับ IP67 ก็ทำให้มีลุ้นว่าถ้าลำโพงตกน้ำก็น่าจะยังรอดแหละ ถ้าน้ำไม่ลึกเกินไป เอาไปใช้ที่หาดทรายก็ได้ ทรายไม่เข้าลำโพง ใช้ช่วงสงกรานต์ก็โดนสาดน้ำไม่พัง
ด้านหลังของลำโพงยังมีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จไฟ ซึ่งในกล่องจะมีสาย USB-A to USB-C มาให้ แต่ไม่มีหัวชาร์จมาให้นะครับ ก็เอาหัวชาร์จมือถือมาใช้ได้เลย นอกจากนี้ยังมีช่อง AUX 3.5 mm สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณเสียงภายนอก ซึ่งจะให้คุณภาพดีกว่าการฟังผ่าน Bluetooth ที่รองรับ Codec เสียงเพียงแค่ SBC เท่านั้น ไม่รองรับ Codec คุณภาพสูงอย่าง AAC ที่ iPhone ใช้ หรือกลุ่ม aptX, LHDC ที่ Android ใช้ ก็ไม่รองรับครับ
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/BT_Info_Bluetooth_Codec-480x600.jpg)
เสียงของ Middleton
เสียงมาตรฐานของ Marshall Middleton นั้นนุ่มนวล กว้างขวาง เสียงกระจายไปได้ทั่วห้อง ฟังเพลิน ฟังได้ยาว ๆ เบสกำลังสวยเลย ไม่บวมจนไปกวนเสียงอื่น ๆ แล้วก็มีรายละเอียดในเบสที่ดี ได้ยินไลน์เบสที่อยู่ในเพลงได้ชัดเจนระดับหนึ่งเลย ส่วนเสียงกลาง-แหลม ในค่ามาตรฐานเสียงจะเก็บตัวไปนิดหนึ่ง เราจึงปรับ EQ เพิ่มเสียงแหลมหรือ Treble ขึ้นเป็น 6 หรือ 7 (มาตรฐานคือ 5) ก็จะได้เสียงที่โปร่งสดใสขึ้น ได้ยินรายละเอียดชัดเจนขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เสียงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดนะครับ
![เสียบสาย AUX ตรงจากเครื่องเล่นเพลงได้](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-aux-1024x683.jpg)
Middleton เป็นลำโพงสเตอริโอในตัว ไม่ต้องต่อลำโพง 2 ชุดเพื่อให้เสียงแยกซ้าย-ขวา ซึ่งก็ให้มิติเสียงได้กว้างขวาง โอบล้อม ฟังสนุกเลย แม้ว่ามันไม่ใช่ลำโพงแบบ 360 องศา เสียงจะออกจากด้านหน้าที่มีตัวอักษร Marshall อยู่ แต่ก็แผ่ไปด้านซ้าย-ขวาของลำโพงได้ดีเลย อย่างไรก็ตาม ก็ควรหันลำโพงให้ถูกทิศเวลาฟังจะดีที่สุด
ลำโพงรุ่นนี้ให้ความดังในระดับที่น่าพอใจ ดังพอที่จะเติมเสียงห้องขนาดกลาง ๆ ได้สบาย แล้วก็ดังพอที่จะใช้งานนอกสถานที่ในวงที่ไม่ใหญ่มากได้ ซึ่งเป็นความดังระดับเดียวกับ Emberton II, JBL Flip 6 แต่ยังไม่ดังเท่าระดับ JBL Xtream 3 ครับ
เปรียบเทียบ Middleton และ Emberton II
Middleton | Emberton II | |
---|---|---|
ความถี่ที่ตอบสนอง | 50 – 20,000 Hz | 60 – 20,000 Hz |
ความดังสูงสุด | 87 dB SPL @ 1 m | 87 dB SPL @ 1 m |
ไดรเวอร์ | วูฟเฟอร์ 2 ตัวแบบ Class D กำลัง 20W ทวีตเตอร์ 2 ตัวแบบ Class D กำลัง 10W | Full-Range 2 ตัว Class D กำลัง 10W |
แบตเตอรี่ | เล่นได้ 20+ ชั่วโมง | เล่นได้ 30+ ชั่วโมง |
ระยะเวลาชาร์จ | 4.5 ชั่วโมง ชาร์จ 20 นาทีเล่นได้ 2 ชั่วโมง | 3 ชั่วโมง ชาร์จ 20 นาทีเล่นได้ 4 ชั่วโมง |
ทำเป็น Powerbank | ได้ | ไม่ได้ |
ช่อง AUX | มี | ไม่มี |
ปรับแต่งเสียง | EQ แบบ 2 Band กดที่เครื่อง ปรับได้ 10 ระดับ | EQ แบบ Preset เลือก 3 แบบผ่านแอป |
ขนาดลำโพง | 109 x 230 x 95 mm | 68 x 160 x 76 mm |
น้ำหนัก | 1.8 kg | 0.7 kg |
ราคา | 12,990 บาท | 7,490 บาท |
ด้วยความที่ Marshall Middleton นั้นตัวใหญ่กว่า Emberton II พอสมควร แถมหนักกว่ากันถึง 1.1 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นเสียงของ Middleton จะใหญ่ หนา หนักแน่นกว่า Emberton II ที่เสียงไปทางโปร่งฟุ้งมากกว่า เพราะไม่มีเบสที่มีกำลังมากพอมาเสริมความหนักแน่นให้เสียงได้ และเบสของรุ่นน้องจะมีรายละเอียดน้อยกว่า เพราะอาศัยแต่ Passive Radiator อย่างเดียว ในขณะที่ Middleton จะมีลำโพงดอกใหญ่อีก 2 ดอกพร้อม Passive Radiator เพื่อสร้างแรงสั่นสะเทือน
![ด้านบนของลำโพง Marshall ทั้ง 3 รุ่น](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-3Model-up-1024x683.jpg)
ส่วนในแง่ของการใช้งานอื่น ๆ Middleton นั้นมาพร้อม EQ 2 Band คือปรับเสียงต่ำกับเสียงสูงได้ย่านละ 10 ระดับ ก็สามารถจูนเสียงให้ถูกใจได้อีก ซึ่งจะปรับที่บนตัวลำโพงหรือจะปรับผ่านแอป Marshall Bluetooth ก็ได้ ส่วน Emberton II จะมี EQ แค่ 3 แบบ ที่ไม่สามารถปรับได้เอง และต้องเลือกผ่านแอปเท่านั้น คือ
- Marshall เสียงมาตรฐานจากโรงงาน
- Push เสียงเน้นเบสและแหลมมากขึ้น
- Voice เน้นเสียงพูด สำหรับฟัง Podcast
นอกจากนั้น Middleton ยังสามารถทำตัวเป็น Powerbank ให้สมาร์ตโฟนได้ โดยต่อสายจาก USB-C ด้านหลังลำโพงเข้ามือถือได้เลย แม้ว่าแบตเตอรี่จะไม่อึดเท่า Emberton II ก็เถอะ (ก็อย่างว่า ดอกลำโพง 4 ดอกก็ต้องกินไฟมากกว่า 2 ดอกอยู่แล้ว)
อ่านรีวิว Marshall Emberton II และ Willen
การต่อลำโพงหลายตัวผ่าน Stack Mode
![ด้านข้างของลำโพง Marshall 3 รุ่น](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-3Model-side-1024x683.jpg)
ลำโพงของ Marshall ชุดใหม่คือ Emberton II, Willen และ Middleton มีความสามารถในการเชื่อมลำโพงหลายตัวเข้าด้วยกัน เพื่อเล่นเพลงเดียวพร้อมกันนะครับ ซึ่งจะฟังในรุ่นเดียวกัน หรือข้ามรุ่นกันระหว่าง 3 ตัวนี้ก็ได้ ก็ทำให้มีโอกาสใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก เพราะแม้เรากับเพื่อนจะไม่ได้ซื้อลำโพงรุ่นเดียวกัน แต่ก็สามารถนำมาเชื่อมกันได้อยู่ดี
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-front-1024x683.jpg)
โดยวิธีการต่อเชื่อมก็ง่าย ๆ
- ที่ลำโพงหลักให้กดปุ่ม Bluetooth 3 ครั้งเพื่อเริ่ม Stack Mode
- ที่ลำโพงลูกที่จะเชื่อมเสริมเข้าไป ให้กดปุ่ม Bluetooth 2 ครั้งเพื่อจับเข้ากลุ่ม
- สามารถเพิ่มลำโพงได้เรื่อย ๆ มากกว่า 2 ตัว
แล้วลำโพงทุกตัวก็จะส่งเสียงพร้อมกันหมด สร้างมิติของเสียงและความดังมากกว่าเดิม ถ้ามีลำโพง Marshall รุ่นใหม่หลาย ๆ ตัว ลองเล่นดูครับ สนุกดี
![](https://assets.beartai.com/uploads/2023/04/Middenton-control-1024x683.jpg)
สรุปความคุ้มค่า
Marshall Middleton ตั้งราคาเปิดตัวในไทยที่ 12,990 บาท ก็ถือว่าเป็นลำโพงพกพาที่ราคาสูงระดับหนึ่งเลย เป็นราคาที่เทียบได้กับ Marshall Kilburn II ลำโพงพกพาได้ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งให้เสียงดังกว่า ตัวใหญ่และหนักกว่านี้ แต่ไม่ได้ป้องกันน้ำกันฝุ่นดีเท่า และเบสไม่ได้ลงลึกเท่า Middleton นอกจากนี้ยังเป็นราคาที่เทียบได้กับ Marshall Action III ลำโพงบ้านที่ต้องเสียบปลั๊กใช้งานตลอดเวลา แต่ให้เสียงที่มีกำลังและเบสได้ลึกกว่า Middleton
ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการเสียงดนตรีคุณภาพตลอด แม้ช่วงเวลาที่เดินทางท่องเที่ยว และสามารถพกลำโพงขนาดย่อม ๆ ติดตัวไปได้ รวมถึงต้องการลำโพงที่เสียงดีพอสำหรับการใช้งานในบ้านทุกวัน Marshall Middleton ก็เป็นจุดสมดุลของทางเลือกนี้ครับ
ซื้อที่ Lazada, Shopee, Mercular
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส