รีวิว Sennheiser MOMENTUM 4 หูฟังแบบครอบที่ลงตัว พร้อมรีวิว BTD 600 จุ๊บบลูทูธคุณภาพสูง
Our score
8.9

Sennheiser MOMENTUM 4 Wireless

จุดเด่น

  1. เสียงดี สมบูรณ์ อย่างที่จะคาดหวังได้จากหูฟังราคานี้ รองรับเสียงได้ถึงระดับ Hi-Res ผ่านไร้สาย
  2. รองรับ Multipoint สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 ตัว
  3. รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย ทั้งไร้สาย (AAC, aptX Adaptive) สาย 3.5 mm หรือต่อ USB-C ก็ได้
  4. แบตเตอรี่ยาวนาน 60 ชั่วโมง ใช้จนลืม
  5. สนทนาได้ดี มี Side-Tone และ Comfort Call ทำให้เวลาคุยสายไม่อึดอัด

จุดสังเกต

  1. เสียงมาตรฐานค่อนข้าง Flat ถ้าชอบเสียงที่ติด Color หรือมีไดนามิกมากหน่อย ให้ปรับ EQ ช่วย
  2. การควบคุมหูฟังซับซ้อน เพราะฟีเจอร์เยอะ ควรอ่านรีวิวหรือคู่มือก่อนใช้
  3. เสียงคุณภาพดีที่สุดจะเชื่อมต่อผ่าน aptX Adaptive ที่ปัจจุบันอุปกรณ์รองรับยังไม่เยอะ จึงต้องใช้อแดปเตอร์ BTD 600 มาช่วย
  • คุณภาพเสียง

    9.0

  • คุณภาพวัสดุ

    9.2

  • ความคล่องตัวในการใช้

    8.5

  • ความสามารถในการคุยโทรศัพท์

    9.3

  • ความคุ้มค่า

    8.5

Sennheiser MOMENTUM 4 Wireless เป็นหูฟังแบบครอบหูไร้สายตัวท็อปสุด รุ่นล่าสุดจากค่ายเยอรมัน (ที่ตอนนี้เจ้าของใหม่คือ Sonova เป็นสวิตเซอร์แลนด์แล้ว) ที่เราคิดว่าทำออกมาได้ลงตัวที่สุดรุ่นหนึ่ง ทั้งเรื่องดีไซน์ วัสดุ คุณภาพเสียง ฟีเจอร์พิเศษ และระยะเวลาการใช้งาน เพราะเมื่อคุณใช้ MOMENTUM 4 คุณจะลืมไปเลยว่าชาร์จเมื่อไหร่ เพราะอายุแบตเตอรี่ 60 ชั่วโมงมันยาวนานมาก จนลืมไปเลยว่ามันเปิด-ปิดยังไง เพราะเอาออกจากเคสมันก็พร้อมใช้ แล้วเก็บเข้าเคสมันก็พักตัวเองอัตโนมัติแล้ว!

แต่บทความนี้เราไม่ได้รีวิวหูฟังอย่างเดียว เรารีวิวตัว Sennheiser BTD 600 อุปกรณ์เสริมที่ทำให้เสียงผ่าน Bluetooth จากอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปที่หูฟังดีขึ้น เพราะใช้ Codec เป็น aptX Adaptive ครับ

ดีไซน์ของ Sennheiser MOMENTUM 4

ดีไซน์ของรุ่น 4 นี้ปรับปรุงจาก MOMENTUM 3 ที่เราเคยรีวิว ไปหลายจุดนะครับ จุดที่เราชอบที่สุดคือการใช้วัสดุแบบผ้ามาหุ้มก้านของหูฟังเอาไว้ ซึ่งเป็นลักษณะแบบเดียวกับเคสของหูฟัง MOMENTUM True Wireless 3 ที่เราเคยรีวิว ก็ทำให้มีเอกลักษณ์ของหูฟังไลน์ MOMENTUM ที่นับเป็นตระกูลหูฟังไร้สายตัวท็อปของ Sennheiser ชัดเจนขึ้น แล้วดีไซน์นี้ยังทำให้ดูเป็นหูฟังที่เรียบหรูดูดี มีเอกลักษณ์ต่างจากหูฟังแบรนด์อื่น ๆ ด้วยครับ

ส่วนตัวแป้นหูฟังนั้นไม่ระบุวัสดุ เราคิดว่าน่าจะเป็นหนังสังเคราะห์แล้วด้านในเป็น Memory Foam ซึ่งให้สัมผัสการใส่ที่นุ่มสบายมาก สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานหลายชั่วโมงโดยไม่เจ็บหู และมีขนาดใหญ่พอที่จะครอบไปทั้งหู ไม่ได้กดทับบนใบหู และแป้นหูฟังนี้สามารถซื้ออะไหล่จาก Sennheiser มาเปลี่ยนได้ถ้ามีปัญหาครับ

โดย Sennheiser MOMENTUM 4 นั้นมีให้เลือกซื้อกัน 2 สีคือ สีดำ หล่อเข้ม และ สีขาว ซึ่งมีแป้นหูฟังและที่คาดหัวสีเทา ๆ ซึ่งสวยงามดูดีทั้ง 2 สี

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย สาย USB-A to USB-C สำหรับชาร์จและฟังเพลงผ่านสาย USB, หัวแปลงสำหรับเครื่องบิน และสาย AUX 3.5 to 2.5 mm
อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบด้วย สาย USB-A to USB-C สำหรับชาร์จและฟังเพลงผ่านสาย USB, หัวแปลงสำหรับเครื่องบิน และสาย AUX 3.5 to 2.5 mm

ส่วนอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องก็จัดเต็มมากครับ คือมีสายชาร์จ USB-A to USB-C มาให้ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้ด้วย แล้วก็มีสายสัญญาณ 3.5 mm ที่ปลายอีกข้างเป็น 2.5 mm สำหรับเสียบกับหูฟังโดยเฉพาะมาให้ (ใช้สาย 3.5 mm ทั่วไปไม่ได้) แล้วก็มีหัวแปลงแจ็ค 2 หัวที่ใช้บนเครื่องบินให้ใช้กับหูฟังได้ นอกจากนี้ตัวเคสก็เป็นเคสแข็งที่ป้องกันทุกอย่างได้ มั่นใจได้ว่าหูฟังอยู่ในนี้จะไม่พังครับ

หูฟังรุ่นนี้เต็มไปด้วยส่วนประกอบเพื่อฟังก์ชันระดับสูงนะครับ ที่ตัวหูฟังมีไมโครโฟน 4 ตัวสำหรับรับเสียงพูด และอีก 2 ตัวสำหรับตัดเสียงรบกวน ภายในแป้นหูฟังด้านขวายังมีเซนเซอร์ตรวจสอบการสวมใส่เพื่อเล่นหรือหยุดเพลงเอง แล้วมีไฟ LED 5 ดวงเพื่อบอกสถานะการทำงานและแบตเตอรี่ด้วย

พอร์ต USB-C, ไฟแบตเตอรี่ 5 ดวง และปุ่มสารพัดประโยชน์
พอร์ต USB-C, ไฟแบตเตอรี่ 5 ดวง และปุ่มสารพัดประโยชน์

การเชื่อมต่อ

Sennheiser MOMENTUM 4 เป็นหูฟังที่รองรับการเชื่อมต่อได้ครอบจักรวาลมากครับ ถือกล่องหูฟังไปชุดเดียวจบเลย เริ่มจากการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.2 รองรับ Codec มาตรฐานคือ SBC ทุกอุปกรณ์ทั้งโลกรองรับ พร้อมรองรับ AAC สำหรับอุปกรณ์แอปเปิ้ล ที่สำคัญคือรองรับ aptX และ aptX Adaptive สำหรับอุปกรณ์ Android ซึ่ง aptX Adaptive คือโค้ดเสียงตัวล่าสุดจากฝั่ง Qualcomm ตอนนี้ที่สามารถให้เสียงในระดับ Hi-Res ได้ และมีการสเกลอัตราการส่งข้อมูลอัตโนมัติ ทำให้เมื่อมีสัญญาณรบกวนเสียงก็ไม่กระตุก (ยกเว้นว่าเยอะมากจริง ๆ จนเอาไม่อยู่)

แต่ปัญหาของ aptX Adaptive คืออุปกรณ์รองรับยังไม่เยอะครับ มือถือ Android ส่วนใหญ่ใช้ได้แค่ aptX เท่านั้น (ส่วน iPhone เลิกพูด มันรองรับแค่ SBC/AAC เท่านั้น) แต่ถ้าคุณซื้อเจ้า BTD 600 หรือได้แถมมาด้วยตอนซื้อหูฟังมันก็จะเปลี่ยนอุปกรณ์แทบทุกตัวที่ต่อ USB ได้ ให้รองรับ aptX Adaptive ทำให้ได้เสียงไร้สายคุณภาพสูงสุดที่ MOMENTUM 4 จะให้ได้ครับ

นอกจากนี้หูฟังรุ่นนี้ยังรองรับ Multipoint คือสามารถเชื่อมต่อไร้สายกับอุปกรณ์ได้ 2 ตัว เช่นเชื่อมต่อมือถือไปพร้อมกับคอมพิวเตอร์ เวลาฟังเพลงจากคอมพิวเตอร์ แล้วสลับไปรับโทรศัพท์ก็จะทำได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อใหม่ ซึ่งหูฟังสามารถจดจำอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อได้ 6 ตัวเพื่อสลับการเชื่อมต่อไปมา และสามารถลบอุปกรณ์ที่ไม่เชื่อมต่อแล้วผ่านแอป Smart Control ในมือถือได้

ส่วนการเชื่อมต่อด้วยสาย AUX 3.5 mm สำหรับการต่ออุปกรณ์ทั่วไป สามารถใช้งานได้แม้ตอนไม่ได้เปิดหูฟัง หรือแบตหมด เพียงแต่ว่าเสียงจะแย่ลงมากครับ แนะนำว่าถึงจะต่อสาย 3.5 mm ก็ควรเปิดหูฟังไปด้วยอยู่ดี

นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อด้วยสาย USB เพื่อส่งข้อมูลดิจิทัลเข้าสู่หูฟังโดยตรงได้เลย ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ให้เสียงดีตามต้นฉบับ และสามารถชาร์จหูฟังไปพร้อมการฟังเพลงได้ด้วย

การควบคุมหูฟัง

การควบคุม Sennheiser MOMENTUM 4 นั้นค่อนข้างซับซ้อนเพราะฟังก์ชันในหูฟังเยอะครับ ที่ตัวหูฟังมีปุ่มเพียงปุ่มเดียวเท่านั้นที่กดได้จริง ๆ คือ Multi-function button ที่อยู่ที่หูฟังด้านขวาครับ

  • กดค้าง 3 วินาที เพื่อเปิด-ปิดหูฟังด้วยตัวเอง
  • กดค้าง 5 วินาที เพื่อเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ใหม่
  • กดค้าง 20 วินาที เพื่อรีเซตหูฟัง
  • กด 1 ครั้ง เรียกผู้ช่วยอัจฉริยะจากมือถือ
  • กด 1 ครั้งระหว่างโทร ปิด-เปิดไมค์ (Mute)
  • กด 2 ครั้ง เพื่อดูแบตเตอรี่เหลือที่ไฟของหูฟัง และหูฟังจะพูดบอกเราด้วยว่าเหลือแบตเท่าไหร่
  • กด 5 ครั้ง เพื่อปิด-เปิด Bluetooth (Flight Mode)

ซึ่งคนที่ใช้หูฟังรุ่นนี้จะไม่ค่อยได้กดปิดหูฟังกันหรอกครับ เพราะเมื่อเอาหูฟังเก็บลงเคส มันก็จะปิดเอง แล้วเอาออกจากเคสมันก็จะเปิดพร้อมใช้งานทันที ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่สะดวกมาก แถมแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน 60 ชั่วโมง ใช้กันจนลืมว่าชาร์จหูฟังเมื่อไหร่

ส่วนการทำงานอื่น ๆ จะสั่งงานผ่านการแตะไปมาที่แป้นหูฟังด้านขวาครับ

เวลาฟังเพลงเวลาคุยโทรศัพท์
แตะ 1 ครั้งเล่นเพลง / หยุดเพลง
แตะ 2 ครั้งตัดเสียงรบกวน / เปิดเสียงภายนอกHold สาย / สลับสาย
แตะแล้วลากไปข้างหน้าเปลี่ยนเพลงรับสายเรียกเข้า
แตะแล้วลากไปข้างหลังย้อนเพลงวางสาย
แตะแล้วดันขึ้นเร่งเสียงเร่งเสียง
แตะแล้วดันลงลดเสียงลดเสียง
แตะค้างไว้ 2 วินาทีปฏิเสธสาย
แตะแล้วจีบ 2 นิ้วเข้าหาเพิ่มระดับการตัดเสียงภายนอก
แตะแล้วถ่าง 2 นิ้วออกลดระดับตัดเสียง เพิ่มการดึงเสียงภายนอก

การแตะ 2 ครั้งเพื่อเข้าสู่โหมด Transparency เพื่อดึงเสียงภายนอก ค่ามาตรฐานจะหยุดเพลงด้วย เพื่อให้เราฟังเสียงได้ชัด แต่ก็สามารถปรับได้ในแอป Smart Control เพื่อให้เพลงยังเล่นต่อได้

ส่วนการจีบ 2 นิ้วเพื่อปรับระดับ ANC และการถ่าง 2 นิ้วเพื่อปรับระดับ Transparency นั้นจะไม่ทำงานถ้าเราเปิดโหมด ANC ในแอป Smart Control เป็น Adaptive ที่หูฟังจะปรับระดับอัตโนมัติครับ ซึ่งปกติเราก็ใช้โหมด Adaptive นี่แหละ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับการจูนระบบ แล้วถ้าต้องการได้ยินเสียงภายนอกก็ใช้การแตะ 2 ครั้งไปเลย

การควบคุมผ่านแอป Smart Control

เรายังสามารถควบคุมหูฟังผ่านแอป Sennheiser Smart Control ได้อีกเพียบครับ ที่เล่าไปแล้วก็สามารถจัดการรายชื่ออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ หรือปรับแต่งโหมด ANC / Transparency ผ่านแอปได้ รวมถึงสามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ด้วย

นอกจากนี้ยังสามารถปรับ EQ ได้อีก 3 Band กดเพิ่ม Bass หรือปรับโหมดพิเศษสำหรับฟัง Podcast โดยเฉพาะก็ได้ พร้อมฟีเจอร์ Sound Check ที่ให้เราเล่นเพลงที่เราชอบไปเรื่อย ๆ แล้วเลือกแบบเสียงที่เราชอบไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายจะได้ EQ แบบที่เราชอบ แถมสามารถยกเลิกการสั่งงานด้วยการสัมผัสที่ตัวหูฟังก็ได้

ส่วนถ้าอัปเกรดหูฟังเป็นเฟิร์มแวร์ 2.13.18 ขึ้นไป จะสามารถปรับ EQ ได้เป็น 5 Band และมีโหมดปรับเสียงใหม่ Sound Personalization ที่แอปจะให้เราฟังเสียงไปเรื่อย ๆ เพื่อปรับความดังของเสียงที่เหมาะสม ปรับความดังเส้นกีต้าร์ เสียงเบส เสียงกลอง เพื่อสุดท้ายจะจูนเป็นแนวเสียงที่ถูกใจเราออกมา เพียงแต่ว่าโหมด Sound Personalization นี้จะไม่สามารถใช้งานร่วมกับ High Resolution Audio Mode อีกโหมดที่เพิ่มเข้ามาใหม่ได้ ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

โดย High Resolution Audio Mode เหมาะสำหรับคนที่สามารถเชื่อมต่อหูฟังผ่าน aptX Adaptive ได้ครับ (คือต้องมีโทรศัพท์ที่รองรับ หรือใช้งานผ่านเจ้า BTD 600 ที่เรารีวิวไว้ด้านล่างบทความนี้) ซึ่งมันจะทำให้สามารถเชื่อมสัญญาณเสียงไร้สายแบบ Hi-Res ที่ความละเอียดสูงสุด 96 kHz 24 Bit ได้ ก็ทำให้เนื้อเสียงอิ่มแน่นขึ้น แต่ก็ต้องใช้อัตราการส่งข้อมูลสูงขึ้น จนอาจทำให้เสียงกระตุกได้เวลาอยู่ในที่ที่มีสัญญาณรบกวนเยอะ

ส่วนใครที่ใส่หูฟังกันตลอดเวลาก็สามารถปรับพื้นที่การทำงานของหูฟังได้ในหมวด Sound Zone ที่จะใช้ GPS ของโทรศัพท์ในการระบุว่าเรากำลังใช้หูฟังอยู่ที่ไหน เช่นฟังที่ทำงานจะตัดเสียงรอบข้างเต็มที่ เพื่อมีสมาธิทำงาน หรืออยู่บ้านจะต้องเปิดเสียงภายนอกเพื่อให้ได้ยินเสียงคนในบ้าน ก็ตั้งให้หูฟังทำงานอัตโนมัติได้

แล้วยังตั้งค่า Side-Tone หรือเวลาสนทนาให้หูฟังดูดเสียงของเรามาให้ได้ยินนิดหน่อย เพื่อให้รู้สึกเหมือนการพูดปกติเวลาไม่ใส่หูฟัง (ซึ่งมันดีมาก หูฟังที่ไม่มีฟังก์ชันนี้ เวลาพูดจะเหมือนพูดในอวกาศ พูดแล้วหายไป ไม่ได้ยินเสียงตัวเอง) แล้วยังมีตัวเลือก Comfort Call ปรับเสียงให้เหมาะสำหรับการคุยสนทนาด้วย แล้วยังตั้งค่าให้หูฟังหยุดเล่นเพลงเองเมื่อถอดหูฟัง หรือตั้งเวลาดับหูฟังเองก็ได้

เสียงของ Sennheiser MOMENTUM 4

หูฟังรุ่นนี้ใช้ไดรเวอร์ขนาด 42 mm นะครับ ซึ่งก็ให้เสียงได้สะอาดเรียบร้อย เสียงไม่อึดอัด ฟังได้ยาวนานไม่เหนื่อยล้าหู

  • เสียงเบส: ไม่ได้เป็นหูฟังที่เน้นเบสจนล้นออกมา เสียงเบสกำลังดี กำลังเติมเพลงให้หนักแน่นแต่ไม่ทำให้อึดอัด เก็บทรงดี ไม่กวนเสียงกลาง
  • เสียงกลาง-แหลม: สดใส ถ่ายทอดเสียงร้องได้หวาน เสียงแหลมให้รายละเอียดดี
  • เวทีเสียง: โปร่งระดับหนึ่ง รับรู้ตำแหน่งเครื่องดนตรีได้ดี

เสียงมาตรฐานจะให้เสียงค่อนข้าง Flat เสียงธรรมดา ๆ ไม่ได้ติด Color เลย ถ้าต้องการฟังให้สนุกขึ้นก็สามารถปรับ EQ ช่วยได้ครับ

การตัดเสียงรบกวน

ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวนก็ทำได้ในระดับน่าพอใจ เราทดลองนั่งอยู่ในห้างแล้วเปิดโหมดตัดเสียงรบกวนสูงสุด ก็ลบเสียงบรรยากาศห้างออกไปได้เยอะ ก็จะเหลือแต่เสียงพูดที่ยังลอดเข้ามาได้บ้าง ซึ่งเมื่อเปิดเพลงก็จะเงียบพอที่จะฟังเพลงได้เพลิน ๆ ครับ

ส่วนการดึงเสียงภายนอกก็ทำได้ดี ให้ลักษณะเสียงแยกทิศทางได้คล้ายเวลาไม่ได้ใส่หูฟัง เพียงแต่จะได้ยินเสียงคล้าย ๆ เสียงลมวน ๆ อยู่ในหูบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของหูฟังแบบครอบหู

เทียบกับ Sony WH-1000XM5

(ซ้าย) Sony WH-1000XM5, Sennheiser MOMENTUM 4 Wireless
(ซ้าย) Sony WH-1000XM5, Sennheiser MOMENTUM 4 Wireless

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราขอเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกันอย่าง Sony WH-1000XM5 (อ่านรีวิว) โดยเสียงของโซนี่จะหนากว่าชัดเจน สำหรับเพลงที่ไม่ได้เน้นเบส มันก็จะมีเบสเพิ่มขึ้นมาให้ฟังสนุก แต่ถ้าเพลงมีเบสอยู่แล้ว มันจะล้น ๆ มากวนเสียงกลางอยู่บ้าง ส่วนเสียงกลางของโซนี่ ก็ให้เสียงร้องสวย ให้รายละเอียดได้ดี ถ้าเพลงนั้นเบสไม่ได้ขึ้นมากวน

เมื่อเทียบกับ Sennheiser MOMENTUM 4 เลยเป็นเสียงคนละแนวกันเลย เสียง Sennheiser โปร่งกว่า เบสลงแม่น เก็บตัวให้กระแทกลึกและไม่ย้วย ไม่ขึ้นไปรบกวนเสียงกลาง จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่แตกต่างกัน

ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวน โซนี่ทำได้ดีมาก ระหว่างฟังเพลงแทบไม่ได้ยินอะไรเลย ดีกว่า MOMENTUM 4 ที่ยังได้ยินเสียงรอบ ๆ ตัวชัดกว่า

ในแง่การสวมใส่นั้น ใส่สบายพอ ๆ กันครับ เพราะเป็นหูฟังเกรดพรีเมี่ยมด้วยกันทั้งคู่ ครอบลงไปได้ทั้งใบหูทั้งคู่ เลยใส่สบายยาวนาน

และความสามารถด้านเทคนิคนั้นจะต่างกันอยู่บ้าง โดยหูฟังโซนี่จะรองรับ Bluetooth Codec เป็น SBC, AAC และ LDAC ของตัวเอง (ซึ่งแพร่หลายใน Android แล้ว) พร้อมเทคโนโลยี DSEE Extreme ช่วยอัปสเกลเสียง ส่วน MOMENTUM 4 รองรับ Codec SBC, AAC และ aptX Adaptive ซึ่งยังไม่ได้แพร่หลายเท่า LDAC ครับ แต่เรื่องแบตเตอรี่ MOMENTUM 4 ที่ใช้งานได้ 60 ชั่วโมงนั้นชนะโซนี่ที่ใช้ได้ 30 ชั่วโมงไปแบบขาดลอยครับ

คุณภาพไมโครโฟน

เราบันทึกเสียงจาก Sennheiser MOMENTUM 4 ผ่าน iPhone มาให้ฟังกันครับ จะเห็นว่าเสียงที่บันทึกออกมาดีใช้ได้เลย ซึ่งเป็นระดับที่สามารถใช้คุยสาย หรือใช้ประชุมงานได้สบาย ๆ

เสียงจาก Sennheiser MOMENTUM 4

และเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราจึงบันทึกเสียงจาก Sony WH-1000XM5 ที่อัดในสถานที่เดียวกัน อัดด้วย iPhone เหมือนกันมาให้ฟังด้วย จะเห็นว่าเสียงจากโซนี่ก็ชัดเจนไม่แพ้กัน แต่โทนเสียงที่บันทึกได้จะต่างกัน ซึ่งแล้วก็แต่ชอบแล้วว่าจะชอบโทนไหน

เสียงจาก Sony WH-1000XM5

รีวิว Sennheiser BTD 600

Sennheiser BTD 600 จะเป็นจุ๊บ USB-A ที่มาพร้อมหัวแปลงเป็น USB-C
Sennheiser BTD 600 จะเป็นจุ๊บ USB-A ที่มาพร้อมหัวแปลงเป็น USB-C

อย่างที่เราได้เกริ่นไปว่า aptX Adaptive แม้ว่าจะให้เสียงดี แต่ยังหาอุปกรณ์รองรับไม่ง่ายนักในปัจจุบัน Sennheiser จึงออก Adapter ระดับ Bluetooth 5.2 ตัวใหม่อย่าง BTD 600 ที่เสียบได้ทั้ง USB-C และ USB-A ซึ่งทำให้อุปกรณ์แทบทุกชนิดสามารถส่งเสียงบลูทูธในระดับ aptX Adaptive ได้ ซึ่ง MOMENTUM 4 ก็รองรับเป็นอย่างดี เราจึงมักเห็น MOMENTUM 4 จัดโปรแถมเจ้า BTD 600 อยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าอุปกรณ์ปลายทางไม่รองรับ aptX Adaptive ก็สามารถส่งเสียงในรูปแบบ SBC, aptX หรือ aptX Low Latency ได้ด้วย

รายการอุปกรณ์ที่ BTD 600 รองรับ

แล้ว Sennheiser BTD 600 รองรับอุปกรณ์อะไรบ้าง เท่าที่เราได้ทดสอบจริงคือ

  • สมาร์ตโฟน Android น่าจะรองรับทุกรุ่น เสียบ USB-C แล้วใช้ได้เลย ถ้าใช้ไม่ได้ให้ไปดูตัวเลือกประมาณ OTG ในสมาร์ตโฟน เพื่อเปิดใช้งาน
  • Windows เสียบแล้วใช้งานได้เลย เลือกอุปกรณ์ที่เสียงออกเป็น BTD 600 ได้เลย
  • macOS ก็เสียบแล้วใช้ได้เลยเหมือนกัน เลือกอุปกรณ์ได้เหมือน Windows
  • iPad ที่ใช้ USB-C เสียบแล้วใช้ได้ทันที

ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้คือ

  • Nintendo Switch เสียบผ่าน USB-C แล้วก็ยังไม่ติด ในขณะที่ Genki Audio ยังทำงานได้ปกติ
  • iPhone เราซื้อหัวแปลงจาก Lightning เป็น USB-C มาใช้แล้ว ก็ไม่สามารถทำงานได้ โดย iPhone แจ้งว่า BTD 600 กินไฟมากเกินไป ในขณะที่เราสามารถเสียบ USB-C DAC ให้ทำงานกับหัวแปลงตัวนี้ได้
การใช้งาน Sennheiser BTD 600 กับ iPhone ผ่านหัวแปลง ซึ่งใช้ไม่ได้
การใช้งาน Sennheiser BTD 600 กับ iPhone ผ่านหัวแปลง ซึ่งใช้ไม่ได้

การใช้งาน BTD 600

ที่ตัวของ BTD 600 จะมีแค่ไฟแสดงสถานะ 2 ดวงกับปุ่มกดเพียงปุ่มเดียวด้านบนเพื่อสั่งงานครับ ซึ่งจะใช้งานควบคู่กัน

  • ถ้าต้องการเชื่อมต่อ BTD 600 กับหูฟังคู่ใหม่ ให้ตัดการเชื่อมต่อกับหูฟังเดิมก่อน (เช่นปิดหูฟังเดิมก่อน) แล้วกดปุ่มที่ BTD 600 ค้างไว้ 3 วินาทีจนไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง-ขาว-แดง จึงจับหูฟังคู่ใหม่เข้าโหมด Pairing ก็จะเชื่อมกันได้
  • ถ้าไม่ได้ใช้งานสักพักหนึ่งเจ้า BTD 600 จะดับเอง ก็แตะที่ปุ่มเพื่อใช้งานใหม่
  • ถ้ากดปุ่มของ BTD 600 ระหว่างเล่นเพลง จะเป็นการสลับโหมดการส่งระหว่าง aptX Adaptive กับ SBC ซึ่งเป็นรูปแบบพื้นฐานสุด ๆ ก็ลองฟังได้ครับว่าเสียงแตกต่างกันขนาดไหน
    • โดยถ้าการส่งเป็น aptX Adaptive ไฟที่ BTD 600 จะเป็นสีม่วงอ่อน
    • แต่ถ้าเป็น SBC ไฟจะเป็นสีขาว
  • นอกจากนี้ยังมีไฟสีม่วงสำหรับบอกสถานะการทำงานร่วมกับ Microsoft Team ด้วย
เสียบ BTD 600 กับ iPad ก็ใช้งานได้ดี
เสียบ BTD 600 กับ iPad ก็ใช้งานได้ดี

โดย Sennheiser BTD 600 สามารถจำการเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์แค่ตัวเดียวนะครับ ถ้าสลับไปเชื่อมกับหูฟังตัวใหม่ หูฟังตัวเก่าก็จะเชื่อมอัตโนมัติกับ BTD 600 ไม่ได้แล้ว ก็ต้องจับคู่กันหมด

และ BTD 600 สามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้โดยใช้โปรแกรม Sennheiser Transmitter Updater อัปเดตให้จากคอมพิวเตอร์ครับ

เสียงของ MOMENTUM 4 ผ่าน BTD 600

ไฟสีม่วงอ่อน แสดงว่าเชื่อมต่อแบบ aptX อยู่
ไฟสีม่วงอ่อน แสดงว่าเชื่อมต่อแบบ aptX อยู่

เราทดสอบโดยเชื่อมต่อ MOMENTUM 4 กับ BTD 600 เป็นการเชื่อมต่อที่ 1 และการเชื่อมต่อที่ 2 ต่อกับ MacBook ตรง ๆ (ใช้ความสามารถ Multipoint เชื่อม 2 อุปกรณ์กับหูฟังตัวเดียว) เพื่อฟังเสียงจากต้นทางแหล่งเดียวกัน แต่สลับตัวกลางส่งข้อมูลไปมา บนหูฟังตัวเดียวกัน โดยแอป Smart Control รายงานว่า การเชื่อมต่อกับ BTD 600 จะใช้ aptX Adaptive ส่วนถ้าเชื่อมต่อตรง ๆ กับ MacBook จะใช้ AAC ตามมาตรฐานแอปเปิ้ลครับ

ผลคือเสียงจากทั้ง 2 ตัวกลางไม่แตกต่างกันมากนัก ถ้าไม่ได้เอามาฟังเปรียบเทียบต่อเนื่องกันแบบนี้น่าจะแยกยาก แต่มันก็มีความต่างอยู่ครับ โดยเสียงที่ผ่าน BTD 600 นั้นจะมีความหนักแน่นมากกว่า เบสมาเต็มกว่า ซึ่งจะรู้สึกได้ชัดเจนกับเพลงที่เบสมีรายละเอียด ทำให้มีบางเพลงก็ฟังแล้วรู้สึกต่างเลย แต่ก็มีบางเพลงที่ฟังไม่ค่อยออกเช่นกัน

สรุปก็คือถ้าอยากให้ MOMENTUM 4 แสดงความสามารถไร้สายออกมาได้ดีที่สุด ให้หาทางเชื่อมต่อแบบ aptX Adaptive ครับ แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ การเชื่อมต่อผ่าน AAC ก็ให้เสียงที่โอเค

สรุป Sennheiser MOMENTUM 4 ราชันค่ายเยอรมัน

Sennheiser พัฒนาหูฟังรุ่นนี้ออกมาได้สมบูรณ์มากครับ ทั้งเรื่องเสียงที่ได้มาตรฐาน ให้ผู้ฟังเอาไปปรับแต่งต่อตามใจชอบ ฟีเจอร์สนับสนุนการทำงานที่หลากหลาย และแอปชั้นดีช่วยให้การปรับแต่งทำได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Sennheiser MOMENTUM 4 Wireless มีราคา 12,990 บาท ก็ถือเป็นราคาที่แข่งกับหูฟังในกลุ่มพรีเมียมค่ายอื่น ๆ ได้สบาย ๆ เลย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส