Our score
8.7Sony HT-MT500 Sound Bar
จุดเด่น
- ให้เสียงได้ดีเยี่ยมทั้งการดูหนังและฟังเพลง แยกมิติเสียงได้ดี รองรับเสียงระดับ Hi-res Audio
- ตัวเล็ก ติดตั้งง่าย เอาซัฟวูฟเฟอร์ไร้สายไปวางใต้โซฟาก็ได้
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในตัว พร้อมรองรับ Chromecast Audio, Spotify Connect และการเปิดไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ในบ้าน
- Bluetooth รองรับทั้งการนำสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์อื่นมาเปิด และส่งสัญญาณไปเปิดที่หูฟังหรือลำโพงอื่นๆ
- มีฟังก์ชั่น IR Repeater แก้ปัญหาลำโพงบังช่องรีโมททีวีได้อยู่หมัด
จุดสังเกต
- ราคาเมื่อเทียบกับความสามารถก็คุ้ม แต่ก็เป็นราคาที่ต้องคิดเยอะก่อนซื้อ
- ไม่รองรับ aptX เมื่อใช้กับสมาร์ทโฟนที่ไม่รองรับ LDAC และ AAC จะได้รูปแบบเสียงพื้นฐาน SBC ไปเลย
- ไม่รองรับ LPCM 5.1 ch, LPCM 7.1 ch, Dolby TrueHD, Dolby Digital Plus, DTS-HD
- ไม่แสดงภาษาไทยในหน้าเล่นเพลงจาก Sound Bar โดยตรง
- ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าลำโพงจะติด (ก็เป็นเรื่องปกติของลำโพง Home Theater นะ ถ้าชินลำโพงปกติมาจะแปลกใจนิดหนึ่ง)
-
ดีไซน์ตัวเครื่อง
9.0
-
คุณภาพเสียง
9.0
-
การเชื่อมต่อ
8.0
-
ความสามารถพิเศษเช่น Bluetooth
10.0
-
ความคุ้มค่า
7.5
ตั้งแต่ทีวีแข่งกันทำจอบางออกมา จนไม่ค่อยมีพื้นที่เหลือให้ติดตั้งลำโพงดีๆ ในตัวทีวี ชุดลำโพง Home Theater ก็กลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับคนซีเรียสเรื่องคุณภาพเสียงนะครับ ซึ่ง Sound Bar ก็เป็นรูปแบบลำโพงยอดนิยมสำหรับทีวียุคนี้ เพราะติดตั้งง่ายและใช้พื้นที่น้อย วันนี้เว็บแบไต๋จึงขอรีวิวลำโพง Sony HT-MT500 ซาวด์บาร์ตระกูลใหม่ตัวท็อปของโซนี่ให้รู้กันไปว่าคุ้มค่ากับค่าตัวของมันไหม
การออกแบบ Sony HT-MT500
- Subwoofer ไร้สาย วางตรงไหนของห้องก็ได้
- มี Sofa Mode สำหรับปรับเสียงให้เหมาะกับการวาง Subwoofer ใต้โซฟา
- ตะแกรงด้านหน้าลำโพงยึดด้วยแม่เหล็ก สามารถถอดตะแกรงออกได้ง่าย
Sony HT-MT500 เป็นลำโพงแบบ Compact Sound Bar ที่ตัวลำโพงหลักมีขนาดสั้นกว่าซาวด์บาร์ทั่วไปราวครึ่งหนึ่งเลย ทำให้กินพื้นที่หน้าทีวีน้อยลงไปอีก โดย Sony HT-MT500 จะประกอบด้วยลำโพง 2 ชุด ชุดแรกคือลำโพงหลักที่ใช้วางหน้าทีวี และอีกชุดหนึ่งคือลำโพง Subwoofer แบบไร้สายที่สามารถวางจุดใดในห้องก็ได้ แล้วลำโพงหลักจะส่งสัญญาณเสียงไร้สายไปหาเอง (ขอแค่มีปลั้กให้ Subwoofer เสียบก็พอ) ซึ่งสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด จะเอา Subwoofer ไปวางใต้โซฟาก็ได้ แค่เปลี่ยนโหมดเสียงเป็น Sofa Mode ก็จะได้เสียงที่เหมาะสมสำหรับการวางในลักษณะนี้แล้ว
ดีไซน์ของ Sony HT-MT500 นั้นเรียบง่ายครับ ทั้งตัวลำโพงหลักและซับวูฟเฟอร์เป็นกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆ ทั้งคู่ ด้านบนของชุดลำโพงหลักจะพื้นผิวแบบหนัง ก็เสริมความหรูหราของลำโพงขึ้นอีกหน่อย และตัวตะแกรงด้านหน้าลำโพงนั้นยึดด้วยแม่เหล็ก ดึงออกได้ง่ายสำหรับคนที่ต้องการดีไซน์ที่เห็นดอกลำโพงชัดๆ หรือต้องการคุณภาพเสียงดีขั้นสุดแบบไม่ต้องการให้ตะแกรงมากั้นเสียงให้ดรอป โดยรวมแล้ว Sony HT-MT500 ก็เป็นลำโพงเรียบหรูที่ไม่ได้สร้างความเด่นสะดุดตาจนแย่งความสนใจจากหน้าจอทีวีไป
การเชื่อมต่อของ Sony HT-MT500
- เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI ARC จะให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด และควบคุมการทำงานผ่านทีวีได้
- เชื่อมต่อ Bluetooth ได้ทั้งรับสัญญาณมาเล่นที่ลำโพง หรือส่งสัญญาณ Bluetooth จาก Sony HT-MT500 ไปยังลำโพงหรือหูฟังอื่นๆ
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ฟังก์ชั่นเกี่ยวกับเครือข่ายได้
Sony HT-MT500 นั้นไม่ได้มีแค่ความสามารถเสียบสายกับทีวีแล้วจบแค่เป็น Home Theater นะครับ แต่มันยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลายมากจนเหมือนกล่องความบันเทิงประจำบ้านเลย
เริ่มต้นจากการเชื่อมต่อ Sony HT-MT500 เข้ากับระบบทีวีก่อน ซึ่งซาวด์บาร์ตัวนี้รองรับการเชื่อมต่อ 3 วิธีคือ
- เสียบผ่านช่อง 3.5 mm สำหรับอุปกรณ์รุ่นเก่า
- เสียบผ่านสาย Optical เพื่อให้เสียงที่ดีขึ้น
- (วิธีแนะนำ) สำหรับคนที่ใช้ทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่มีช่อง HDMI ARC (Audio Return Channel) ให้เชื่อมต่อ Sony HT-MT500 เข้ากับช่องนี้ผ่านสาย HDMI ครับ จะได้สัญญาณเสียงดิจิทัลที่ดี แล้วยังสามารถสั่งงานซาวด์บาร์ผ่านทีวี เช่นการเพิ่มลดเสียงจากรีโมททีวีได้เลย แถมสามารถเปิดหน้าควบคุมซาวด์บาร์ในทีวี เพื่อสลับโหมดการใช้งานต่างๆ ได้ง่าย
ถ้า Sony HT-MT500 จะเชื่อมต่อได้แค่ทีวีก็จะเสียชื่อ Sound Bar ตัวท็อปไปนะครับ ตัวมันยังมีความสามารถเชื่อมต่ออีกหลากหลายคือ
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wifi (รองรับ Wifi 5 GHz ด้วย) และสาย LAN เพื่อใช้งานความสามารถที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตต่างๆ
- เชื่อม Bluetooth กับอุปกรณ์อื่นๆ ทำให้ Sony HT-MT500 กลายเป็นลำโพง Bluetooth ประจำบ้าน ฟังเพลงจากมือถือเพลินๆ ได้เลย พร้อมรองรับ NFC สามารถเอามือถือ Android ที่มี NFC ด้วยกันมาแตะใช้ได้ โดยรองรับ Codec เสียงทั้ง AAC ที่สมาร์ทโฟนหลายรุ่นใช้ และ LDAC ที่อุปกรณ์ Sony ใช้ เพื่อให้ได้เสียงระดับ Hires ที่ดีที่สุด
- ส่งสัญญาณ Bluetooth ไปหาหูฟังได้ด้วย สำหรับคนที่ต้องการดูทีวี ดูหนัง แบบไม่อยากให้เสียงไปรบกวนคนอื่น ก็สามารถใช้หูฟังไร้สายมาเชื่อมต่อกับ Sony HT-MT500 ได้ แต่การใช้งานบางรูปแบบ เช่นเอาไปเล่นเกมจะมีปัญหาเสียงแลคไม่ตรงกับจังหวะในเกม
- เชื่อมต่อลำโพงไร้สายตัวอื่นๆ ของ Sony เพื่อสร้างลำโพง Surround ด้านหลัง หรือใช้สตรีมเพลงไปยังห้องอื่นๆ
- เสียบแฟลชไดร์ฟเพื่อเล่นเพลงโดยตรง (พอร์ต USB ซ่อนอยู่ข้างขวาของลำโพงหลัก) รองรับไฟล์สกุล mp3, mp4 (AAC, HE-AAC, ALAC), wma, wav, flac, ac3, dsf, dff, aiff, ogg, ape
เมื่อ Sony HT-MT500 ต่ออินเทอร์เน็ต ก็ทำอะไรได้อีกเพียบ
Sony HT-MT500 นั้นเป็นลำโพงสมัยใหม่ครับ สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อเปิดความสามารถได้อีกหลายอย่างคือ
- รองรับ Chromecast Audio สามารถยิงเพลงจากบริการที่รองรับในมือถือเช่น Deezer, TuneIn Radio, Tidal, Spotify ไปเข้าลำโพง Sony HT-MT500 ได้โดยตรง ซึ่งให้คุณภาพเสียงดีกว่าเพราะลำโพงเป็นตัวรับไฟล์เสียงมาเล่นเอง แบบไม่ต้องผ่านมาที่สมาร์ทโฟนก่อน และหลังจากยิงเพลงไปแล้ว จะใช้มือถือคุยโทรศัพท์ เล่นเกม หรือแม้กระทั่งปิดเครื่องไปเลย เพลงก็จะยังเปิดต่อไปไม่สะดุด ซึ่งต่างการยิงด้วย Bluetooth ที่เสียงเพลงจะตัดทันทีเมื่อมีอะไรมาขัดจังหวะ
- รองรับ Spotify Connect เมื่อ Sony HT-MT500 เชื่อมต่อกับเครือข่ายแล้วจะเลือกซาวด์บาร์ตัวนี้จากในแอป Spotify ได้ทันที และเล่นเพลงได้ไม่มีสะดุดเหมือน Chromecast Audio (แต่ Spotify ยังไม่เปิดให้บริการในไทย เลยใช้ยากหน่อย)
- เปิดไฟล์เพลงในเซิร์ฟเวอร์ DLNA ในบ้านก็ได้ (เช่นเราเตอร์บางตัวจะสามารถเสียบฮาร์ดดิสก์และสตรีมไฟล์ออกมาให้ตัวลำโพงเข้าไปเปิดได้เลย โดยไม่ต้องผ่านอุปกรณ์อื่นๆ อีก
คุณภาพเสียงของ Sony HT-MT500
- เสียงเยี่ยม เหมาะทั้งใช้ดูหนัง ดูทีวี หรือจะเอาไปฟังเพลงก็ได้ทั้งนั้น
- ใส่เทคโนโลยีปรับปรุงเสียงของ Sony มาเพียบ
- ไม่รองรับบางมาตรฐานเช่น LPCM 5.1, Dolby TrueHD, DTS-HD
เอาแหละ มาถึงเรื่องคุณภาพเสียง ประเด็นสำคัญที่หลายคนอยากรู้เมื่อจะซื้อลำโพงสักตัวมาใช้ ซึ่ง Sony HT-MT500 ไม่ทำให้ผิดหวังกับมูลค่าลำโพงราคา 2 หมื่นบาทครับ เสียงของซาวด์บาร์ตัวนี้โปร่ง กว้าง แต่หนักแน่นด้วยเบสจาก subwoofer ที่สามารถปรับระดับความแรงของเสียงเบสได้ด้วย แถมรายละเอียดของเสียงมาเต็ม จะใช้เป็นลำโพงสำหรับดูหนัง ดูทีวีก็เหมาะ เพราะให้มิติของเสียงได้ดี แยกทิศทางเสียงได้ชัดเจน จะใช้ฟังเพลงก็เพราะ ด้วยเสียงโปร่ง ใส และมีเบสลื่นหู
ถ้าเทียบกับลำโพง Harman / Kardon SoundStick II ที่ผู้เขียนใช้เป็นลำโพงทีวีก่อนหน้านี้ ก็ต้องบอกว่าความใส และความหนักแน่นของเบสไปในทิศทางเดียวกัน ฟังสบายเหมือนกัน แต่ที่ Sony HT-MT500 มาเหนือกว่าคือเรื่องมิติของเสียงครับ ที่แยกทิศเสียงออกจากกันง่ายกว่า เสียงมีมิติกว่า ส่วนลำโพงเดิมจะเหมือนเสียงมาเป็นก้อนๆ กองอยู่หน้าทีวี ไม่ได้แยกซ้าย/ขวาชัดเจนขนาดนี้
คลิปเปรียบเทียบลักษณะเสียงจากลำโพง 3 ตัว
ลองดูลักษณะของเสียงคร่าวๆ ได้จากวิดีโอ 3 ตัวนี้ครับ จะเห็นว่าเสียงลำโพงทีวีด้อยกว่าลำโพงจริงๆ มาก แต่ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์บันทึก ผู้เขียนแนะนำว่าให้ไปลองฟังเสียงของ Sony HT-MT500 ที่ร้านดีกว่าครับ แจ่มกว่าในคลิปเยอะ
Sony HT-MT500 นั้นรองรับสัญญาณเสียงได้ 3 รูปแบบหลักคือ LPCM 2.1 สำหรับเสียงสเตอริโอทั่วไป, Dolby Digital สำหรับเสียง 5.1 ช่องสัญญาณที่ใช้กันทั่วไป และ DTS สำหรับเสียง 5.1 อีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งถ้าถามว่าเสียง 5.1 ของซาวด์บาร์ตัวนี้สามารถแทนชุด Home Theater ลำโพง 6 ตัว (5.1 ช่องสัญญาณ) แท้ๆ ที่มี 2 ลำโพงด้านหลังได้เลยไหม ก็ต้องบอกว่ายังไม่ได้นะครับ คือ Sony HT-MT500 ให้มิติเสียงซ้าย-ขวาได้ดี แต่เสียงจากด้านหลังก็ยังสู้ลำโพงจริงๆ ไม่ได้นั้นแหละ ซึ่งอาจจะหาลำโพงไร้สายที่รองรับระบบของโซนี่มาใช้เป็นลำโพงด้านหลังได้ถ้าต้องการครับ
ส่วนรูปแบบเสียงที่ไม่สนับสนุนใน Sony HT-MT500 คือ LPCM 5.1 ch, LPCM 7.1 ch, Dolby TrueHD, Dolby Digital Plus และ DTS-HD ครับ ซึ่งก็เป็นรูปแบบเสียงที่ได้รับความนิยมน้อยลงมานั้นเอง
Sound Bar ตัวนี้อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีด้านเสียงของโซนี่
ซาวด์บาร์ตัวนี้อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีด้านเสียงของโซนี่ ตั้งแต่ DSEE HX ที่ปรับปรุงคุณภาพเสียงจากไฟล์ที่บีบอัดให้ใกล้เคียงกับไฟล์คุณภาพสูง, S-Force Pro Front Surround ช่วยทำให้เสียงมีมิติขึ้น, ClearAudio+ ที่เลือกรูปแบบเสียงให้เหมาะสมกับการใช้งานอัตโนมัติ (หรือจะเลือกเองก็ได้ มีรูปแบบ กีฬา, ภาพยนตร์, มาตรฐาน, สตูดิโอเกมดิจิตอล และเพลงให้เลือกใช้) นอกจากนี้ยังมีโหมดกลางคืนเพื่อช่วยให้เสียงเบาลงสำหรับใช้ตอนกลางคืน แต่ยังได้ยินรายละเอียดเสียงชัด, โหมด Voice up ที่เร่งเสียงพูดให้ชัดเจนขึ้น
การควบคุม Sony HT-MT500
- ควบคุมทุกอย่างผ่านรีโมทของตัวลำโพง แต่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นหลักๆ ผ่านรีโมททีวีได้ ถ้าต่อผ่าน HDMI ARC
- ถ้าใช้กับทีวี BRAVIA ของ Sony ก็ควบคุมได้มากขึ้นผ่านทีวี
- มีความสามารถ IR Repeater ช่วยแก้ปัญหาลำโพงบังช่องรับสัญญาณรีโมททีวี
เราสามารถควบคุมการทำงานของ Sony HT-MT500 ได้ทั้งหมดจากรีโมทของมันครับ แต่ถ้าเชื่อมต่อตัวซาวด์บาร์กับทีวีผ่านช่อง HDMI ARC จะสามารถควบคุมระดับเสียงผ่านรีโมทของทีวีได้ เมื่อปิดทีวีตัวลำโพงก็จะปิดตาม และถ้าเป็นทีวีโซนี่ด้วยกันเองที่มีระบบ BRAVIA Sync จะสามารถเข้าไปตั้งค่าเกือบทั้งหมดของ Sony HT-MT500 ได้จากทีวีเลย เช่นระดับเสียงเบส รูปแบบของ ClearAudio+ ทำให้แทบไม่ต้องใช้รีโมทของซาวด์บาร์เลยก็ได้
อีกฟังก์ชั่นที่ดีงามที่มีใน Sony HT-MT500 ตัวนี้คือ IR Repeater ครับ คือหลายคนจะมีปัญหาว่า Sound Bar มันไปบังช่องรับสัญญาณรีโมทของโทรทัศน์ ทำให้ต้องกดรีโมทสูงๆ เพื่อหลบ Sound Bar แต่ลำโพงรุ่นนี้จะมีช่องส่งสัญญาณอินฟาเรดอยู่หลังเครื่องด้วย เมื่อเปิดฟังก์ชั่น IR Repeater ตัวลำโพงก็จะรับสัญญาณจากรีโมททีวีให้เรา แล้วเอาไปปล่อยต่อหลังเครื่อง ทำให้ยังควบคุมทีวีได้อย่างไม่มีปัญหา แถมยังใช้กับทีวียี่ห้ออะไรก็ได้ด้วย
เทียบกับรุ่นน้อง Sony HT-MT300
ลำโพงในกลุ่ม Compact Sound Bar นั้นโซนี่ออกมา 2 รุ่นนะครับ คือ HT-MT500 รุ่นท็อปราคา 21,990 บาทที่เรารีวิวกัน และ HT-MT300 รุ่นน้องราคา 9,990 บาท ซึ่งด้วยระดับราคาที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ ก็ทำให้ความสามารถต่างกันเยอะครับ คือ
- HT-MT300 ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน HDMI ARC ต่อได้แต่สายอนาล็อกกับ Optical ทำให้ควบคุมลำโพงผ่านรีโมททีวีไม่ได้ แล้วก็ไม่มีหน้าเมนูให้ตั้งผ่านจอทีวี แถมไม่มีจอสถานะหน้าลำโพงด้วย
- HT-MT300 คุณสมบัติยังไม่ถึงมาตรฐาน Hi-res Audio ส่วน MT500 ได้มาตรฐานนี้ (น่าจะเป็น Sound Bar รุ่นแรกในไทยที่รองรับ Hi-res Audio)
- HT-MT300 ไม่รองรับระบบเสียง DTS รองรับแต่ LPCM และ Dolby Digital
- HT-MT300 ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wifi ทำให้ใช้ Chromecast Audio, Spotify Connect และเปิดเพลงผ่านเซิร์ฟเวอร์ DLNA ไม่ได้
- HT-MT300 ไม่มีฟังก์ชั่นปรับปรุงเสียง DSEE HX, ไม่รองรับ LDAC, ต่อลำโพงไร้สายอื่นๆ ไม่ได้
- HT-MT300 มีกำลังขับ 100W ส่วน HT-MT500 มีกำลังขับ 155 Watt
แต่ความสามารถที่จำเป็นอย่าง Subwoofer ไร้สาย, ฟังเพลงผ่าน Bluetooth (พร้อม NFC) หรือเปิดเพลงจาก USB ก็ยังทำได้อยู่ครับ
สรุป Sony HT-MT500 ซาวด์บาร์ตัวเล็ก แต่ความสามารถไม่เล็ก
เมื่อเทียบถ้าความคุ้มค่าของ Sony HT-MT500 ที่ตั้งราคาไว้ 21,990 บาท กับคุณภาพเสียงและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใส่มา ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะครับ กัดฟันหน่อยแต่ได้ลำโพงอเนกประสงค์ประจำบ้าน ทั้งดูหนัง ฟังเพลง ทำได้ดีหมด แถมยังใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย เอาซับวูฟเฟอร์ไปวางใต้โซฟาก็ได้
แต่ถ้างบน้อยหน่อย และบ้านมีพื้นที่อยู่บ้าง ก็อาจจะดูเป็น Sony HT-CT800 ลำโพงซาวด์บาร์ตัวยาวๆ ที่ความสามารถเยอะเหมือนกัน ราคาอยู่ประมาณ 15,000 บาท ขนหน้าแข้งอาจจะร่วงน้อยลงครับ