Our score
8.4Sennheiser CX 400BT
หูฟังเสียงดีไม่แพ้รุ่นพี่
เรื่องของคุณภาพเสียง ลักษณะเสียงแทบจะถอดแบบมาจากรุ่นพี่ แต่ขายในดีไซน์ใหม่ที่ถูกกว่า เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ใครรักเสียงแบบ Sennheiser ต้องลองฟังหูฟังรุ่นนี้
จุดเด่น
- คุณภาพเสียงดีเทียบชั้นรุ่นพี่คือ MOMENTUM True Wireless 2 เสียงเบสแน่น รายละเอียดดี
- กล่องชาร์จขนาดเล็ก พกพาง่าย
- แอปควบคุมทำงานได้หลากหลาย ตั้งปรับรูปแบบการควบคุมหูฟัง หรือปรับ EQ
- ใช้งานต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมง รวมเคสชาร์จเป็น 20 ชั่วโมง
- เป็นหูแบบ TWS ที่ราคาถูกที่สุดของ Sennheiser
จุดสังเกต
- ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC)
- หูฟังและเคสชาร์จทำจากพลาสติก ตัวเคสอาจเป็นรอยง่าย
- คุยโทรศัพท์ได้ระดับพอใช้ได้ ถ้าเสียงรอบข้างดัง จะสู้ไม่ไหว
- ใช้หูขวาเป็นหูหลัก จึงใช้หูขวาข้างเดียวได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้หูซ้ายข้างเดียวได้
- ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย
-
คุณภาพเสียง
9.0
-
คุณภาพวัสดุ
8.0
-
ความคล่องตัวในการใช้
10.0
-
ความสามารถในการคุยโทรศัพท์
8.0
-
ความคุ้มค่า
7.0
ก่อนหน้านี้เราเคยรีวิว Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2 หูฟังแบบ TWS ไร้สายที่แท้ทรูที่ดีที่สุดของเซนไฮเซอร์กันไปแล้วนะครับ แต่เพราะว่าการแข่งขันที่ดุเดือดมากๆ ในตลาดหูฟังแบบไร้สาย ทำให้หูฟังแบรนด์เยอรมันแบรนด์นี้ส่งรุ่นน้องอย่าง Sennheiser CX 400BT ลงตลาดอีกหนึ่งรุ่นสำหรับคนที่อยากได้หูฟังที่ยังให้คุณภาพเสียงที่ดีในราคาย่อมเยาลงมาครับ และ #beartai จะรีวิวอย่างละเอียดให้อ่านกัน!
สรุปเนื้อหารีวิว อยากอ่านตรงไหนคลิกเลย
ความแตกต่างของ Sennheiser CX 400BT กับ MOMENTUM True Wireless 2
เนื่องจากว่า Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2 นั้นเป็นหูฟังรุ่นพี่ที่มีระดับราคาสูงกว่า จึงมีความสามารถที่มากกว่า Sennheiser CX 400BT ดังนี้ครับ
ความสามารถ | CX 400BT | MOMENTUM True Wireless 2 |
---|---|---|
งานออกแบบ | ใช้พลาสติกเป็นหลัก | พรีเมี่ยม ใช้วัสดุหลากหลาย |
อายุแบตเตอรี่ | 20 ชั่วโมง (รวมเคสชาร์จ) | 28 ชั่วโมง (รวมเคสชาร์จ) |
ระบบ ANC ตัดเสียงรบกวน | ไม่มี | มี |
เปิดเสียงภายนอก (Transparent Hearing) | ไม่มี | มี |
หยุดเล่นเพลงเมื่อถอดหูฟัง | หยุดเล่นเมื่อเก็บหูฟังลงกล่อง | หยุดเล่นทันที |
ระดับป้องกันน้ำ | ไม่ระบุ | IPX4 (กันน้ำกระเซ็น) |
ส่วนเรื่องที่เหมือนกันของหูฟัง 2 รุ่นนี้คือ
- Dynamic Drivers ขนาด 7 mm เท่ากัน
- สามารถใช้แอปเพื่อปรับแต่งรูปแบบเสียง และการสั่งงานได้
- รองรับ Codec เสียง AAC, aptX และ SBC ทั้งคู่
การออกแบบของ Sennheiser CX 400BT
การออกแบบของหูฟังรุ่นนี้นั้นแตกต่างจากรุ่นพี่สิ้นเชิงครับ เพราะในขณะที่ MOMENTUM True Wireless 2 มีดีไซน์เคสชาร์จแบบผ้า เป็นกล่องสี่เหลี่ยมป้าน ๆ แบนๆ แต่เคสชาร์จของ CX 400BT นั้นเป็นกล่องพลาสติกที่มีความสูงกว่าและแคบกว่า โดยรวมแล้วกล่องชาร์จนั้นมีขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่ ทำให้พกพาง่ายกว่าครับ แต่ด้วยความที่เคสชาร์จเป็นพลาสติก ถ้าเราพกพาแบบไม่รักษาดีๆ ก็อาจจะมีรอยขึ้นง่ายหน่อยนะครับ
ส่วนตัวหูฟัง MOMENTUM True Wireless 2 มีแป้นสัมผัสให้ลักษณะเหมือนโลหะพร้อมดีไซน์วงกลม แต่ Sennheiser CX 400BT นั้นใช้พลาสติกเป็นวัสดุหลัก ดีไซน์แป้นสัมผัสเป็นแบบสี่เหลี่ยมขอบมน ซึ่งแม้ว่าดีไซน์แป้นสัมผัสนี้จะต่างกันมาก แต่อีกด้านของหูฟังที่สัมผัสกับใบหูผู้ใช้นั้นเป็นพลาสติกมน ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน ขนาดพอ ๆ กัน ซึ่งให้ความรู้สึกสบายเวลาที่หูฟังเข้าไปอยู่ในหู ใส่ได้นานไม่เจ็บหูมากนักครับ (อันนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะหูของแต่ละบุคคลด้วย เราก็ยังแนะนำให้ไปทดลองใส่ที่หน้าร้านดูก่อนซื้อนะครับ)
สัญญาณไฟที่กล่องชาร์จ
ตัวกล่องชาร์จนั้นจะมีช่อง USB-C สำหรับชาร์จหูฟังครับ และมีปุ่มกดอยู่ข้าง ๆ เพื่อเปิดไฟ LED ดูระดับแบตเตอรี่ ซึ่งไฟ LED นี้สามารถแสดงสถานะได้หลายอย่างคือ
ระหว่างเสียบชาร์จ
- ไฟสีเหลืองกะพริบ คือหูฟังและเคสกำลังชาร์จ
- ไฟสีเขียว คือหูฟังและเคสชาร์จเต็มแล้ว
- ไฟแดงกะพริบ หูฟังหรือเคสมีปัญหาแบตเตอรี่
เมื่อใส่หูฟังในเคสแล้วกดปุ่มแสดงไฟ
- ไฟสีเขียว คือแบตเตอรี่หูฟังเต็ม และกล่องชาร์จมีไฟพอที่จะชาร์จได้อย่างน้อย 1 รอบ
- ไฟเหลืองกะพริบ กำลังชาร์จหูฟังอยู่
- ไฟเหลืองติดค้าง หูฟังไฟเต็ม แต่แบตเคสเหลือน้อย
- ไฟแดงติดค้าง ทั้งหูฟังและเคสแบตหมดแล้ว
- ไฟแดงกะพริบ หูฟังหรือเคสแบตมีปัญหา
สัญญาณไฟที่ตัวหูฟัง
ส่วนที่ตัวหูฟังเองก็มีไฟ LED เพื่อแสดงสถานะต่าง ๆ ของหูฟังแต่ละข้างเหมือนกันครับ
- ไฟสีน้ำเงินติดค้าง ทุกอย่างปกติ หูฟังเชื่อมต่อกันเองและเชื่อมกับอุปกรณ์ได้ปกติ
- ไฟแดงติดค้าง ยังไม่ได้เชื่อมต่อ
- ไฟแดงกะพริบรัว ๆ แบตใกล้หมด
- ไฟแดงกะพริบช้า ๆ หูฟังมีปัญหา
- ไฟแดงสลับน้ำเงิน อยู่ในโหมด Pair กับอุปกรณ์
- ไฟแดงสลับเขียว กำลังเชื่อมต่อระหว่างหูฟัง 2 ข้าง
ถ้าดูดีไซน์ของหูฟังทั้ง 2 ข้างดี ๆ จะเห็นความแตกต่างกันอยู่นะครับ คือที่หูข้างขวานั้นจะมีช่องเจาะรูมากกว่า ซึ่งช่องเหล่านี้คือไมโครโฟนนั่นเอง โดย Sennheiser CX 400BT นั้นใช้หูด้านขวาเป็นหูหลัก จะคุยโทรศัพท์ก็สามารถใช้หูฟังด้านขวาข้างเดียวได้ แต่ไม่สามารถใช้แค่หูฟังข้างซ้ายอย่างเดียวเพื่อฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ได้นะครับ
การควบคุมหูฟัง
การควบคุม Sennheiser CX 400BT นั้นทำผ่านการสัมผัสที่ตัวแป้นสัมผัสทั้งที่หูฟังด้านซ้ายและด้านขวา โดยการแตะเพื่อควบคุมนั้นจำได้ไม่ยาก และเมื่อแตะก็จะมีเสียงสัญญาณบอกให้รู้ว่ามีการแตะสั่งงานเรียบร้อยแล้วด้วย
หูฟังข้างซ้าย | การแตะ | หูฟังข้างขวา |
---|---|---|
เล่นเพลง/หยุดเพลง/รับสาย/จบสาย | แตะ 1 ครั้ง | เรียกผู้ช่วย/รับสาย/จบสาย |
เล่นเพลงก่อนหน้า/ตัดสาย | แตะ 2 ครั้ง | เปลี่ยนเพลงถัดไป/ตัดสาย |
ลดเสียง | แตะค้าง | เร่งเสียง |
ซึ่งเราสามารถเข้าไปปรับแต่งการควบคุมทั้งหมดนี้ได้ผ่านแอป Smart Control ของ Sennheiser นะครับ ซึ่งในแอปยังสามารถปรับแต่ง EQ เสียงให้ตรงกับความต้องการ รวมถึงอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้หูฟังได้ด้วย เพียงแต่ว่าการอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ Sennheiser นั้นจะใช้เวลาอัปนานมากเกือบชั่วโมงครับ ใครรีบ ๆ ใช้หูฟังอยู่ ก็อย่าเพิ่งไปกดอัปนะครับ
คุณภาพเสียงของ Sennheiser CX 400BT
เสียงของ Sennheiser CX 400BT นั้นมาในแนวเดียวกับรุ่นพี่อย่าง MOMENTUM True Wireless 2 เลย ฟังสลับไปสลับมาก็ไม่รู้สึกว่าแตกต่างกัน ด้วยสเปกด้านเสียงที่เหมือนกันคือ รองรับความถี่เสียง 5 – 21,000 Hz ผ่าน Dynamic Driver ขนาด 7 mm และเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.1 พร้อมรองรับ Codec เสียง SBC, AAC, aptX ซึ่งแนวเสียงของหูฟังรุ่นนี้เป็นดังนี้ครับ
- เสียงเบส ชัดเจน หนักแน่น กระชับมาเป็นลูกๆ แล้วจบ ถือเป็นหูฟังที่ให้เบสได้เยอะรุ่นหนึ่ง
- เสียงกลาง แยกรายละเอียดดนตรีได้ชัดเจน ไม่มีย่านเบสเข้ามากวน
- เสียงสูง ให้เสียงได้สดใสดี แต่ยังมีช่วงปลายเสียงที่หุบ ไม่สดใสจนเกินไป
- Soundstage กว้างขวาง ฟังแล้วไม่อึดอัด เห็นตำแหน่งเครื่องดนตรีชัดเจน
การที่ CX 400BT ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ ANC (Active Noise Cancellation) เหมือนรุ่นพี่ก็ทำให้เสียงภายนอกลอดเข้ามาได้พอสมควรครับ ถ้าไม่ได้เปิดเพลงก็จะได้ยินเสียงจากภายนอกชัดเจนครับ แต่เวลาฟังเพลง ด้วยดีไซน์หูฟังแบบ In-ear มันก็สามารถลดเสียงรบกวนภายนอกภายนอกได้ระดับหนึ่ง (Passive Noise Cancellation) อยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหามาก ยกเว้นว่าคุณจะเป็นนักฟังเพลงสายที่ต้องการความสงัดมากขึ้น ก็ต้องพิจารณาเป็นตัวพี่แทนครับ นอกจากนี้การที่มันไม่มีโหมดดึงเสียงภายนอกเข้ามาระหว่างใช้งาน ก็ทำให้เราแนะนำว่าระหว่างการเดินถนน ไม่ควรใส่หูฟังรุ่นนี้ฟังเพลงระหว่างเดินทางนะครับ อาจจะทำให้เกิดอันตรายจากการไม่ได้ยินสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้
ส่วนเรื่องความแล็ก (Lag) ของเสียงนั้นก็มีในระดับหนึ่งครับ ไม่ได้แลคมาก แต่ก็สังเกตเห็นได้ไม่ยากสำหรับคอเกม ส่วนการเอาไปดูหนัง ดู Netflix พวกนี้ไม่มีแล็กครับ เสียงตรงปากตลอด
การคุยโทรศัพท์
Sennheiser CX 400BT ไม่เก่งเรื่องการคุยโทรศัพท์เท่าไหร่ครับ เพราะระบบไมค์ยังไม่สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีนัก เมื่อใช้งานจริงจะสามารถคุยโทรศัพท์ในพื้นที่เงียบ ๆ มีเสียงพื้นหลังไม่มากนักได้ แต่ถ้าเอาไปคุยข้างถนน อันนี้อาจจะไม่รอด ปลายสายอาจจะฟังไม่รู้เรื่อง
นอกจากนี้ CX 400BT นั้นยังไม่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกัน 2 ตัวหรือ Multipoint ทำให้ต้องเชื่อมอุปกรณ์ทีละตัวเพื่อคุยโทรศัพท์เท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมมือถือไปพร้อม ๆ กัน 2 เครื่อง หรือเชื่อมต่อไปพร้อม ๆ กับคอมเพื่อฟังเพลงจากมือถือ แล้วรับสายเรียกเข้าจากคอมพิวเตอร์ได้ครับ
ส่วนการใช้งาน เราจะใช้หูฟังข้างขวาเพื่อคุยโทรศัพท์เป็นหลักนะครับ ไม่สามารถใช้หูฟังข้างซ้ายเพื่อคุยได้ และถึงใส่หูฟัง 2 ข้างพร้อมกันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไมโครโฟนอยู่ที่ด้านขวาข้างเดียวครับ
อายุแบตเตอรี่
Sennheiser CX 400BT นั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 7 ชั่วโมง และสามารถเอาไปชาร์จในเคสได้อีก 2 ครั้ง รวมแล้วฟังเพลงได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง โดยถ้าแบตหมดทุกอย่างจะใช้เวลาชาร์จหูฟังและเคสผ่าน USB-C เต็มในชั่วโมงครึ่งครับ ซึ่งเราก็ใช้หูฟังตัวนี้อยู่เรื่อย ๆ หลายเดือน ก็ยังไม่เคยใช้ฟังเพลงจนแบตหมดคาหูนะครับ แต่น่าเสียดายนิดหนึ่งที่ตัวเคสชาร์จนั้นไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สายครับ
สรุปแล้ว Sennheiser CX 400BT คุ้มไหม
หูฟังรุ่นนี้ตั้งราคาเปิดตัวไว้ที่ 6,990 บาท ก็ถือเป็นราคาเปิดตัวที่ต่ำกว่า Sennheiser MOMENTUM True Wireless 2 ที่เปิดตัวที่ 11,990 บาทพอสมควรครับ ซึ่ง CX 400BT นี้ก็ให้เสียงแบบเดียวกับรุ่นพี่ในราคาที่ถูกกว่า
แต่ถ้าถามความคุ้มค่า อันนี้ต้องคอยเทียบกับราคาของรุ่นพี่เรื่อยๆ ครับ อย่างปัจจุบันที่เราเขียนรีวิวนี้ ก็สามารถหา MOMENTUM True Wireless 2 ได้ในราคาราว ๆ 8,000 บาทนะ ซึ่งเราว่า CX 400BT ก็ต้องลดราคาลงมาอีกหน่อย คือเราอยากได้ช่วงราคาที่แตกต่างกันระหว่างสองรุ่นนี้สัก 1,500 บาทขึ้นไปถึงจะเรียกว่าคุ้ม เพราะถ้าต่างกันไม่ถึงพัน เราก็แนะนำให้ซื้อรุ่นพี่ไปเลยดีกว่า เพราะได้ระบบตัดเสียงรบกวน และคุณภาพวัสดุดีกว่าด้วยครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส