Our score
8.3iflix
จุดเด่น
- ชมภาพยนตร์-ซีรีส์คุณภาพระดับ HD
- มีซีรีส์ฝั่งอเมริกาให้ดูเยอะมาก ทั้งจำนวนเรื่องและจำนวนซีซัน
- สามารถดาวน์โหลดเนื้อหามาชม Offline ได้
- รองรับการชมทั้งบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ตและทีวี
- ค่าบริการแค่ 100 บาทต่อเดือน หรือ 1000 บาทต่อปี ถือว่าถูกมาก
จุดสังเกต
- ไม่มีหนังใหม่ชนิดเพิ่งออกจากโรงภาพยนตร์ให้บริการ
- ยังไม่รองรับ Apple TV อย่างสมบูรณ์
- เนื้อหาต่างประเทศยังไม่มีพากย์ไทย ตอนนี้เน้นที่ซับไตเติ้ลไทยและอังกฤษ
-
คุณภาพภาพและเสียง
8.0
-
ความสะดวกในการใช้
7.5
-
จำนวนภาพยนตร์
7.0
-
จำนวนซีรีส์
9.0
-
ความคุ้มค่า
10.0
ตอนนี้บริการชมภาพยนตร์แบบ Streaming กำลังเริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในไทยนะครับ เพราะการแข่งขันด้านเครือข่ายทำให้เรามีอินเทอร์เน็ต 3G/4G ที่เร็วและครอบคลุมกว่าเดิม รวมถึงอินเทอร์เน็ตบ้านที่ขยับความเร็วสูงขึ้นจนรองรับบริการสตรีมภาพยนตร์ความละเอียดสูงได้สบาย ทำให้อยู่ดีๆ ผู้บริโภคในไทยก็มีบริการชมภาพยนตร์มากขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งบริการที่เราจะรีวิวในวันนี้คือน้องใหม่ไฟแรงอย่าง iflix ครับ
iflix นั้นเพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อราวๆ เดือนกันยายนที่ผ่านมานี่เองครับ โดยเป็นการร่วมมือระหว่างกลุ่มนักลงทุนระดับภูมิภาค Catcha Group (บริษัทแม่ของ Ensogo ด้วย) และ บริษัทลงทุนในฮอลลีวูด เอเวอร์ลูชั่น มีเดีย แคปิตอล (Evolution Media Capital) การให้บริการของ iflix นั้นเน้นกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเปิดให้บริการในไทย iflix นั้นเปิดในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์มาก่อนแล้ว
ใน iflix มีอะไรให้ชมบ้าง
iflix นั้นได้สิทธิเผยแพร่จากค่ายหนังและสถานีโทรทัศน์สำคัญๆ มากมาย อาทิ Fox, Paramount, Disney, Warner Bros, MGM, BBC, Starz, Redbull TV, KBS, SBS, Thai PBS (เราจึงมีรายการอย่างหนังพาไป หรือวัฒนธรรมชุบแป้งทอดให้ดูไงครับ) และพระนครฟิล์ม ซึ่งสิ่งที่ iflix โดดเด่นมากคือซีรีส์ฝรั่ง ที่น่าจะมีให้บริการมากที่สุดในไทยแล้ว ยกตัวอย่างเรื่องเด่นๆ ก็เช่น
- Glee
- Once upon a time
- Arrow
- The Flash
- Gotham
- How I met your mother
- Big bang theory
- Lost
- Friends
- Person of interest
- Marvel’s Agent of S.H.I.E.L.D.
- Modern family
- New girl
- Dexter
- Mr.Robot (มีฉายที่ iflix บริการเดียว)
- และอื่นๆ อีกมากมายที่ลองเข้าไปดูในตัวบริการได้นะครับ แต่ใครที่อยากดู Walking Dead หรือ Game of Thrones อาจจะยากหน่อยเพราะเจ้าของลิขสิทธิ์หวงมาก
นอกจากนี้ยังมีการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง Attack on Titan, Terror in Resonance หรือ psycho-pass และเนื้อหาสำหรับเด็กอย่าง Ben 10, Mr.Bean, Dora, Sponge bob หรือ The Muppet ที่จัดโซนแบ่งพื้นที่สำหรับเด็กโดยเฉพาะ แยกส่วนจากภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ชัดเจนให้ชมได้อีก ซึ่งผู้ปกครองสามารถตั้ง Parental Control เพื่อควบคุมเนื้อหาที่เด็กๆ จะเลือกชมได้ด้วย
iflix จะให้บริการภาพยนตร์และซีรีส์ต่างประเทศด้วยซับไตเติ้ลไทยและอังกฤษเป็นหลัก
ในส่วนของภาพยนตร์ ต้องบอกเลยว่าหนังใน iflix นั้นไม่ใช่หนังใหม่ แต่จะเป็นหนังที่ลาโรงไปแล้ว 2-3 ปีขึ้นไปจึงจะมีให้บริการใน iflix ก็ตามกำหนดเวลาของสตูดิโอ ซึ่งกรอบเวลาคร่าวๆ จะเป็นดังนี้
- ช่วงเวลา 3 เดือนแรก ถือว่าหนังยังอยู่ในโรงภาพยนตร์
- หลังจาก 3 เดือนที่ภาพยนตร์ออกฉาย DVD, Blu-ray จึงจะเริ่มออก รวมถึงการซื้อผ่านอิเล็กทรอนิกส์เช่นซื้อหนังผ่าน iTunes ด้วย
- หลังจาก 1 ปี ภาพยนตร์ถึงจะเริ่มฉายในช่องเคเบิลแบบเสียเงิน
- หลังจาก 2 ปี ภาพยนตร์ถึงจะเริ่มให้บริการในบริการดูหนังแบบบุฟเฟ่ต์ (หรือบริการสตรีมมิ่ง)
- หลังจาก 3 ปี จึงจะเริ่มมีโอกาสฉายใน Free TV
สำหรับใครที่ต้องการหนังใหม่ระดับพร้อมแผ่นหนังออก คงต้องบอกว่า iflix อาจจะไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าต้องการคลังหนังฮอลลีวูด ค้นหาหนังเก่าที่อยากดู iflix ก็มีไม่น้อยหน้าใครเลย หนังอย่าง Star Trek ก็มีให้ดูเกือบทุกภาค หนังของ Marvel อย่าง Iron Man, Captain America ก็มีให้ดู
iflix มีซีรีส์อเมริกาเยอะมากจนดูกันไม่ทัน แต่ไม่ใช่คำตอบสำหรับคอหนังใหม่ชนิดเพิ่งออกจากโรง
ซึ่งเราคงไล่ได้ไม่หมดว่าใน iflix มีอะไรให้ดูบ้าง ก็แนะนำให้ลองสมัคร iflix แล้วดูหนังจริงๆ ไปเลย ซึ่งเดือนแรกจะให้ใช้บริการฟรีๆ ไม่เก็บเงิน ถ้าลองแล้วไม่ถูกใจก็แค่ไม่จ่ายเงินในเดือนที่ 2 เท่านั้นเอง
จะชม iflix ได้อย่างไรบ้าง
จุดเด่นอย่างหนึ่งของ iflix คือสามารถรับชมได้หลากหลายช่องทาง โดยสามารถล็อกอินอุปกรณ์ทิ้งไว้ได้ 5 ตัว จะเป็นคอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต ก็ได้ทั้งนั้น และสามารถชมพร้อมกันได้ 2 อุปกรณ์ด้วย
ชม iflix ผ่านคอมพิวเตอร์
ช่องทางนี้ง่ายที่สุดเพียงแค่เข้าไปที่ iflix.com ผ่านเบราว์เซอร์อะไรก็ได้ กระทั่ง IE 11 ก็ยังรองรับ ซึ่งเบราว์เซอร์อย่าง Chrome นั้นสามารถรับชมได้ทันที แต่เบราว์เซอร์อย่าง Safari ของแมคก็ต้องลง Silverlight ก่อนถึงจะชมได้
โดยตัวเล่นวิดีโอของ iflix บนคอมพิวเตอร์นั้นก็สมบูรณ์ที่สุดเช่นกัน เพราะสามารถเลือกได้ทั้งภาษาของซับไตเติ้ล รวมถึงเลือกตอนที่จะชมได้จากเมนูของตัวเล่นวิดีโอเลย แต่ไม่สามารถปรับคุณภาพภาพด้วยตัวเองได้ ระบบจะปรับคุณภาพวิดีโอให้ดีที่สุดเท่าที่อินเทอร์เน็ตของเราจะเอื้ออำนวย
ชม iflix ผ่านอุปกรณ์พกพา
iflix นั้นสามารถชมทั้งจากอุปกรณ์ iOS และ Android ผ่านแอปพลิเคชั่นที่ออกแบบในลักษณะเดียวกับ iflix บนเว็บ ทำให้ผู้ใช้ไม่สับสนเมื่อต้องสลับการใช้งานระหว่างเว็บกับแอป โดยในฝั่ง iOS นั้นจะต้องเป็น iOS 7 และ iPhone 5 ขึ้นไป ส่วนในฝั่ง Android ก็ต้องเป็น 4.3 ขึ้นไปเช่นกัน (Windows Phone ไม่มีแอปนะจ๊ะ) ที่สำคัญคือทั้ง iOS และ Android ห้าม Jailbreak และห้าม Root ไม่งั้นจะเล่นไม่ได้
แอปพลิเคชั่น iflix สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์และซีรีส์มาชมแบบ Offline ได้
จุดเด่นของการชม iflix ผ่านอุปกรณ์พกพาคือสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์และซีรีส์ไว้ในเครื่องเพื่อชมแบบ Offline ได้ โดยสามารถเลือกความละเอียดในการบันทึกได้ 3 ระดับ เหมาะมากสำหรับการเก็บหนังไว้ดูระหว่างเดินทางที่ไม่มี Wifi หรือตอนไปเที่ยวจะได้ชมได้ไม่ขาดตอน แต่การดาวน์โหลดหนังเก็บไว้ชมภายหลังก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง คือ
- โหลดแล้วต้องชมภายใน 7 วัน
- เมื่อเริ่มดูแล้วต้องดูให้จบภายใน 2 วัน
- เนื้อหาบางส่วนไม่สามารถดาวน์โหลดเก็บไว้ดูออฟไลน์ได้เพราะเรื่องลิขสิทธิ์
- สำหรับ Android ไม่สามารถบันทึกหนังลง SD Card ได้ ต้องบันทึกลงหน่วยความจำของเครื่องอย่างเดียว เนื่องจากความกังวลด้านลิขสิทธิ์
การรับชมผ่านโทรทัศน์
แน่นอนว่าการชมภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่สบายที่สุด ก็ต้องเป็นการชมผ่านโทรทัศน์แล้วนั่งเอกเขนกสบายๆ อยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่ง iflix ก็รองรับการสตรีมหนังไปออกจอโทรทัศน์ 2 รูปแบบคือ
- ใช้แอปพลิเคชั่น iflix จะเป็น iOS หรือ Android ส่งภาพไร้สายไปออกจอทีวีผ่าน Chromecast
- หรือใช้วิธีดั้งเดิม ต่อสาย HDMI จากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนไปออกจอทีวี
สำหรับคุณภาพการสตรีมไร้สายผ่าน chromecast ต้องถือว่าให้ภาพดีกว่าการเปิดหนังจาก DVD อย่างเห็นได้ชัด เพราะ iflix สตรีมหนังมาแบบ HD และข้อดีของ chromecast คือใช้สมาร์ทโฟนเป็นแค่ตัวสั่งงาน หลังจากสั่งให้หนังไปเปิดบนจอทีวีเรียบร้อยแล้ว เราจะใช้สมาร์ทโฟนทำอะไรต่อก็ไม่มีผลทำให้หนังหยุดหรือสะดุด พูดง่ายๆ หลังจากสั่งเปิดหนังแล้ว ถึงจะปิดมือถือไปเลย หนังก็ยังเล่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบ
สำหรับคนที่ใช้ Apple TV ต้องแสดงความเสียใจด้วยเพราะตอนนี้ iflix ยังไม่รองรับระบบ Airplay ของแอปเปิ้ล ซึ่งคงต้องรออีกระยะหนึ่งน่าจะมีออกมาให้ใช้กัน รวมถึงตัวแอปสำหรับ Apple TV Gen 4 ด้วย แต่ถ้าอยากสตรีมไปดูบนทีวีผ่าน Apple TV ตอนนี้ก็มีวิธีแก้ขัดคือเปิดหนังใน iPhone, iPad หรือเครื่องแมค แล้วใช้ Airplay Mirror ลอกทั้งจอไปแสดงบนจอทีวีก็ให้คุณภาพที่ดีได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าระหว่างที่ชมภาพยนตร์เราจะไม่สามารถใช้อุปกรณ์ของเราได้เลย ต้องเปิดไปเรื่อยๆ จนหนังจบ และความไหลลื่นของภาพจะสู้ Airplay จริงๆ หรือ chromecast ไม่ได้ เวลาที่มีฉากเคลื่อนไหวเยอะๆ จะรู้สึกว่าภาพสั่น
iflix โดดเด่นที่ราคาและเนื้อหาที่มีมากมาย
ต้องยอมรับว่าจุดเด่นที่สุดของ iflix คือค่าบริการที่คิดแค่เดือนละ 100 บาท หรือจะจ่ายเหมารายปี 12 เดือนก็คิดแค่ 1,000 บาทเท่านั้น โดยสามารถซื้อแพ็กเกจได้หลายช่องทางทั้งจ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือผ่าน Online banking รวมถึงซื้อรหัสใช้งานจากร้านอย่าง Family Mart ด้วย ซึ่งค่าบริการนี้เป็น Flat rate คือจ่ายราคาเดียวก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาทั้งหมดที่มีใน iflix ได้ ไม่มีการคิดแยกระหว่างค่าชมภาพยนตร์กับซีรีส์เหมือนบางบริการ
และสำหรับใครที่ยังไม่เคยใช้ ก็สามารถทดลองใช้ iflix ได้ฟรี 1 เดือน ก็สามารถชมหนังทั้งหมดที่มีให้บริการได้เช่นกันครับ