เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2003 มีข่าวดังที่เป็นไวรัลไปทั่วโลก เพราะมีการโจรกรรมเครื่องบินที่จอดอยู่ในสนามบินแห่งหนึ่ง ในประเทศแองโกลา ที่ตั้งอยู่ในอาฟริกากลาง วันนั้น เครื่องโบอิ้ง 727 ขนาด 223 ที่นั่ง ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ ที่จอดทิ้งไว้นาน 14 เดือนโดยไม่มีการใช้งาน แถมสายการบินก็เจตนาหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าเช่าด้วย ได้ถูกโจรกรรมโดยคนแค่สองคน จากสนามบิน Quatro de Fevereiro ขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปกับสายลม ยังตามไม่พบจนถึงทุกวันนี้
มันเป็นวันสบายๆ ช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลาลับฟ้า ผู้ชายสองคนนามว่า เบน ซี พาดิล่า และจอห์น เอ็ม มูทันทู ได้ลักลอบเข้ามาในสนามบินและขึ้นเครื่องไปอย่างหวังร้าย โดยนายเบนเอง เคยเป็นกัปตันขับเครื่องบินในสหรัฐอเมริกามาก่อน และยังเป็นวิศวกรการบิน ที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของอากาศยานเป็นอย่างดี ส่วนนายจอห์น เป็นช่างเครื่องชาวคองโก้ ทั้งคู่ไม่เคยขับเครื่องบินโบอิ้ง 727 มาก่อน อยากให้เข้าใจกันนิดนึง เครื่องบินไม่ใช่รถนะ ไม่ใช่ว่าเคยขับเครื่องรุ่นนั้น จะสามารถขับอีกรุ่นหนึ่งได้ง่ายๆ ทุกอย่างต้องได้รับการฝึกฝนจนชำนาญ ถ้าเคยเห็นแผงคอนโทรลจะเข้าใจ ว่ามันมีปุ่มอะไรเยอะแยะไปหมด
ทั้งคู่ได้ขึ้นเครื่อง โดยเจตนาไม่ติดต่อกับศูนย์ควบคุมการบิน และเสี่ยงขับเครื่องบินออกมาเลยโดยไม่สนว่าจะชนใครไหม สนามบินแตกตื่นกันเป็นที่สุด ที่อยู่ดีๆมีเครื่องบินขนาดใหญ่พุ่งฝ่ารถเจ้าหน้าที่บนรันเวย์ ไปแบบดับไฟ บินขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ข้ามมหาสมุทรแอทแลนติค โดยปิดเครื่องติดตาม หลายคนเล่าว่าใกล้เคียงกับหนังแหกคุกดัง Con Air ไม่มีผิดเพี้ยน เคราะห์ร้ายของสายการบินที่เพิ่งเติมน้ำมันไปถึง 53,000 ลิตร มูลค่าเฉียดล้านบาท เลยทำให้เครื่องบินลำนี้สามารถบินได้ไกลถึง 2500 กิโลเมตรแบบสบายๆ
เหลือจะเชื่อตรงที่จนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครเคยพบเครื่องบินลำนั้นอีกเลย นี่สินะ Con Air ในชีวิตจริงของแทร่