ต้อนรับหนังภาคใหม่ของธอร์ อย่าง ‘Thor: Love and Thunder’ ด้วยตำนานของเทพเจ้าสายฟ้า ที่บอกเลยว่าไม่ได้มีแค่ 1 แต่มีถึง 2 คนและจาก 2 ปกรณัมด้วยกัน
เริ่มต้นกันที่ ‘ธอร์ (Thor)’ เทพเจ้าสายฟ้าที่มาพร้อมประโยคติดปากอย่าง “ข้าคือธอร์, ลูกชายของโอดิน” ซึ่งธอร์ในจักรวาล MCU ได้มีการหยิบยกตำนานเทพของชาวนอร์สมาตีความใหม่ แต่เทพเจ้าธอร์ในตำนานจริงนั้นถือได้ว่าแตกต่างจากที่เราได้เห็นในหนังมากเลยทีเดียว
ธอร์ที่อยู่ในตำนานของชาวนอร์สจะเป็นชายวัยกลางคนที่มีผมและหนวดเคราสีแดง เป็นบุตรของ โอดิน (Odin) เทพเจ้าสูงสุดของเหล่าทวยเทพ กับ ยอร์ด (Jord) เทพีแห่งแผ่นดิน
ธอร์มีหน้าที่หลักคือการเป็นผู้พิทักษ์แห่งแอสการ์ด และมิดการ์ด หรือที่อยู่อาศัยของมนุษย์ โดยใช้อาวุธแสนทรงพลังอย่างค้อนโยลเนียร์ และเมกกิ้งจาร์ด เข็มขัดวิเศษที่จะทำให้ผู้สวมใส่มีพลังเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในการต่อสู้กับศัตรู และมีพาหนะเป็นแพะ 2 ตัวชื่อ ทันโยสเตอร์ (Tanngnjostr) และ ทันกริสนีย์ (Tanngrisnir) ที่ถึงแม้ว่าพวกมันจะถูกฆ่าเพื่อเอาเนื้อมาทำอาหาร แต่ในเมื่อกระดูกของพวกมันยังไม่ถูกทำลาย พวกมันก็จะสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ได้ภายในชั่วข้ามคืน
ในตำนานยังได้กล่าวไว้อีกว่า เทพแต่ละองค์ก็จะมีศัตรูเป็นของตัวเอง และศัตรูของธอร์ก็คือยักษ์ที่ปรากฎตัวอยู่ในรูปของงูยักษ์ ยอร์มุนการ์ด (Jormungandr) แค่นั้นยังไม่พอ เพราะมันยังสามารถขยายขนาดตัวได้เรื่อย ๆ จนสามารถพันรอบโลกได้เลยทีเดียว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ธอร์มุ่งมั่นในการกำจัดงูยักษ์อย่างมาก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะธอร์จะต้องปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่ม แล้วขอให้ยักษ์ที่มีชื่อว่า ฮีเมียร์ (Hymir) พาออกไปจับปลาในทะเล เมื่อออกมาไกลจากชายฝั่งมากจนธอร์พอใจ เขาก็ได้เผยตัวจริงออกมาแล้วหลอกล่องูยักษ์ด้วยการเอาตะขอยักษ์เกี่ยวกับหัววัวแล้วโยนลงไปในทะเล พองูยักษ์ขึ้นมางับเหยื่อ ธอร์ก็ดึงตะขอขึ้นมาจนหัวของงูยักษ์โผล่พ้นน้ำ ในขณะที่ธอร์กำลังจะคว้าค้อนขึ้นมาเพื่อจัดการกับงูยักษ์ ฮีเมียร์ก็ได้ตัดสายเบ็ดทิ้ง ทำให้งูยักษ์หนีกลับลงน้ำไปได้ และนั่นก็ทำให้ธอร์โกรธเป็นอย่างมาก แถมหลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่เทพเจ้าสายฟ้าได้ต่อกรกับงูยักษ์อีกแต่ทว่าก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิดอยู่หลายครั้ง
จนกระทั่งเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงศึกใหญ่อย่างแร็กนาร็อก (Ragnarok) งูยักษ์ได้ขึ้นมาจากทะเลและพ่นพิษของมันไปทั่วทั้งฟ้าและมหาสมุทร ธอร์ได้เข้าไปต่อสู้กับมันและสามารถสังหารมันได้ในที่สุด ก่อนที่ธอร์จะล้มลงและตายไปเพราะพิษของงูตัวนั้นนั่นเอง
ในเรื่องของความรัก ธอร์มีภรรยา 2 คน คนแรกคือยักษ์ชื่อ จาร์นซักซา (Jarnsaxa) มีลูกชายฝาแฝดชื่อ แมกนี (Magni) และ โมดี (Modi) ส่วนภรรยาคนที่ 2 คือเทพที่มีชื่อว่า ซิฟ (Sif) มีลูกชายชื่อ ลอร์ไรด์ (Lorride) และลูกสาวชื่อ ธุดร์ (Thrud)
มาต่อกันที่อีกหนึ่งเทพเจ้าสายฟ้าจากตำนานกรีกที่เพิ่งจะเข้ามามีบทบาทในเรื่อง ‘Thor: Love and Thunder’ อย่าง เทพเจ้า ‘ซูส (Zeus)’ เทพผู้ปกครองเขาโอลิมปัส ที่มีสายฟ้าเป็นอาวุธประจำกาย
ซูสเป็นบุตรชายคนสุดท้องของ ไททันโครนอส (Cronus) และ ไททันรีอา (Rhea) ในหลาย ๆ ตำนานได้กล่าวไว้ว่า ซูสแต่งงานกับ เฮลา (Hera) แต่ก็มีอีกทฤษฎีที่กล่าวว่า ความจริงแล้วซูสได้แต่งงานกับ เทพีไดโอเน (Dione) แถมในมหากาพย์อีเลียต (Illiad) ยังระบุไว้ว่าเทพซูสและเทพีไดโอเนได้ให้กำเนิด เทพีอาโฟรไดต์ (Aphrodite) อีกด้วย
แถมเรื่องชู้สาวของซูสนั้นก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะนอกจากเฮลา และเทพีไดโอเนแล้ว ยังมีตำนานที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของซูสกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อ กานีเมดี้ (Ganymede) และคนรักของซูสอีกหลาย ๆ คน ทำให้ซูสมีทายาทที่เกิดจากตัวเขาและเหล่าคนรักทั้งหลาย
ส่วนเรื่องราวในวัยเยาว์ของซูสนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมก็คือ ไททันโครนัสกลัวว่าเมื่อลูก ๆ ของเขาโตขึ้น พวกเขาจะพากันมาแย่งชิงตำแหน่ง ทำให้เขาจับลูก ๆ ของเขากิน แต่เพราะรีอาต้องการที่จะช่วยลูกในท้องเอาไว้ เธอจึงแอบหนีออกมาให้กำเนิดซูสอย่างลับ ๆ และได้ฝากซูสเอาไว้ในความดูแลของ ไกอา (Gaia) เพื่อให้เธอช่วยซ่อนซูสเอาไว้ในถ้ำ แล้วกลับไปหาโครนัสด้วยผ้าที่ห่อหินเอาไว้แล้วหลอกว่านี่คือลูกของเธอ
หลังจากที่ซูสโตขึ้น เขาก็ได้กลับมาโค่นล้มโครนัสพ่อของตัวเองเพื่อขึ้นครองบัลลังก์ และใช้อำนาจในการแต่งตั้งเทพให้ช่วยปกครองภพต่าง ๆ ได้แก่ ให้ โพไซดอน (Poseidon) ปกครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และแม่น้ำทั้งหมด ให้ เฮดีส (Hades) ปกครองทาร์ทารัส (Tartarus) และแดนบาดาลที่แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง ส่วนซูสจะปกครองทั้งสวรรค์ และพิภพ รวมไปถึงการยื่นมือเข้าไปช่วยเทพทั้ง 2 ได้บ้าง ทำให้เกิดความสงบตั้งแต่สวรรค์ยันพิภพเทพ
จบไปแล้วกับตำนานของเทพเจ้าสายฟ้าจากทั้งสองปกรณัมที่เราได้สรุปมาให้ทุกคนได้อ่าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่อไปเราก็ไม่รู้ว่าทางมาร์เวล จะหยิบยกตำนานส่วนใดมาตีความใหม่บ้าง คงติดตามกันต่อใน ‘Thor: Love and Thunder’
ที่มา: thaigoodview , mythopedia , victorytale , worldhistory , metalbridges
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส