หลังจากเกิดเหตุที่ อเล็ก บอลด์วิน (Alec Baldwin) นักแสดงรุ่นใหญ่วัย 63 ปี ทำปืนประกอบฉากลั่นที่ฟาร์มปศุสัตว์ Bonanza Creek Ranch เขตพื้นที่ซานตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์แนวคาวบอยตะวันตกเรื่อง ‘Rust’ เหตุการณ์นั้นส่งผลให้ ทำให้ผู้กำกับภาพ ฮาลินา ฮัตชินส์ (Halyna Hutchins) ถูกยิงกระสุนทะลุหน้าอกเสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาล และ โจเอล โซซา (Joel Souza) ผู้กำกับภาพยนตร์ได้รับบาดเจ็บจากการโดนลูกหลง
จนถึงตอนนี้ นับเป็นเวลากว่า 10 เดือนแล้ว ในขณะนี้ กองถ่ายยังคงอยู่ในระหว่างพักการถ่ายทำไม่มีกำหนด ส่วนความคืบหน้าคดี ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยนายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเขตพื้นที่ซานตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวของบอลด์วินเอง ฮันนาห์ กูเตียร์เรซ รีดด์ (Hannah Gutierrez Reed) เจ้าหน้าที่จัดการอุปกรณ์ประกอบฉาก ผู้รับผิดชอบอุปกรณ์อาวุธปืนในกองถ่าย และ เดฟ ฮอลล์ (Dave Halls) ผู้ช่วยผู้กำกับ ผู้ส่งปืนให้บอลด์วิน และบอกกล่าวแก่บอลด์วินว่า “ปืนไม่มีกระสุน” (“Cold Gun”) ในวันเกิดเหตุ
แม้ว่าตัวของบอลด์วินเองจะออกมากล่าวแถลงถึงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมช็อกวงการฮอลลีวูดครั้งนี้จะส่งผลกระทบอันหนักหน่วงไปที่ตัวของบอลด์วินเองอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุด หลังจากที่เขาไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมานานหลังจากเกิดเหตุ เขาก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CNN โดยเขาเผยว่า ในขั้นตอนทางคดีตอนนี้ อยู่ในระหว่างรอแถลงการณ์สอบสวนของเจ้าหน้าที่อัยการ
นอกจากนี้เขายังเผยชีวิตส่วนตัวด้วยว่า ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมา เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก แม้ตัวเขาเองจะทำใจได้บ้างแล้ว และเริ่มเดินหน้าด้วยการกลับไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ต่อไป แต่ซ้ำร้าย จากเหตุการณ์ช็อกนี้ ทำให้เขาเองโดนปลดจากโปรเจกต์ภาพยนตร์ไปแล้วถึง 5 เรื่อง เขาได้เปิดเผยว่า :-

“เมื่อวานนี้ผมเพิ่งถูกไล่ออกจากโปรเจกต์หนังเรื่องหนึ่ง ผมกำลังเตรียมตัวแสดงฉากกระโดดจากเครื่องบิน…จนกระทั่งเมื่อวาน พวกเขาก็โทรมาหาผม แล้วก็บอกว่า พวกเขาไม่ต้องการจะถ่ายหนังกับผมอีกแล้ว เพราะเหตุการณ์นี้แหละ”
อีกประเด็นที่เขาได้เปิดเผยกับ CNN นั่นก็คือประเด็นที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวหาบอลด์วินผ่านรายการพอดแคสต์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ และยังกล่าวหาว่า บอลด์วินตั้งใจโหลดกระสุนจริงเตรียมเอาไว้ เพราะมีเจตนาจะก่อเหตุสังหารโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งการกล่าวหานี้ทำให้เขารู้สึกกลัว และกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง

“ข้อกล่าวหาพวกนี้พรากชีวิตผมไปเยอะมาก ๆ มีคนจำนวนมากที่โจมตีผมโดยที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง สำหรับผม นั่นเป็นครั้งเดียวที่ผมรู้สึกกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมหรือเปล่า เพราะนี่คือทรัมป์ ผู้ที่สั่งสอนคนให้ใช้ความรุนแรง และคอยชี้นิ้วมาที่ผม ให้ผมรับผิดชอบต่อการเสียชีวิต”
นอกจากนี้เขายังกล่าวถึงภรรยาที่คอยให้กำลังใจเขา ในช่วงเวลา 10 เดือนอันทุกข์ทรมานด้วยว่า “ถ้าผมไม่มีภรรยา ถ้าผมไม่มีเธอ ผมก็นึกไม่ออกว่าตอนนี้ผมจะไปอยู่ไหน ผมคงจะลาออกจากวงการบันเทิง แล้วปลดเกษียณตัวเอง แล้วขายทุกอย่าง เช่นบ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ผมเป็นเจ้าของ แล้วก็ไปทำงานอย่างอื่นแทน”

นอกจากนี้ บอลด์วินยังเผยว่า ตลอด 10 เดือนหลังจากเกิดเหตุ ไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมเหตุการณ์นี้ และลืมฮัตชินส์ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ได้เลยแม้แต่วันเดียว
“ทุกคนชื่นชมในตัวเธอมาก การที่เธอเสียชีวิต มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด เหตุการณ์นี้ทำให้มีคนตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทุกวันในชีวิตของผมยังคงคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้เสมอ”
ที่มา: CNN, Deadline, Screen Rant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส