ในวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ทาง Samsung ได้เปิดโอกาสให้ทีมงานและ Blogger จากทั่วฟ้าเมืองไทย ได้มีโอกาสได้ทดสอบลองใช้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด Galaxy S5 รวมไปถึง wearable device ตัวใหม่อย่าง Gear 2 และ Gear Fit
หลังจากที่เราได้เห็นการเปิดตัวและสาธิตไปบ้างแล้วในงาน Mobile World Congress 2014 เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนนั้นสร้างความตื่นเต้นและยังมีข้อสงสัยมากมายค้างคาใจ วันนี้หลังจากที่ได้ทดสอบลองเล่นและใช้งานคร่าวๆ เราจะมาไขกระจ่างทุกอย่างให้ชัดเจน และแน่นอนว่ามีข้อมูลของราคาและวันจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยด้วย
- ย้อนกลับไปในปีที่แล้วหลังจาก Samsung ได้ออก Galaxy S4 ไป ที่เน้นหนักเรื่องนวัตกรรมและเครื่องที่ทรงประสิทธิภาพสุดๆ เมื่อไปเก็บผลสำรวจผู้ใช้ปรากฎว่า คนที่ซื้อ S4 มาใช้ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย (ซะงั้น)
- ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ S4 มากที่สุดคือ โทรศัพท์ รองลงมาคือถ่ายภาพ และการส่งข้อความ
- Samsung งานนี้จึงต้องมาคิดใหม่ทำใหม่กับ S5 ที่รอบนี้มุ้งเต้น เอ๊ยย! มุ่งเน้น เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานกับลูกค้าให้มากขึ้น และเน้นฟีเจอร์ที่ใช้งานในประจำวันมากยิ่งขึ้น
- เริ่มด้วยเรื่องของกล้อง ฟีเจอร์การใช้งานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง Realtime HDR ที่มีการปรับเฉลี่ยแสงในภาพให้ก่อนที่จะถ่าย ต่างจาก HDR อื่นๆ ที่ต้องถ่ายก่อนถึงจะเห็นภาพ รวมทั้งถ่าย VDO แบบ HDR ได้ด้วย
- การถ่ายภาพแบบเลือกโฟกัสได้ว่าจะเอาชัดลึกหรือชัดตื้น ที่สำคัญเลือกปรับภาพชัดทีหลังได้ด้วย ถึงแม้จะดูไม่ใช่ของใหม่แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากเมื่อมาอยู่บน Samsung
- ระบบประหยัดพลังงานของ S5 ที่จะทำการเปลี่ยน interface ในเครื่องให้เป็นสีขาวดำทั้งหมดเมื่อแบตฯ เหลือต่ำกว่า 10% Samsung เคลมว่าโหมดนี้จะช่วยให้เครื่องรับสายต่อไปอีกได้ถึง 24 ชม.
- S5 สามารถกันน้ำได้ (Water Resistant) ไม่ได้เป็นโทรศัพท์สำหรับใช้งานในน้ำ (Waterproof) ถึงแม้จะเป็นมาตรฐาน IP67 แต่ทีมงานไม่แนะนำให้เอาไปแช่น้ำถ่ายภาพใต้น้ำเป็นเวลานานๆ
- ใน S5 จะมีแอพ S Health 3.0 เพื่อใช้งานด้านสุขภาพอย่างเต็มที่ และใช้งานร่วมกับ Gear 2 และ Gear Fit
- ระบบสแกนลายนิ้วมือ ผู้ใช้สามารถบันทึกลายนิ้วมือตัวเองไว้ได้ 10 ชุด เพื่อใช้งานทั้งการปลดล็อคเครื่อง และเปิดเข้าไปใช้งานใน Private Mode ที่สามารถซ่อนไฟล์บางอย่างเอาไว้ได้
- ลายที่ฝาหลังที่โดนค่อนแคะและแซวกันตอนเปิดตัวว่าเหมือนพลาสเตอร์ยานั้น พอได้จับของจริงแล้วไม่รุ้สึกอย่างนั้นเลย วัสดุและลายจุดๆ ไม่ได้ดูน่าเกลียดอย่างที่ชาวบ้านเอาไปล้อกันซักเท่าไหร่
- ฝาหลังถ้าหากแกะออกมาแล้วปิดไม่สนิท เครื่องจะมีการแจ้งเตือน เพราะถ้าปิดไม่สนิทแล้วไปโดนน้ำโดนฝุ่น ก็จบครับ
- ตัวเครื่องที่จะเข้ามาขายรอบแรก วันที่ 11 เมษายน จะเป็นรุ่น 16GB LTE มี 3 สีคือ ดำ, ขาว และน้ำเงินเมทัลลิก ส่วนสีทองนั้นจะมาในเดือนพฤษภาคม ในราคา 23,800 บาท
- รุ่นที่เข้ามาขาย CPU เป็น Snapdragon 801 Quad-core 2.5 GHz
- จะมีเครื่องรุ่น 32GB เข้ามาขายด้วยเช่นกันแต่ยังไม่กำหนดเวลา
- มีอุปกรณ์เสริมอย่างเคส S View Cover ที่เปลี่ยนเอาฝาหลังออกใส่เป็นเคสที่มีฝาพับปิด มีช่องหน้าต่างเพื่อใช้งานได้ ซึ่งเคสตัวนี้ก็กันน้ำได้ด้วยเช่นกัน
- มาว่ากันด้วยเรื่องของ Gear 2 กัน เห็นตัวจริงครั้งแรก ต้องบอกว่าสวยมาก ดูดีกว่า Galaxy Gear มากๆ
- เรารู้กันแล้วว่า Gear 2 ใช้ระบบปฎิบัติการ Tizen ไม่ใด้เป็น Android แล้ว จากที่ได้ลองสัมผัส ถือว่าเร็วใช้ได้ ไม่มีหน่วงและทำงานได้คล่องตัว Samsung ทำการบ้านกับระบบนี้มาค่อนข้างดี และหมายมั่นจะปั่นให้ใช้งานกับ wearable device ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Gear 2 ใช้งานควบคู่กับสมาร์ทโฟนได้เต็มรูปแบบ ทั้งกดรับสาย ส่ง SMS และสามารถใช้งานแบบแยกต่างหาก Stand alone อย่างเช่นใช้ฟังเพลง MP3 ผ่าน Bluetooth headset
- มีระบบ Fitness manager ที่นอกจากจะมี Heartrate sensor ในตัวแล้ว Gear 2 มีระบบช่วยควบคุมการออกกำลังกายตามรูปแบบที่คุณต้องการ และเป็น Personal Trainner ให้ในระหว่างออกกำลังกาย คอยเตือนให้ออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสมกับการเผาผลาญพลังงานที่คุณเลือกไว้
- แบตเตอรี่ชาร์จแล้วอยู่ได้นาน 2-3 วัน (แล้วแต่ปริมาณการใช้งาน)
- Gear Fit หน้าตาดูดีมากๆ ดูเป็นสายรัดข้อมือที่เท่ และหน้าจอ AMOLED แบบโค้งทำออกมาแล้วดูดีมาก
- เน้นการใช้งานเกี่ยวกับด้านการออกกำลังกายอย่างเดียว หน้าตา Interface สวยงามดี
- ใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟนได้ แต่กดคุยรับสายไม่ได้ทำได้แค่กดวางสายกับส่ง SMS
- ทั้ง Gear 2 และ Gear Fit สามารถเปลี่ยนสายได้ ทำให้มันดูเป็นแฟชั่นขึ้นเยอะ และขอบอกว่ามีแบบให้เลือกเยอะมาก
- การรองรับใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน แน่นอนว่าตอนนี้มันใช้ได้กับ Galaxy ของ Samsung เท่านั้น โดยสามารถใช้งานได้บน Android 4.3 ผ่าน Bluetooth 4.0
- Galaxy รุ่นต่างๆ ที่ใช้งานกับ Gear 2 และ Gear Fit ได้แก่ S5, S4, S3, S4 Zoom, S4 Mini, Note 3, Note 2, Mega 6.3, Mega 5.8
- กับ Tablet ก็ใช้งานได้ด้วยมี Note Pro 12.2, Note 10.1 (2014 edition) และจะมีอีก 3 รุ่นที่จะออกมาในเร็วๆ นี้คือ Tab 4 10.1, Tab 4 8.0 และ Tab 4 7.0 แต่จะใช้ได้เฉพาะกับ Gear Fit
- ราคาสำหรับ Gear 2 เปิดตัวที่ 8,900 บาท เท่ากับ Galaxy Gear ส่วน Gear Fit เปิดที่ราคา 5,900 บาท
- Gear 2 Neo ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพิจารณาว่าจะนำเข้ามาขายด้วยหรือเปล่า
ทั้ง Samsung Galaxy S5, Gear 2 และ Gear Fit จะเข้ามาขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 เมษายนนี้
อากาศร้อนๆ แบบนี้ พาน้อง S5 ไปแช่น้ำก็ยังได้อยู่ แต่ทีมงานก็แนะนำว่ามันเป็น Water Resist ไม่ใช่ Waterproof ไม่ควรเอาไปใช้งานถ่ายภาพใต้น้ำ
ทดสอบการถ่ายภาพในห้องที่มีลักษณะย้อนแสง จะเห็นได้ว่าแสงจะเฉลี่ยเห็นชัดทั้งหมดไม่มีหน้ามืด
หน้าตาฝาหลังที่โดนแซวตั้งแต่เปิดตัววันแรกที่ลืมตาดูโลก พอได้จบแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่คนเอามาล้อกันนะ ผมว่ามันสวยดี ดูหรูสูสีกับ Note 3 เลยนะ
พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อเป็นแบบ Micro Usb 3.0 เหมือนกับ Note 3 พร้อมฝาจุกยางปิดสำหรับกันน้ำ แน่นอนว่าถ้าไม่ปิดแล้วลงน้ำ ก็เป็นอันสลบ
วางเทียบขนาดกับ Note 3 ที่หน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว
เปิดตัว 11 เมษายนก่อน 3 สี น้ำเงิน, ขาว, ดำ ส่วนสีทองนั้นรอนิดนึงเจอกันเดือนพฤษภาคม
S View Cover เคสแบบฝาพับที่เปลี่ยนฝาหลังออก ด้านหน้าเป็นช่องให้กดใช้งานได้ ดีไซน์แบบกระเป๋าหนังผู้หญิงที่เงาๆ เหลือบๆ และสามารถกันน้ำได้ด้วย
สเปคเทพขนาดนี้ รองรับ 4G ราคานี้ เข้าใจตรงกันนะ
Gear 2 หน้าตาดูเป็นนาฬิกาขึ้นเยอะ และใช้งานต่างๆ ได้ดี ใช้แล้วจะเริ่มหลงรัก Tizen ขึ้นมานิดๆ แล้ว