ยุคนี้ใคร ๆ ก็ใส่สมาร์ตวอตช์ นอกจากจะเป็นเครื่องมือบอกเวลา (ที่ทุกเรือนก็ทำได้อยู่แล้วน่ะนะ) ยังเป็นเหมือนอุปกรณ์ติดตามสุขภาพ บันทึกการออกกำลังกาย รวมถึงช่วยคุณหมอทำงานง่ายขึ้นในบางกรณี ทำให้เราสนุกในการดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นด้วย (เวลาที่ต้องทำตามเป้าหมายในแต่ละวัน) ปัจจุบันสมาร์ตวอตช์ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ทั้งราคาประหยัดจนถึงรุ่นท็อปราคาหลายหมื่น ใครที่กำลังมองหาสมาร์ตวอตช์เรือนแรก อยากลองใช้ว่าเหมาะกับตัวเองไหม ลองนี่เลย Huawei Watch Fit 3 ที่ทำได้มากกว่าราคาขาย

ดีไซน์

สมาร์ตวอตช์ยุคนี้แบรนด์ไหนที่ไม่ได้ให้วัสดุหน้าจอเป็น AMOLED มาถือว่าเชยแล้วนะ เพราะอย่าง HUAWEI WATCH FIT 3 ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นก็ยังได้หน้าจอ AMOLED ทรงสี่เหลี่ยมขนาด 1.82 นิ้ว หน้าจอให้ความสว่างระดับ 1,500 nits สีสันสดใส ทำให้อ่านค่าต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน

ตัวเรือนดีไซน์​ Ultra-Slim Design บางเพียง 9.9 มม. เคสทำจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย มีดีไซน์เม็ดมะยมลายดวงอาทิตย์สีแดงอยู่ด้านข้าง น้ำหนักเบามากแค่ 34 กรัม รวมสายนาฬิกาไนลอน (ตัวเรือนเปล่าหนัก 26 กรัมตามสเปก) และยังมีสายให้เลือก 3 แบบ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ทั้งสายยาง, สายไนลอนและสายหนังที่ดูเรียบหรูขึ้น

สุขภาพ

แน่นอนว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้สมาร์ตวอตช์กลายเป็นไอเทมติดตัวของคนยุคนี้ ซึ่ง HUAWEI WATCH FIT 3 ให้ความสำคัญกับการตรวจจับและติดตามสุขภาพของผู้ใช้ทั้งยามตื่นและหลับ มาพร้อมเซนเซอร์ TruSeen 4.0 ตรวจวัดสุขภาพทั่วไปได้อย่างแม่นยำ รวมถึง HUAWEI TruSleep™ 4.0 เซนเซอร์ ตรวจจับการนอนที่แม่นยำขึ้น ทั้งการวัดอัตราการหายใจ (Respiratory rate) ขณะหลับได้ วัดปริมาณออกซิเจนในเลือด (SpO2) ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลและคำแนะนำอย่างละเอียดได้ผ่านแอปฯ HUAWEI Health

ออกกำลังกาย

เกิดเป็นสมาร์ตวอตช์ต้องทำได้มากกว่าบันทึกการออกกำลังกาย เพราะนอกจาก HUAWEI WATCH FIT 3 จะรองรับโหมดออกกำลังกายมากกว่า 100 โหมดแล้ว ยังสามารถใช้ฟีเจอร์คอร์สออกกำลังกายกว่า 200 คอร์สในแอปฯ HUAWEI Health ออกกำลังกายควบคู่กับดูท่าประกอบในสมาร์ตโฟนได้แบบฟรี ๆ เหมือนมีโคชอยู่ที่บ้าน

ใครที่ใช้สมาร์ตวอตช์ HUAWEI อยู่แล้ว จะคุ้นเคยกับ Activity rings 2.0 เวอร์ชันใหม่ ที่รวมข้อมูลแคลอรี ระยะเวลาการออกกำลังกาย และเวลาการยืนในแต่ละวัน สามารถตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมาพร้อม Stay Fit App หน้าต่างช่วยคำนวนแคลอรีในแต่ละวัน รองรับเมนูมากกว่า 1 ล้านเมนู รวมถึงเมื่อเรากินอาหารเข้าไปแล้ว ตัวสมาร์ตวอตช์ยังช่วยแนะนำว่าควรจะออกกำลังกายอะไรให้สามารถเบิร์นสิ่งที่กินเข้าไปได้ด้วย

HUAWEI WATCH FIT 3 และ HUAWEI FREECLIP

แบตเตอรี่

HUAWEI WATCH FIT 3 ที่น้ำหนักเบาขนาดนี้มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 400 mAh ที่สามารถใช้งานได้สูงสุด 10 วันได้จริง เราลองใช้งานจริงด้วยการใส่ในชีวิตประจำวัน ทั้งออกกำลังกายประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง สวมใส่ทั้งยามตื่นและนอนหลับ ถือว่าใช้งานได้ตามสเปกจริง ๆ

การเชื่อมต่อ

ใครที่เคยใช้สมาร์ตวอตช์ฝั่ง android น่าจะเคยเจอปัญหาติดขัดการเชื่อมต่อกับฝั่ง iOS อยู่บ้าง แต่จุดเด่นของสมาร์ตวอตช์จาก HUAWEI คือรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ทั้ง IOS และ Android ซึ่งช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ ทำได้ง่ายและสะดวกขึ้นด้วย

Huawei Watch FIT 3 ราคาเริ่มต้น 3,990 บาท สำหรับรุ่นสายยาง ส่วนสายไนลอนและสายหนัง ราคา 4,990 บาท รองรับฟีเจอร์ NFC ที่ใช้แตะจ่ายได้ด้วย ซื้อได้ทาง HUAWEI Store ร้านค้า it ชั้นนำ และช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังเปิดราคา Huawei FreeClip สีใหม่ราคา 6,490 บาท วางขายวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป ใครที่อยากลองใช้สมาร์ตวอตช์ ในราคาประหยัด แต่ได้ออปชันครบ สำหรับการใช้งานทั่วไป ใช้งานง่าย เชื่อมต่อสะดวกทั้ง iOS และ android ให้ HUAWEI WATCH FIT 3 ไว้เป็นตัวเลือก