Pico Thailand พาบินไกลไปถึงกรุงปักกิ่งประเทศจีน เพื่อสัมผัสเจ้าแว่น Mixed Reality ตัวใหม่อย่าง Pico 4 Ultra ก่อนใครในไทย รุ่นต่อยอดโดยตรงจากรุ่นฮิตอย่าง Pico 4 ที่วางจำหน่ายมาหลายปี โดยกลับมาครั้งนี้ ผลักดันตัวเองให้เป็นแว่นแบบ Mixed Reality แบบเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะอยากใช้เผื่อเสพคอนเทนต์ในโลกของ VR หรือ AR ก็ตาม พร้อมอัปเกรดสเปกให้สมกับความเป็น Ultra
Pico 4 Ultra
Pico 4 Ultra หน้าตาโดยรวมค่อนข้างละม้ายคล้ายคลึงกับ Pico 4 ตัวก่อนหน้านี้ แต่มีการปรับปรุงด้านในไปเยอะพอสมควร เริ่มจากตัวชิปเซตที่ขยับไปใช้ Snapdragon XR2 Gen 2 ที่มีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น CPU แรงขึ้นกว่าเดิม 20% และ GPU แรงขึ้นกว่าเดิม 250%
โดยประสิทธิภาพอาจจะยังพูดถึงได้ไม่เยอะจากเท่าที่ลองในเวลาไม่นาน แต่จากการที่ต้องประมวลผลในด้านของ AR มากขึ้น ก็ต้องขยับประสิทธิภาพมากขึ้นมาตามไปด้วย รวมไปถึงยังอัปเกรดให้รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3
โดยรวมของตัว Headset ถือว่าเบาเท่า ๆ เดิม และแน่นอนว่าเบากว่าคู่แข่งพอสมควร ทั้งนี้ยังมีเรื่องของการบาลานซ์น้ำหนักทั้งหน้าหลัง ที่อย่าง Quest 3 ไม่มีด้วย
Mixed Reality เต็มขั้น
เรียกได้ว่าถึงแม้แว่นแนว AR Microsoft จะทำมาหลายปีแล้ว แต่การมาของ Apple Vision Pro ปีเดียว ปรับตลาด VR Headset ไปกันใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า Pico 4 Ultra ก็ปรับเพิ่มฟีเจอร์ให้กลายเป็นแว่นแบบ Mixed Reality เต็มขั้น ด้วยกล้องสำหรับฉายภาพ See-through ความละเอียดถึง 32MP ถึง 2 ตัว สำหรับให้เสพการใช้งานแบบ AR ได้เต็มขั้น เรียกได้ว่าใช้งานได้แบบครบครัน ทั้ง VR และ AR
ฟีเจอร์ใหม่ของฝั่ง AR ก็น่าสนใจ เช่นฟีเจอร์ Connect ที่จะช่วยฉายภาพหน้าจอของโน้ตบุ๊กทั้ง macOS และ Windows เข้าไปในแว่น และใช้งานได้เสมือนต่อจอเข้าไป แถมยังฉายภาพหน้าจอของมือถือทั้ง Android และ iOS เข้าไปได้ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าไม่ต้องออกจากโลกของ Mixed Reality กันแล้ว
อย่างชาวทำงานแบบ Multi Tasking อย่างผมนี่ยิ้มปริ ไหนจะการแสดงผล Interface แบบ 360 องศา ใครโตมากับหนังอย่าง Iron Man นี่เรียกได้ว่าฟิน แถมรุ่นนี้เน้นการออกแบบให้สวมใส่สบายแบบทั้งวัน แบตฯ มากถึง 5,700 mAh แถมแบตฯ จะหมดก็ต่อ Power Bank ได้อีก ใครจะใช้ยาวต่อเนื่องก็หายห่วง
Standalone ก็ได้ ต่อ PCVR ก็ดี
Pico เน้นทำแว่น VR แบบ Standalone มาแต่ไหนแต่ไร กล่าวก็คือแว่นที่ออกแบบให้ใส่ชุดประมวลผลเข้ามาในแว่นเลย และสามารถใช้ได้โดยที่ไม่ต้องต่อกับ PC โดย Pico 4 Ultra ก็ยังเน้นในจุดนี้อยู่ ทำให้ Pico 4 Ultra แข็งเกร่งทั้งในด้านของ Standalone และ PCVR โดยถ้าชิปประมวลผลหรือเกมที่อยากเล่นไม่พอ ก็สามารถไปต่อ PCVR เล่นเพิ่มเติมได้ พร้อมกับการรองรับ Wi-Fi 7 ที่น่าจะทำให้การเชื่อมต่อ PCVR แบบไร้สาย ทำได้ไร้ความหน่วงขึ้นไปอีก
Motion Tracker รุ่นใหม่ ที่ทำดี ทำถึง
Full Body Tracking ในตลาดเคยเป็นอะไรที่เข้าถึงได้ยาก จากความยุ่งยากในการใช้งาน ทั้งระบบที่ต้องใช้กล้อง ใช้ Tracker มากมายหลายจุด แถมยังมีราคาแพง คราวนี้ Pico เปิดตัว Motion Tracker ตัวใหม่ออกมาราคาย่อมเยา แถมใช้งานไม่ยุ่งยาก ใช้แปะแค่ขาสองข้าง แล้วไม่ต้องใส่ที่เอว หรือมีกล้องตั้งแยก พร้อมใช้งานเลย !
ที่ทำได้แบบนี้เพราะว่า Pico ใช้ Machine Learning ในการเพิ่ม Input ส่วนเอว และสะโพกเข้าไปนั่นเอง และทุกอย่างใช้เซนเซอร์ช่วยจับจากแว่นด้วย ทำให้ระบบคาดเดาได้ว่าส่วนเอวของเราจะขยับยังไง อันนี้สุดเจ๋ง ซึ่งราคาย่อมเยามาก ถ้าเทียบกับอย่าง Vive Tracker 3.0 ราคาจีน 399 หยวน ประมาณ 2,000 บาทเท่านั้น
Pico 4 Ultra เปิดราคาไทยอย่างเป็นทางการ 19,990 บาท (รุ่น 12GB + 256GB) และ Motion Tracker ในราคา 2,990 บาท ใครสนใจติดตามรายละเอียดกันดี ๆ ที่หน้าเพจ Pico XR Thailand พร้อมโปรโมชันวันจองในราคา 18,990 บาท แถม Motion Tracker ไปเลยฟรี ! (รายละเอียดในร้านค้า Official ของ Shopee)