รู้หรือเปล่าว่าจากนี้ อย่างน้อยอีก 3 ปี เราจะไม่ได้ยินเสียงโวยวายของเจ้าหนุ่มหัวทองเซนอิสึกันอีกแล้ว
คำเตือนบทความนี้มีสปอยล์ฉากสำคัญของดาบพิฆาตอสูร: ภาคปราสาทไร้ขอบเขต
ทำไมเจ้าหนุ่มโวยวาย กลับกลายเป็นชายเงียบขรึมสุดตึงได้
หลังจากดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba) ได้สิ้นสุดภาคการฝึกของเสาหลักอย่างเป็นทางการ และต่อจากนี้ไปอย่างน้อย 3 ปี จะเป็นการเดินหน้าเข้าสู่ภาคปราสาทไร้ขอบเขตทันที ซึ่งในภาคนี้นักล่าอสูรทุกคน จะถูกดึงเข้าสู่ปราสาทไร้ขอบเขตของมุซัน เพื่อโค่นอสูรข้างขึ้นในศึกสุดท้าย
หากใครสังเกตดูดี ๆ แม้กระทั่งตัวละครที่แข็งแกร่งอย่างกลุ่มเสาหลัก ยังมีท่าทีตกใจเมื่อถูกดูดเข้าไปในปราสาทไร้ขอบเขต ทว่ากลับมีตัวละครหนึ่งที่ควรจะตกใจ และโวยวายกว่าใครเพื่อน แต่ในตอนนี้กลับเป็นคนที่เงียบสงบจนคนดูงงแทน ใช่แล้ว พ่อหนุ่มหัวเหลือง อากาสึมะ เซนอิตสึ ตัวละครผู้ขี้โวยวายประจำเรื่องนั้น ในภาคนี้กลับกลายเป็นตัวละครที่พร้อมเตรียมใจสู้ ด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมซะงั้น
ถ้าใครได้สังเกตดู ในช่วงท้าย ๆ ของภาคการฝึกของเสาหลัก จะเห็นว่าเซนอิตสึได้จดหมายลึกลับมาหนึ่งฉบับ และหลังจากที่ได้เปิดอ่าน มูดของตัวละครนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ขนาดที่พระเอกของเรื่องอย่างทันจิโร่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ซึ่งเรียกได้ว่า ณ บัดนี้กลายเป็นเจ้าเซนอิตสึที่เคร่งขรึมมากกว่าที่เคยเป็นมา
จุดเปลี่ยนจากความสูญเสีย
ในจดหมายที่เซนอิตสึได้รับมานั้น มีใจความสำคัญอย่างหนึ่งที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องราวต่อจากนี้ นั่นคือการเสียชีวิตของคุวาจิมะ จิโกโร่นั่นเอง
คุวาจิมะ จิโกโร่ คือตัวละครที่เซนอิตสึเรียกว่าปู่จ๋ามาตลอดทั้งเรื่อง เขาเป็นอดีตเสาหลักคำรณ (ฉายาที่แข็งแกร่งมากกว่าอัสนี) ซึ่งสูญเสียขาขวาไปจากการต่อสู้ จึงเกษียณตัวเองออกมาจากการเป็นนักล่าอสูร
ปู่จิโกโร่เป็นหนึ่งในคนสำคัญของเซนอิตสึ เขาช่วยดูแลเจ้าหนุ่มหัวเหลืองคนนี้ คอยใช้หนี้ในตอนที่เซนอิตสึโดนผู้หญิงหลอก ซึ่งเขาคือคนที่ทำให้เซนอิตสึกลายเป็นนักล่าอสูร ทว่าการเสียชีวิตของปู่จิโกโร่นั้น ไม่ใช่การเสียชีวิตโดยธรรมชาติหรือถูกสังหารจากอสูรตนใด แต่เป็นการจบชีวิตตนเองด้วยการคว้านท้อง ซึ่งเป็นหนึ่งในการจบชีวิตที่ทรมานที่สุดวิธีหนึ่งของญี่ปุ่น
การตายด้วยวิธีนี้ มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยมักจะเป็นการตายที่สมัครใจ เนื่องจากไม่อยากถูกจับเป็นเชลย จึงตายเพื่อรักษาเกียรติไว้ กับอีกแบบคือเป็นการตายเพราะมีการกระทำผิดร้ายแรง หรือนำความอัปยศมาสู่พวกพ้อง
ซึ่งชะตากรรมอันน่าเศร้าของปู่โกจิโร่เนี่ย เป็นในแบบหลังน่ะสิ นั่นเพราะว่าใจความสำคัญที่เซนอิตสึได้รับมาในจดหมายนั้นก็คือ สาเหตุที่ปู่จิโกโร่ต้องคว้านท้องต่างหาก โดยที่ปู่จิโกโร่ต้องปลิดชีวิตของตนไปนั้น ก็เพื่อรับผิดชอบในเรื่องที่ไคงาคุ เข้าร่วมกับมุซัน และกลายเป็นอสูรข้างขึ้นนั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้สร้างความยากลำบากให้กับหน่วยพิฆาตอสูร
ปู่จ๋าผมน่ะ รักนะรักปู่มากเลยนะ
ไคงาคุคือใคร
หากใครจำได้ ในดาบพิฆาตอสูรซีซัน 1 ตอนที่ 17 นั้น ในช่วงที่เซนอิตสึจะปราบอสูรแมงมุม ในฉากย้อนอดีตทำให้เราได้เห็นชายหนุ่มร่างกำยำสูงปานกลาง ผมสั้นสีดำเป็นมัน มีช่อผมหนาสองช่ออยู่รอบใบหน้า และดวงตาสีฟ้าอมเขียวขุ่นหม่นหมองซึ่งล้อมรอบด้วยคิ้วหนา คอของเขาผูกเชือกสีน้ำเงิน โดยชายคนนี้โผล่ออกมาในช่วงอดีตของเซนอิตสึ และตวาดเซนอิตสึด้วยการด้อยค่าว่าถากถาง ซึ่งนี่แหละคือไคงาคุล่ะ
หายไปซะเถอะ เอาแต่ร้องแหกปากอยู่ทุกวัน ไม่ขายหน้าหรือไงไอ้ขยะ แกก็รู้ดีหนิ ว่าอาจารย์ต้องมาเสียเวลากับคนอย่างแกน่ะ
นอกจากนั้นในภาคการฝึกของเสาหลัก ในตอนที่ 7 ที่ย้อนอดีตของเกียวเมนั้น เราจะเห็นความเลวทรามของไคงาคุชัดเจนมากขึ้น โดยมีสิ่งที่ยังไม่ได้เล่าเพิ่มว่าเมื่อก่อนนั้น ไคงาคุเป็นเด็กกำพร้า และหัวขโมยที่ต้องกินเศษอาหารเพื่อประทังชีวิต ทว่าเขาก็ได้เกียวเมรับมาดูแล
อย่างไรก็ตาม ไม่นานไคงาคุก็ถูกจับได้ว่าขโมยเงินของวัด ซึ่งทำให้เขาถูกไล่ออก และในยามค่ำคืนนั่นเอง ไคงาคุก็เผชิญกับอสูร ทว่าเขาก็ได้เสนอข้อต่อรอง ให้อสูรไปกินเด็กในวัด เพื่อแลกกับชีวิตเขา โดยไคงาคุได้ดับธูปที่ใช้ป้องกันอสูร เพื่อให้อสูรโจมตีวัด ซึ่งเป็นเหตุให้เกียวเมถูกป้ายความผิดในเวลาต่อมา
เรียกได้ว่าก่อนเจอปู่จิโกโร่ ไคงาคุก็เป็นเด็กเปรตเลยล่ะ ซึ่งหลังจากนั้นไคงาคุก็ถูกปู่จิโกโร่พาตัวไปฝึกพร้อมกับเซนอิตสึ เพื่อปั้นให้ทั้งคู่กลายเป็นผู้สืบทอดปราณอัสนี โดยปู่จิโกโร่หมายมั่นว่าทั้งสอง จะต้องเป็นเสาหลักอัสนีในภายภาคหน้า ซึ่งเรียกได้ว่าไคงาคุเนี่ยเป็นศิษย์พี่ของเซนอิตสึแท้ ๆ เลย
หลังจากเป็นนักล่าอสูร ไคงาคุได้ต่อสู้ไปเรื่อยมา จนวันหนึ่งเขาพบเข้ากับโคคุชิโบอสูรลำดับข้างขึ้นที่ 1 และเมื่อโคคุชิโบให้ไคคาคุเลือกว่าสู้หรือตาย ไคงาคุก็เลือกที่จะกลายเป็นอสูร และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไคงาคุได้กลายเป็นอสูรข้างขึ้นคนใหม่ จนข่าวนี้ไปถึงหูของปู่จิโกโร่ ทำให้ปู่จิโกโร่ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการปลิดชีวิตของตน และเมื่อเซนอิตสึได้รับรู้ข่าวร้าย ว่าผู้มีพระคุณของตนต้องจากไปเพราะการกระทำอันน่าอัปยศของศิษย์พี่ จึงเป็นเหตุให้บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปทันที
กำเนิดบุรุษผู้ทัดเทียมกับเสาหลักอัสนีคนใหม่
ในภาคปราสาทไร้ขอบเขตที่จะถึงนี้ จึงเป็นศึกตัดสินครั้งสำคัญของไคงาคุกับเซนอิตสึ เพราะคราวนี้เราจะเห็นว่าเซนอิตสึผ่านการเตรียมใจมาแล้ว เขาพาตัวเองจากคนขี้ขลาดให้กลายเป็นคนกล้าหาญ ซึ่งแสดงถึงศักยภาพที่แท้จริงของเซนอิตสึ
ความต่างของศิษย์พี่และศิษย์น้องคู่นี้คือ ไคงาคุนั้นสามารถใช้ปราณอัสนีกระบวนท่าที่ 2-6 ได้ แต่เซนอิตสึสามารถใช้ได้เพียงกระบวนท่าที่ 1 เพียงท่าเดียว ซึ่งไคงาคุน้อยเนื้อต่ำใจ คิดว่าปู่จิโกโร่นั้นแอบสอนกระบวนท่าลับให้เซนอิตสึ
โดยในศึกนี้ไคงาคุจึงกล่าวอย่างไม่รู้สึกรู้สาถึงการเสียชีวิตของปู่จิโกโร่ว่า คนแก่อีกไม่นานก็ลงโลงอยู่แล้ว ตายไปก็ไม่เป็นไร ซึ่งนั่นทำให้เซนอิตสึรู้สึกเดือดดาล จนสามารถพิชิตไคงาคุด้วยกระบวนท่าใหม่ที่ตนคิดขึ้นมาได้
เซนอิตสึนับว่าเป็นตัวละครที่แสดงให้เราเห็นว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งหลากหลาย แต่แค่หาสิ่งที่เก่ง ให้เจอก็พอ แม้จะทำเป็นเพียงอย่างเดียว แต่หากทำสิ่งนั้นจนชำนาญ มันจะช่วยรีดศักยภาพที่แท้จริงของเราออกมาได้เซนอิตสึเซนอิตสึนับว่าเป็นตัวละครที่แสดงให้เราเห็นว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเก่งหลากหลาย แต่แค่หาสิ่งที่เก่ง ให้เจอก็พอ แม้จะทำเป็นเพียงอย่างเดียว แต่หากทำสิ่งนั้นจนชำนาญ มันจะช่วยรีดศักยภาพที่แท้จริงของเราออกมาได้
การเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของเซนอิตสึ นับเป็นจุดที่น่าสนใจของเรื่องราว มันบอกให้เรารู้ว่าในยามที่คนอ่อนแอ ขี้แยที่สุด พร้อมเตรียมใจกับเป้าหมาย มันจะรีดเร้นพลังอันแข็งแกร่งจากภายในออกมาได้ เพราะปู่จิโกโร่นั้น คอยเฝ้าสอนให้เซนอิตสึเชื่อในตัวเองเสมอ นั่นจึงทำให้การพัฒนาตัวละครของเซนอิตสึ กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นในภาคปราสาทไร้ขอบเขต จนแฟน ๆ ต้องจับตามองเลยล่ะ
เซนอิตสึ จงฝึกฝนซะ ! จะร้องไห้ หรือว่าจะหนีก็ได้ แต่ว่าห้ามยอมแพ้เด็ดขาด จงเชื่อมั่นว่า ถ้าเจ้าทนกับการฝึกหนักทุกวัน มันจะได้รับผลตอบแทนอย่างแน่นอน ลับมันให้คมกริบ จงเป็นคมดาบที่คมกว่าดาบเล่มไหน จงฝึกฝนสิ่งเดียวนั้นให้ชำนาญซะ