vivo ประกาศเปิดตัว vivo X200 Series สองเรือธงใหม่ล่าสุดจากตระกูล X Series อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “ซูมชัด ทุกเรื่องราว” (ZEISS Image, Go Far) ชูจุดขายกล้องเลนส์ ZEISS APO Telephoto Camera ความละเอียดสูง 200MP พลังซูมเหนือระดับ พร้อมเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอคมชัดทุกมิติเหมือนจับภาพจากขอบเวที เสริมความแรงแบบจัดเต็มด้วยขุมพลังสุดแรงอย่าง MediaTek Dimensity 9400 ผสานการทำงานกับ vivo BlueChip และชิปประมวลผลภาพและวิดีโอ V3+ ที่บูสต์ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพกลางคืนและภาพพอร์ตเทรต ตลอดจนอัปเกรดเทคโนโลยีและฟีเจอร์มาอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ระบบปฏิบัติการ หรือผู้ช่วย AI เพื่อประสิทธิภาพและความสะดวกสบายที่มากกว่า วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคาเริ่มต้น 29,999 บาท
vivo จับมือ ZEISS ส่ง X200 Series กลับมาสานต่อตำนานเรือธงกล้องเทพอีกครั้งด้วยกล้องความละเอียด 50MP ทุกเลนส์บน X200 Series ตั้งแต่กล้องหลัก ZEISS VCS Ture Color, กล้อง ZEISS Telephoto, ไปจนถึงกล้อง Ultra-Wide Angle มุมมองกว้าง 119 องศา พร้อมนำเสนอการอัปเกรดใหม่ล่าสุดเอาใจสายซูมโดยเฉพาะกับกล้อง ZEISS APO Telephoto ความละเอียดสูง 200MP ครั้งแรกของวงการสมาร์ตโฟนบน X200 Pro ที่สามารถซูมได้ไกลถึง 50x โดยไม่เสียรายละเอียดภาพ เสริมด้วยฟีเจอร์ High-Quality Imaging ที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาซัปพอร์ตการจับภาพการเคลื่อนไหวบนเวทีได้อย่างแม่นยำ แถมตัวช่วยสลับไปยังโหมด Telephoto Super Stage อัตโนมัติ และฟังก์ชัน Zero-Shutter-Lag Motion Snapshot ให้ผู้ใช้งานไม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญ สามารถบันทึกภาพการแสดงอย่างคมชัดได้ทันที นอกจากนี้ยังไม่ลืมใส่ฟีเจอร์ ZEISS Multifocal Portrait พร้อมตัวเลือกระยะโฟกัส 85 มม. และ 135 มม. เพื่อสายพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ รวมถึงเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์แบบ ZEISS T* Coating ที่ช่วยลดการสะท้อน ลดการเกิดภาพโกสต์หรือแสงแฟลร์ ให้ภาพคมชัด ใสเคลียร์
สำหรับสายเก็บฟุตเทจ X200 Pro ตอบโจทย์ด้วยเทคโนโลยี Professional Video Recording ที่สามารถบันทึกวิดีโอขณะซูมได้สูงสุดถึง 30x รวมถึงสามารถ่ายวิดีโอความคมชัดระดับ 4K HDR พร้อมระบบปรับสีและแสงอัจฉริยะ เพื่อการบันทึกเรื่องราวแบบไม่สะดุดทุกสเตจ เสริมด้วยเทคโนโลยี Pure Sound Recording ที่ช่วยซูมเสียงให้ชัดเจนพร้อมตัดเสียงรบกวนโดยรอบ ให้เสียงศิลปินสมจริงและมีมิติยิ่งขึ้น
vivo X200 Pro เปิดตัวด้วยชิปเซตเรือธงแบบคู่ ผสานความทรงพลังของชิปประมวลผลหลัก MediaTek Dimensity 9400 ผสานการทำงานกับ vivo BlueChip และชิปประมวลผลภาพปรับแต่งพิเศษ V3+ การันตีประสิทธิภาพการทำงานแข็งแกร่งเหนือระดับ อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 30%
ดื่มด่ำกับทุกความบันเทิงแบบเต็มที่ด้วยหน้าจอมาตรฐาน ZEISS Master Color อัตราการรีเฟรช 120Hz ความสว่างสูงสุด 4,500nits มอบสีสันธรรมชาติในแบบ ZEISS ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การรับชมภาพที่ชัดเจน สดใส และสวยสมจริง มอบการมองเห็นที่คมชัดในทุกระดับความสว่าง แต่ยังคงปกป้องดวงตาผ่านเทคโนโลยี Full Range Luminance 2160Hz PWM Dimming ที่ช่วยลดการกะพริบของหน้าจอในทุกระดับของความสว่างและช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา รับชมเอนเทอร์เทนเมนต์ได้เต็มที่ทั้งกลางวันและกลางคืน
ใช้งานเต็มที่ตลอดวันด้วยแบตเตอรี่เทคโนโลยี vivo BlueVolt ซึ่งเป็นแบตฯ Silicon Anode รุ่นที่ 3 ครั้งแรกในอุตสาหกรรม รวมถึงยังมีเทคโนโลยี Semi-Solid มอบขนาดแบตฯ ที่บางเฉียบแต่จัดเต็มความจุได้มากกว่าที่เคย และใช้งานภายใต้อุณหภูมิหนาวเย็น -20 องศา โดย X200 เปิดตัวพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,800mAh ในขณะที่ X200 Pro จะมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 6,000mAh พร้อมชาร์จไว 90W และชาร์จไร้สาย 30W นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับมาตรฐานการทนน้ำทนฝุ่น IP68&IP69 ช่วยป้องกันน้ำและฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมแกร่งด้วยกระจกหน้าจอ Armor Glass เฉพาะใน X200 Pro ต่อการตกกระแทกกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 11 เท่า พกพาติดตัวไปได้ทุกงานอย่างไร้กังวล
vivo X200 Series เปิดตัวพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Funtouch OS 15 ที่ทำงานบน Android 15 มาพร้อมตัวเลือกการปรับแต่งอันหลากหลาย ฟีเจอร์ครบครัน และผู้ช่วย AI อัจฉริยะ Gemini Assistant เพื่อการเรียนรู้และความสะดวกสบายที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล วางแผนกิจกรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ Circle to Search, AI Note Assist, AI Transcript Assist และ AI Erase ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการของผู้ใช้งานยุคดิจิทัล
ครั้งนี้ vivo ออกแบบ X200 Series มาในโทนสีที่ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยในรุ่น X200 Pro มาพร้อมกับ 2 สีใหม่ Midnight Black สีดำด้านที่ให้ความรู้สึกทรงพลังตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบความคลาสสิก และสี Titanium Gray สีเทาขัดเงาแบบลายพิเศษเพิ่มความเปล่งปลั่งประกายดูหรูหราทนทานยิ่งขึ้น ในขณะที่รุ่น X200 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Aurora Green สีเขียวใหม่ที่สื่อถึงความสง่างามของธรรมชาติ, Ocean Blue สีน้ำเงินเข้มสุดเรียบหรูช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ผู้ใช้งาน และสี Midnight Black แบบเดียวกันกับรุ่น Pro นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยการดีไซน์หน้าจอที่ถูกอัปเกรดให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ Micro Quad Curved Screen นำเสนอหน้าจอแบนที่มีขอบมุมโค้งเล็กน้อยทั้ง 4 ด้าน แบบ 3D Curved Screen ตัดปัญหากวนใจคนที่เคยใช้จอโค้งแบบเดิม ช่วยลดการสัมผัสหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ และยังจับหน้าจอได้กระชับมือยิ่งขึ้น ในขณะที่มอบความคมชัดและประสบการณ์รับชมคอนเทนต์ได้อย่างเต็มอิ่ม
vivo X200 Series พร้อมให้ vivo fans ชาวไทยได้จับจองเป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 3 ธันวาคม 2024 และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2024 เป็นต้นไป ณ ร้านค้า Official Shop ทั่วประเทศ ในราคาและรุ่นความจุ ดังนี้ vivo X200 5G (12GB + 256GB) ราคา 29,999 บาท และ vivo X200 Pro 5G (16GB + 512GB) ราคา 39,999 บาท