หลายคนน่าจะได้ดูซีรีส์ที่ยอดการเข้าชมทะลุระดับโลกไปแล้วอย่าง The Trauma Code หรือ ชั่วโมงโกงความตาย ใน Netflix ซีรีส์เรื่องนี้ชนะใจผู้ชมเป็นอย่างมาก เพราะมีความเสียสละ ความเป็นเพื่อนมนุษย์ ความยากลำบาก การเอาชนะทั้งตัวเอง เอาชนะทั้งความเป็นไปไม่ได้ รวมอยู่ในซีรีส์เรื่องนี้

และหัวใจของเรื่องคือ ‘เฮลิคอปเตอร์การแพทย์’ นั่นเองค่ะทุกคน ที่เป็นส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะในซีรีส์นี้ตัวพระเอก (อาจารย์หมอ) เอง ต้องการช่วยคนไข้ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก แต่ไปช่วยไม่ได้เนื่องจาก การใช้เฮลิคอปเตอร์การแพทย์ในแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำ รพ. ติดลบ ต่าง ๆ นานา ถ้าใครอยากรู้ว่าเหตุผลคืออะไรต้องไปหารับชมกันแล้วค่ะ
แต่วันนี้แอดจะพามาไขข้อเท็จจริงว่าการใช้เฮลิคอปเตอร์การแพทย์ นั้นแพงจริงมั้ย และทำไมถึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วทั้งที่เป็นการช่วยชีวิตคน ? มีเหตุผลอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้นมั้ย เจาะลึกไปด้วยกันผ่านบทความนี้ค่ะ

เฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ใช้ครั้งแรกเมื่อไหร่ ?
ต้องเล่าก่อนว่าการใช้เฮลิคอปเตอร์การแพทย์ เริ่มใช้ครั้งแรกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพสหรัฐอเมริกาที่ได้นำเฮลิคอปเตอร์มาใช้ในการลำเลียงทหารที่ได้รับบาดเจ็บออกจากสนามรบ เฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ เรียกอีกอย่างว่า “Sky Doctor” คือบริการการแพทย์ฉุกเฉินรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลให้รวดเร็วมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล เข้าถึงยาก หรือมีสภาพการจราจรติดขัด
ซึ่งภายในซีรีส์ The Trauma Code ค่อนข้างที่จะใช้บ่อยพอสมควร แต่จะเห็นได้ว่าในสถานที่ที่ไป ล้วนเป็นพื้นที่เข้าถึงยากมาก ๆ อย่างเช่นภูเขา โดยปัจจุบันเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์มีใช้กันมากกว่า 80 ประเทศทั่วโลกเลยทีเดียวค่ะ (ที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ) ซึ่งประเทศไทยเราก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการให้บริการเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ โดยมีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้บริการนี้ เช่น กระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) และโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง เช่น รพ. กรุงเทพ ที่มีบริการด้านนี้โดยเฉพาะ เป็นต้น
เฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์รุ่นแรกที่ใช้ในโลก
Sikorsky R-4 เป็นเฮลิคอปเตอร์รุ่นแรกที่นำมาใช้ในภารกิจทางการแพทย์ มีลักษณะเด่นคือสามารถลงจอดในพื้นที่จำกัดได้ ทำให้มีความเหมาะสมในการใช้งานในพื้นที่ทุรกันดารหรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน ง่าย ๆ เลยคือ โฉบเฉี่ยว ลงจอดได้สบาย ๆ รวดเร็วทันใจ ทำนองนั้นค่ะ และถึงแม้จะเป็นรุ่นแรก แต่ก็ยังไม่ได้เป็นรุ่นที่ยอดนิยมมากที่สุด เพราะตำแหน่งนี้เป็นของรุ่น Eurocopter EC135/EC145 เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เนื่องจากมีความคล่องตัวสูง ลงจอดในพื้นที่จำกัดได้ และมีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางพอสำหรับทีมแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์



พื้นที่โดยสารที่กว้างก็ต้องมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่จะช่วยให้เหล่านักบินทำงานได้ง่ายดายและสะดวกขึ้น เช่น เทคโนโลยีกล้องตรวจจับความร้อน สำหรับช่วยค้นหาผู้ป่วยเวลากลางคืน, เทคโนโลยีเรดาร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง ใช้สำหรับการป้องกันการชนโดยเฉพาะ เพราะการขึ้นบินอาจจะมีความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ อย่างการชนนก หรือส่วนใดของภูเขา, เทคโนโลยี Night Vision ที่จะช่วยให้นักบินมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในเวลากลางคืน เป็นต้น
เทคโนโลยีและการรักษาเฉพาะทาง
การรักษาบนเครื่องบินโดยส่วนใหญ่จะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด และการรักษาก็ต้องควบคู่กับเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยีเฉพาะทางอย่าง ECMO Transport เครื่องหัวใจและปอดเทียมแบบเคลื่อนที่ ใช้สำหรับช่วยผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน, กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน, อาการปอดอักเสบหรือติดเชื้ออย่างรุนแรง และปัจจุบันเทคโนโลยีนี้มีให้บริการที่ รพ. กรุงเทพ โดยเฉพาะ

เฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ขึ้นบิน 1 ครั้งใช้เงินเท่าไหร่ ?
แล้วเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดในการใช้เฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ ไปช่วยคนไข้ก็คือเรื่อง ‘เงิน’ ถ้ายกตัวอย่างจากตัวซีรีส์เอง จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมีเรื่องงบ รพ. และ ภาครัฐ เข้ามาเกี่ยวข้อง แท้จริงแล้วซีรีส์ก็สร้างมาได้คล้ายคลึงกับเรื่องจริงอยู่อย่างก็คือ แพงจริงค่ะ และค่าบริการก็จะแตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว ค่าเช่าเฮลิคอปเตอร์จะคิดเป็นรายชั่วโมง ซึ่งอาจมีราคาตั้งแต่หลายหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาทต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของเฮลิคอปเตอร์

มีเรื่องค่าบริการของทีมแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยก็เป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่าย ซึ่งอาจมีราคาตั้งแต่หลายพันบาทไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของอาการป่วยและอุปกรณ์ที่จำเป็นนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับระยะทางด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐฯ ค่าใช้จ่ายในการขึ้นบินจะคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง มีความผันผวนและขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ซึ่งสามารถแจกแจงได้ ดังนี้
- ปัจจัยด้านการแพทย์ : ระยะทางในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ประเภทของอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาอาการของผู้ป่วยระหว่างการเคลื่อนย้าย เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์เฉพาะทางอื่น ๆ รวมถึงทักษะและประสบการณ์ของทีมแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วย หากเป็นทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีทักษะสูง ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ปัจจัยด้านอากาศยาน : ประเภทของเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีสมรรถนะสูงกว่า มักมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายยังรวมถึงชั่วโมงการทำงานของนักบินและลูกเรือ ค่าเชื้อเพลิง และค่าบำรุงรักษาเครื่องบิน
- ปัจจัยด้านกฎระเบียบและข้อบังคับ : ข้อจำกัดในการเดินทางและระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศ อาจส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการบินผ่านน่านฟ้า ค่าธรรมเนียมการลงจอด หรือค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเฮลิคอปเตอร์พยาบาลทางอากาศต่อเที่ยวบินจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 ถึง 55,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 4 แสน – 2 ล้านบาท เลยทีเดียวค่ะ
ภาวะขาดทุนจากการช่วยผู้คนในภาวะฉุกเฉิน
ในซีรีส์จะมีเรื่องงบกำไรขาดทุนของโรงพยาบาลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และเราจะเห็นได้ว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่เรื่องนี้คล้ายคลึงกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ข้อมูลชี้ว่าโรงพยาบาลสูญเสียเงินค่ารักษาพยาบาลที่ยังไม่ได้รับชำระจากผู้ป่วยฉุกเฉินไปกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1 ล้านล้านบาท ในปีเดียว
แม้ว่าโรงพยาบาลจะมีรายได้จากการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินเกินกว่าต้นทุนอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยที่ไม่ได้ชำระค่ารักษาพยาบาล
ปัญหาทางการเงินนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อโลกต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ และโรคระบาด ที่ทำให้จำนวนผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ในแผนกฉุกเฉินกลับมีจำนวนจำกัด ทำให้แพทย์ต้องทำงานหนักขึ้น
และการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเงินเดือนของบุคลากรคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของต้นทุนโรงพยาบาล ทำให้โรงพยาบาลหลายแห่งไม่สามารถจ้างบุคลากรเพิ่มได้ แม้ว่าจะฉุกเฉินมากแค่ไหนก็ตาม

เรื่องนี้ยังสอดคล้องกับระบบการแพทย์ในเกาหลีใต้เมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการประท้วงหยุดงานของแพทย์จบใหม่หลายพันชีวิต เพื่อต่อต้านนโยบายเพิ่มโควตานักเรียนแพทย์ 2,000 ที่นั่ง แพทย์จบใหม่มองว่าการเพิ่มจำนวนแพทย์ไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง สิ่งที่แท้จริงคือค่าตอบแทนที่ไม่สมเหตุสมผล ภาระงานที่หนักเกินกำลัง และคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ซึ่งนั่นมันเป็นการบั่นทอนกำลังใจและประสิทธิภาพของบุคลากรทางการแพทย์เป็นอย่างมาก
และในเรื่องทุกคนจะได้ยินคำนี้กันอยู่บ่อย ๆ ที่ว่า ‘หมอหัตถ์พระเจ้า’ ไม่ใช่แค่คำพูดที่ดูเอาเท่ภายในเรื่องเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมีแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของศัลยแพทย์ด้านบาดเจ็บวิกฤติฉุกเฉิน ดร. อี กุก-จอง ที่ชีวิตในวัยเด็กของเขาต้องเผชิญกับความยากลำบาก พ่อของเขาเป็นทหารผ่านศึกในสงครามเกาหลีที่พิการจากการรบ ทำให้ครอบครัวต้องดำรงชีพด้วยอาหารปันส่วนจากรัฐบาล

แรงผลักดันที่ทำให้ ดร. อี มุ่งมั่นที่จะเป็นแพทย์มาจากประสบการณ์ที่พ่อของเขาได้รับการปฏิเสธการรักษาจากโรงพยาบาลใกล้บ้าน แม้ว่าจะมีบัตรสวัสดิการรักษาฟรีก็ตาม ทำให้เขาต้องพาพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล เขาจึงตั้งปณิธานว่าหากได้เป็นหมอ เขาจะไม่ปฏิบัติกับผู้ป่วยแบบนี้
ถึงแม้ ดร. อี จะไม่ได้ผ่านเหตุการณ์สุดหฤโหดเหมือนในซีรีส์ แต่ก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยขับเคลื่อนด้านการช่วยผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์เช่นกัน เพราะในช่วงปี 2011 เรือพาณิชย์ของเกาหลีใต้ถูกโจรสลัดโซมาเลียปล้น กัปตันเรือถูกยิงด้วยกระสุน AK-47 ถึง 6 นัด ดร. อี ถูกส่งไปยังโอมานเพื่อช่วยเหลือเขา และยืนยันที่จะส่งตัวกัปตันกลับเกาหลีใต้ด้วยเครื่องบินพยาบาล แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงถึง 380,000 เหรียญสหรัฐฯ (เกือบ 13 ล้านบาท) และรัฐบาลลังเลที่จะอนุมัติ ดร. อี ก็ประกาศว่าจะจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง จนกระทั่งกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาดูแลค่าใช้จ่าย และ ดร. อี ก็ผ่าตัดผู้ป่วยวิกฤตรายนี้สำเร็จ

เหตุการณ์นี้ทำให้โรงพยาบาลอาจูได้รับการยอมรับในระดับชาติ และได้เปิดศูนย์แพทย์ฉุกเฉินขึ้นมาได้สำเร็จ และในปีเดียวกันกับซีรีส์ ดร. อี ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์โคเรีย จุงอัง เดลี ว่า “ที่ผ่านมาเกาหลีมีผู้บาดเจ็บสาหัสราวสามหมื่นรายที่ต้องมาตายทุกปีเพราะการรักษาที่ล่าช้า ระบบราชการห่วย ๆ และความไม่ใส่ใจของหมอบางคนเอง แล้วถึงตอนนี้พวกเขาจะอยากสร้างศูนย์ฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ ผมก็ได้แต่หวังว่าทีมแพทย์จะมุ่งมั่นด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่แล้วมาทิ้งขว้างทีหลัง ชาวบ้านเขาจะจวกเอาได้ว่าผลาญเงินภาษี ถ้าจะทำแบบนั้นก็อย่ามีเสียเลยจะดีกว่า”
สุดท้ายเรื่องเฮลิคอปเตอร์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการขึ้นบินเพื่อช่วยผู้ป่วยก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เราทุกคนต่างรู้กันดี ใครที่ได้ดูซีรีส์เรื่อง The Trauma Code แล้ว คิดเห็นยังไงกันบ้างคะคอมเมนต์มาคุยกันหน่อยน้า