เจ้าหน้าที่กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency: DOGE) 21 คน ที่อยู่ภายใต้การบริหารของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) และรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ตัดสินใจลาออก โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้ความเชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนนโยบายที่ “ทำลายบริการสาธารณะที่จำเป็น” และเสี่ยงต่อความปลอดภัยของข้อมูลประชาชน
เจ้าหน้าที่เหล่านี้ประกอบด้วยวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ระบุว่ามัสก์ดึงบุคคลที่ไม่มีความสามารถและมีแนวคิดทางการเมืองแบบสุดโต่งเข้ามาบริหาร DOGE และพวกเขาเคยถูกถามเกี่ยวกับความภักดีทางการเมืองมากกว่าความสามารถอีกด้วย
DOGE ถูกก่อตั้งขึ้นหลังทรัมป์แต่งตั้งมัสก์ดูแลหน่วยงานที่เคยเป็น United States Digital Service (USDS) เดิม ซึ่งเคยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีของภาครัฐ เช่น การยื่นภาษีออนไลน์ บริการทหารผ่านศึก การดูแลสุขภาพ และบริการอื่น ๆ ที่สำคัญ แต่หลังจากมัสก์เข้ามาบริหาร เขาเน้นการลดขนาดองค์กรและไล่พนักงานออก
หลังจากนั้นมัสก์ก็ได้โพสต์บน X ว่า “นี่ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย แต่เป็นภัยคุกคามต่อระบบราชการ” เหมือนเป็นการบอกสิ่งที่จะตามมาหลังจากได้รับตำแหน่ง และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาได้เข้าร่วมการประชุม CPAC โดยเขาได้อวดอ้างถึงความสำเร็จของตัวเอง พร้อมกับชูเลื่อยไฟฟ้าที่ได้รับเป็นของขวัญจากประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ฆาบิเอร์ มิเลย์ (Javier Milei) เพื่อแสดงออกถึงการตัดลดระบบราชการ
การลาออกของเจ้าหน้าที่กระทรวงในครั้งนี้ ส่งผลให้ DOGE ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการดูแลระบบดิจิทัลของรัฐบาล ขณะที่มัสก์พยายามลดขนาดองค์กร การสูญเสียผู้เชี่ยวชาญอาจส่งผลกระทบต่อบริการสาธารณะและโครงการเทคโนโลยีที่สำคัญ
นักวิจารณ์มองว่าแนวทาง “Move fast and break things” ของมัสก์ใช้ไม่ได้กับภาครัฐ เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาอาจส่งผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก