ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 5 เริ่มเปิดโครงการรับสมัครแล้ว ปีนี้ขอยกระดับมาตรฐานโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพของไทย ขึ้นเป็นเบอร์ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดรับสมัครกลุ่ม Global Expansion Track เฟ้นหาสตาร์ตอัพรุ่นเฮฟวี่เวท เข้าเวทีตลาดโลก พร้อมเปิดตัวพันธมิตรระดับเวิร์ดคลาสทั้ง Google Developers, Facebook และพันธมิตรนักลงทุนจากองค์กรใหญ่ หรือ CVC (Corporate Venture Capital)จากเมืองไทย ประกันชีวิต และ ไทยวา ที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากสตาร์ตอัพดีแทค แอคเซอเลอเรท มาช่วยผลักดันธุรกิจให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกันไปสู่ลูกค้า สังคม และประเทศชาติ เพื่อก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 นอกจากนี้ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 5 ยังคงอัดแน่น เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพของหลักสูตร การเป็นสตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จ จากกูรูสตาร์ตอัพระดับโลก มาเป็นโค้ชอย่างใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวกับสตาร์ตอัพ ที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ผสมผสานเข้ากับเมนเทอร์สตาร์ตอัพปรมาจารย์ระดับสุดยอด และเป็นที่ยอมรับในวงการสตาร์ตอัพไทย

 

นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล เห็นเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นก่อนใคร ตั้งแต่ปี 2013โดยการจัดตั้งบริษัท ดีแทค แอคเซอเลอเรท โครงการบ่มเพาะให้ความรู้และป้อนสตาร์ตอัพสู่ตลาดโลก ดีแทค แอคเซอเลอเรทในปีที่เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง และมีความหมายต่อดีแทค ที่จะขับเคลื่อนให้ดีแทคบรรลุเป้าหมายในการเป็นดิจิทัลแบรนด์อันดับ 1 ของไทย ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่เชื่อมต่อไปถึงลูกค้าดีแทค 25 ล้านรายในไทย ในช่วง ปีที่ผ่านมา มีสตาร์ตอัพกว่า1,000 รายสมัครเข้ามาและเราได้คัดเลือก 21 ทีมเข้าสู่โครงการ โดยทั้ง 21 ทีม ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึงกว่า 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา สร้างงานแล้วกว่า10,000 ตำแหน่ง และการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) แล้วกว่า150 ล้านบาท จากความสำเร็จของสตาร์ตอัพดีแทค แอคเซอเลอเรท สะท้อนให้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของสตาร์ตอัพ นั่นคือการscale-up หรือการเติบโต ที่ไม่ใช่โตแค่ปีละ 2 หลัก แต่โตเป็นหลายเท่าหรือ 3 หลัก นั่นเป็นเพราะการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการตอบโจทย์ลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กว้างขึ้น และเข้าถึงมากขึ้น โดยมีเป้าหมายของดีแทค แอคเซอเลอเรทในปี 2020 คือ

·      มูลค่าสตาร์ตอัพในโครงการจะมีมูลค่าถึง 5,000ล้านบาทหรือสามเท่าจากปัจจุบัน 

·      ก้าวสู่การเป็นผู้บ่มเพาะสตาร์ตอัพอันดับ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การสนับสนุน กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ เงินทุน การให้คำปรึกษา การอบรมจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก พื้นที่ทำงาน และการสนับสนุนด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ไปสู่กลุ่มลูกค้า

·      สตาร์ตอัพในโครงการจะได้ เข้าถึงลูกค้ากว่า 214 ล้านคนทั่วโลกในกลุ่มเทเลนอร์ ที่ดำเนินธุรกิจใน 13 ประเทศทั่วโลก

·      ดีแทคต้องการสร้างเทคยูนิคอร์น (tech unicorn) สัญชาติไทยหรือสตาร์ตอัพที่มีมูลค่ากว่า พันล้านดอลลาร์ขึ้นไป

นายแอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดิจิทัล บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด มหาชน หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทค แอคเซอเลอเรท เป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอันดับ 1 สิงคโปร์ และอันดับ 2อินโดนีเซีย ซึ่งวัดจากการได้รับเงินลงทุนต่อเนื่อง (Follow-on funding) 70% จากนักลงทุน มีมูลค่ารวมของ 21 บริษัทในโครงการ 1,700 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตถึง 500% ต่อปี และที่สำคัญคือ ความร่วมมือในการเป็น strategic partner ที่ดีแทคได้ร่วมกับสตาร์ตอัพในโครงการนำนวัตกรรมและส่งเสริมการทำตลาดของสตาร์ตอัพแต่ละบริษัทไปสู่ลูกค้าของดีแทค เช่น การนำเสนอแพ็กเกจสินค้าและบริการของSkootar, Fastwork, GizTix ไปสู่ลูกค้า SMEs ของดีแทค การเสนอส่วนลดและมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า ดีแทค รีวอร์ด และบลูเมมเบอร์ จากFabbrigade, Piggipo, Skootarมอบส่วนลดพิเศษจาก Take Me Tour ให้กับนักท่องเที่ยวที่ใช้ ดีแทค ทัวริสต์ซิม ผ่านช่องทางออนไลน์ และการจองตั๋วท่องเที่ยวเดินทางในไทย จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการลงทุนจากFinnomena ให้กับกลุ่มลูกค้าดีแทคบลู เมมเบอร์ เป็นต้น 

ในปีที่ผ่านมาดีแทค แอคเซอเลอเรท ยังได้นำโมเดลโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพ ไปเป็นแม่แบบให้กับบริษัทในกลุ่มเทเลนอร์ อีก 7ประเทศคือ มาเลเซีย เมียนมา บังคลาเทศ ปากีสถาน ฮังการี เซอร์เบีย และนอร์เวย์ และสนับสนุนการสร้างจิตวิญญาณของความเป็นสตาร์ตอัพในหมู่พนักงาน โดยการขับเคลื่อนให้เกิดความรู้สึกเป็น ผู้ประกอบการภายใน(Intrapreneur)’ ด้วยโปรแกรม“Telenor Ignite Incubator”ชวนพนักงานสร้างนวัตกรรมในรูปแบบเดียวกับดีแทค แอคเซอเลอเรท ซึ่งทีมดีลส์ทูโก (Dealstogo)ตัวแทนของประเทศไทยจากบรรดาหลากหลายไอเดียที่ยอดเยี่ยม ได้รับรางวัลชนะเลิศจากงานDemo Day Ignite Incubator ที่จัดที่เทเลนอร์ด้วย

นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า ปีนี้มีการตื่นตัวของหลายธุรกิจในการนำเทคโนโลยี และสตาร์ตอัพมาต่อยอด ในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการในรูปแบบดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งสถาบันการเงิน ธนาคาร ประกันภัย บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ต่างก็มองหาสตาร์ตอัพมาเป็นพันธมิตร ซึ่งสตาร์ตอัพจากดีแทค แอคเซอเลอเรท ก็ได้รับเลือกจาก ยักษ์ใหญ่ของวงการประกันภัย บริษัทเมืองไทย ประกันชีวิต ลงทุนใน Health at Homeและบริษัทไทยวา ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังรายใหญ่ของไทย ลงทุนในFreshket นับเป็นความภาคภูมิใจของดีแทค ในเวลาเพียง 4 ปี ที่ผ่านมาเราได้รับการยอมรับจากองค์กรใหญ่ในการลงทุนเป็น Corporate Venture Capital พร้อมๆกันถึง 2ราย นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรทางด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยสนับสนุนทางด้านซอฟแวร์และโปรแกรมเมอร์ในการทำงาน อาทิ Google Developers, Facebook, IBM, Microsoft, AWS, และพันธมิตรด้านอื่นๆอาทิเช่น TechSauce, Getlinks, Lean in, Pheromone, Redlab และอื่นๆอีกมากมาย

 

ปีนี้ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch ได้ยกระดับมาตรฐานการเฟ้นหาสตาร์ตอัพให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก โดยเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจ 3 กลุ่มคือ กลุ่มแรก Incubation Track ที่มีไอเดียแล้วแต่ยังไม่มีผลงาน มีแผนโมเดลธุรกิจ มีทีมงานที่มี Passion ที่จะสร้างสรรค์ผลงานให้สำเร็จ กลุ่มที่สอง กลุ่ม Acceleration Track มีผลงานและเริ่มมีโมเดลทางธุรกิจที่ชัดเจน แต่ต้องการปรับปรุง พัฒนาและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เติบโตมากขึ้นแบบก้าวกระโดด และกลุ่มที่สาม คือ Global Expansion Track สตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จแล้ว และอยากขยายตลาดไปในระดับภูมิภาคจนถึงระดับโลก โดยใช้เกณฑ์ในการคัดเลือกสตาร์ตอัพเข้าโครงการ จากอะไรก็ตามที่ผ่านมือถือ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตและอะไรก็ได้ที่ว้าว(Anything Mobile, Anything Internet, Anything Awesome)”

 

ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch 5เปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันนี้  31มีนาคม 2560 ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานนำเสนอแนวคิด หรือเข้ามาดูรายละเอียดและกรอกใบสมัครได้ที่ http://accelerate.dtac.co.th/พบกิจกรรมพิเศษ Pitch Clinic ให้คำแนะนำในการเตรียม proposal ในวันที่ 25 มีนาคม 2560  โดยจะมีการคัดเลือกผลงาน 20 ทีมที่ผ่านรอบแรก ในวันที่ 11 เมษายน 2560หลังจากนั้นจัดนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการเพื่อคัดทีมที่ได้เข้าสู่ Intensive Bootcamp (Pitch day)  ในวันที่ 24  เมษายน2560 และจะเริ่มคอร์สอบรมIntensive Bootcamp ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2560 และนำเสนอผลงานรอบสุดท้ายประกาศผลในวัน Demo day ในเดือนสิงหาคมนี้