เกิดความวุ่นวายขึ้นตามเมืองใหญ่ๆในทวีปยุโรป เนื่องมาจากกลุ่มคนขับรถแท็กซี่ไม่พอใจแอพพลิเคชั่นให้บริการพาหนะรับ-ส่ง อย่าง Uber ที่ดูเหมือนจะเข้ามาแย่งลูกค้าของพวกเขา
กลุ่มคนขับแท็กซี่ในเมืองใหญ่ๆในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ลอนดอน , ปารีส , มิลาน , เบอร์ลิน และ มาดริด รวมตัวกันประท้วงด้วยการปิดถนน ทำให้การจราจรในเมืองใหญ่ๆดังกล่าวเป็นอัมพาต
ต้นเหตุของการรวมตัวกันประท้วงของกลุ่มคนขับแท็กซี่ครั้งนี้ เพราะไม่พอใจและต่อต้านแอพฯให้บริการเรียกพาหนะส่วนตัวหรือแท็กซี่อย่าง Uber ที่เข้ามาแย่งลูกค้าของพวกเขา
นอกจากนี้กลุ่มคนขับแท็กซี่ที่ออกมาประท้วงยังกล่าวหา แท็กซี่ป้ายดำ หรือ รถรับจ้างเอกชนที่รับงานต่อจาก Uber ว่าเป็น “แก๊งโจร” ที่ไม่ต้องทำการแจ้งรายได้ และ ไม่ต้องเสียภาษีให้ถูกต้อง จึงประท้วงเพื่อให้รัฐบาลออกมาแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้
กลุ่มผู้ประท้วงมองว่าแอพฯ Uber นั้นเป็นของบริษัทอเมริกัน และมีพวกกลุ่มนายทุนใหญ่เงินหนาสนับสนุนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Goldman Sachs และ Google
ด้วยการให้บริการของแอพฯ Uber นั้น ผู้ใช้งานสามารถทำการจองรถผ่านแอพฯ และสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทางผ่านแอพฯได้เลย ส่วนด้านคนขับของ Uber จะรับเงินจากบริษัท Uber อีกทีนึง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ผู้ประท้วงสงสัยว่า กลุ่มคนขับรถของ Uber นั้นได้เสียภาษีในยุโรปถูกต้องแล้วหรือไม่ ?
ทางด้านกรมขนส่งของกรุงลอนดอน (Transport for London, TfL) ก็ออกมาชี้แจงกรณีนี้ให้กลุ่มผู้ประท้วงในกรุงลอนดอนทราบว่า หากดูตามกฏแล้ว Uber เองก็ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับของกรมขนส่งแต่อย่างใด ดังนั้น การออกมาประท้วงครั้งนี้ จึงอาจเปล่าประโยชน์ได้
อีกอย่างการตีความเรื่องการให้บริการของ Uber นั้น ก็อยู่เหนืออำนาจการควบคุมของกรมขนส่งด้วย หากผู้ประท้วงจะร้องเรียน คงจะต้องพึ่งพาชั้นศาลเท่านั้น