เมื่อคืนวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เป็นคิวของชาว Android และ Google ที่จะได้รับฟังเทคโนโลยีและทิศทางใหม่ๆ ที่ Google จะนำเสนอในงาน I/O 2014 หลังจากที่แอปเปิ้ลนำร่องไปในงาน WWDC 2014 เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาไปแล้ว
หลังจาก Android 4.4 KitKat ออกมานานมากพอสมควร ในงานนี้ก็มีการ(แง้ม)เปิดตัว Android รุ่นใหม่ ที่ยังมีแต่ codename ที่ไม่ต้องบอกก็ได้ เพราะมันก็เป็นตัวอักษรตัวถัดไป คือ L
Feature เด่น ๆ ใน Android L (ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นเวอร์ชัน 4.5, 5.0 หรือเลขอื่น) เปิดตัว เช่น
- การปลดล็อกหน้าจอโดยไม่ต้องใส่รหัส แต่ใช้การปลดล็อกอัตโนมัติ ด้วยการอยู่ในสถานที่ที่ตั้งค่าไว้, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ bluetooth ที่กำหนดไว้ หรือการใช้เสียงเจ้าของเครื่องปลดล็อกได้
- การเขียนแอปแปลงให้ Smart phone เป็นเสมือน wearable computer และนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ bluetooth อื่น ๆ เพิ่มความสามารถได้ เช่น เครื่องนับก้าวเดิน, heart rate, เครื่องวัดต่าง ๆ ในการออกกำลังกาย หรือแม้แต่ทางการแพทย์ อย่างเครื่องวัดความดัน คลื่นหัวใจ ฯลฯ
- รองรับการทำงานด้านเครือข่ายและอินเทอร์เน็ตทั้ง Cellular, WiFi, Bluetooth ไปพร้อม ๆ กันได้ แม้จะเน้นการใช้อินเทอร์เน็ตด้วย WiFi แต่ก็มีการต่อฝั่ง Cellular ด้วย ทำให้บริการของค่ายมือถือที่มักต้องใช้งานด้วยการเชื่อมต่อผ่าน Cellular เท่านั้น กลับมาใช้งานได้ (และไม่เปลือง data ด้วย)
- ออก API กล้องชุดใหม่ ที่สามารถบังคับให้ถ่ายภาพ RAW ได้สูงสุดตามที่เซ็นเซอร์กล้องมีถึง และควบคุมการถ่ายภาพได้แบบ manual มาก ๆ (รูรับแสง, ความไวแสง, ระยะเวลาชัตเตอร์ และอะไรที่ advance อีกมาก ดั่ง DSLR)
- ฝั่งเกมก็มีการรองรับ service มากขึ้น โมดูลเซฟเกม, เควส, achievement และ profile ของเรา
- ฝั่งนักพัฒนาก็ต้องเฮด้วยการทำให้ Android ใช้งานได้บนทุกหน้าจอ และทุกแพลตฟอร์ม (mobile, desktop, web) โดยเน้นที่เครื่องมือการออกแบบของนักพัฒนา
- รองรับ 64-bit, การแสดงผล 3 มิติเต็มรูปแบบ, แอนิเมชันหน้าจอระดับ 60 เฟรม/วินาที, เพิ่มข้อมูลใน notification centre ให้คล้าย Google Now, รองรับกราฟิกความละเอียดสูง, เพิ่มฟีเชอร์ควบคุมการใช้แบตเตอรี่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, มีระบบกันมัลแวร์ในตัว พร้อมตัวตั้งค่าควบคุม และอื่น ๆ อีกมากมาย
- ในส่วนแกนระบบปฏิบัติการ มีการเปลี่ยนมาใช้ run-time ตัวใหม่ ชื่อ ART (แทน Dalvik) ทำให้รองรับสถาปัตยกรรม CPU ทั้ง ARM, x86 และ MIPS // รองรับเทคโนโลยีการประมวลผลแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (สามารถคิดประมวลผลสิ่งที่เราน่าจะทำล่วงหน้าได้ด้วย (ahead of time)) // และด้วยความที่ยืนพื้นบน 64-bit ทำให้รองรับ RAM และฮาร์ดแวร์ได้มากขึ้น
- และแน่นอนว่ามีการเตรียมรองรับ service ของ Android Wear อย่างเต็มตัวด้วย
นอกจากนี้มีการคาดการณ์กันว่า Android L นี้ จะใช้ชื่อว่า Lollipop บ้าง Lemon (Meringue) Pie บ้าง แต่ทีมสำลักข้อมูลอยากให้ชื่อ Lava Cake มากกว่านะ
ที่มา: Theverge