ช่วงนี้ประเด็นเรื่องภาพหลุดจาก iCloud ของเหล่าดาราเซเลบ ถือว่าเป็น 1 ในสิ่งที่ทุก ๆ ท่านไม่ควรมองข้าม เนื่องจากปัญหานี้ Apple ได้ออกมาเผยว่าแท้จริงแล้ว ปัญหานี้อาจเกิดจากการตั้ง Password ให้สามารถเดาได้ง่ายจนเกินไป ทำให้เหล่า Hacker ทั่วไปสามารถทำการโจรกรรมข้อมูลออกมาได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งเรื่องนี้ดู ๆ ไปคุณอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเราเท่าใดนัก แต่จริง ๆ แล้วต่อให้ไม่ใช่เหล่าเซเลบ แต่ถ้าบัญชีออนไลน์ต่าง ๆ เช่น E-mail หรือ User ตาม Website ที่เราได้เข้าไปใช้งานถูกโจรกรรมไป เราอาจจะกลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เช่น ถ้าเราเกิดเจอผู้ขโมยอมยิ้มพันทิปแล้วเอาไปสร้างเรื่องดราม่าขึ้นมาแล้วโดนเหล่านักสืบพันทิปไล่รื้อประวัติขึ้นมา เราอาจจะกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนก็เป็นได้ (ในทางที่ไม่ดีเท่าไรนัก) หรือถ้าเราถูกขโมย E-mail แล้วเอาไปใช้ในการสร้าง E-mail Scam ต่าง ๆ เผยแพร่ออกไป คุณอาจจะโดนแบน E-mail แบบงง ๆ ก็เป็นได้ !!
ที่มาของภาพ: markosun.wordpress.com
ดังนั้น ทางแบไต๋จึงมีวิธีการป้องกันการสร้าง Password ไม่ให้ถูก Hack และสามารถจดจำได้อย่างไม่ยากเย็นนักมาให้ท่าน 3 วิธีด้วยกัน
1. ตั้งรหัสผ่านไม่ให้ง่ายเกินไป และไม่เป็นคำใน Dictionary เพราะเหล่า Hacker จะมีข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งเขาจะใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาทีในการ Hack ข้อมูลของคุณ ดังนั้นคุณควรจะตั้งรหัสผ่านที่อาจจะฟังดูง่ายสำหรับเรา แต่โอกาส Hack ได้น้อยเช่น สมมุติที่บ้านเรามีสุนัข 1 ตัว แมว 1 ตัว เราก็อาจจะใช้อักษรตัวหน้าของสัตว์เลี้ยงทั้ง 2 ตัวผสมกับตัวเลข(อาจจะวันเดือนปีเกิด) และอักษรตัวเล็กผสมกับตัวใหญ่ เช่น Dog01012530cat2 หรือ cat2Dog1 และเรายังสามารถใช้ชื่อไทยมาพิมพ์แป้นอังกฤษเพื่อให้การเดารหัสผ่านทำได้อย่างยากลำบาก เป็นต้น และที่สำคัญ!! แต่ละเว็บไซด์ควรตั้งรหัสผ่านไม่ให้ซ้ำกันเพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลทั้งหมดในทีเดียว โดยเราอาจจะใช้บริการเว็บ LastPass เพื่อช่วยในการจำส่วนที่เหลือก็สามารถทำได้เช่นกัน
ที่มาของภาพ: lastpass.com
2. ใส่ใจเรื่องระบบรีเซ็ตรหัสผ่าน ตรวจดูข้อมูลเมลสำหรับ reset รหัสว่าถูกต้อง ตรวจคำถาม-คำตอบสำหรับรีเซ็ตไว้
ที่มาของภาพ: confidenttechnologies.com
3. เริ่มใช้ 2-Factor Authentication หรือการสร้างรหัสผ่าน 2 ชั้น โดยจะเป็นการป้องกัน 2 ชั้นตามชื่อ คือ
ที่มาของภาพ: www.hkma.gov.hk
- ชั้นแรกคือ Password ปกติของเราที่ใช้อยู่เป็นประจำ
- ส่วนชั้นที่ 2 จะเป็นสิ่งที่เราต้องพกติดตัวมาด้วยเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่ง ณ ปัจจุบัน Website หลาย ๆ ที่จะใช้การยืนยันผ่านระบบมือถือของคุณ เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง (และป้องกันให้เราไม่ลืมมือถือทิ้งไว้อีกด้วย !!)
ที่มา: google.com
***และที่สำคัญ !! ขอเน้นย้ำว่าห้ามจดลงในกระดาษ Post-it แล้วแปะบนหน้าจอของท่าน เพราะต่อให้ท่านตั้ง Password ยาวมากกว่า 50 ตัวอักษร ท่านก็จะถูก Hack ได้ด้วยการถ่ายรูปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง !!
ภาพต้นฉบับ: blogs.independent.co.uk
สิ่งที่เราได้แนะนำมานั้น ท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับ Password ของท่านเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่ท่านเก็บรักษาไว้หรือข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เช่นภาพ หรือคลิป หลุดไปสู่สายตาคนทั่วโลก เพราะสมัยนี้ถ้าหากมีอะไรหลุดออกไปแล้วนั้น บอกได้เลยว่าท่านจะแทบไม่มีโอกาสลบทิ้งออกไปทั้งหมดได้อีกเลย เราจึงควรที่จะป้องกันไว้ดีกว่ามานั่งเสียใจภายหลังครับ