ท่ามกลางวิกฤตจาก COVID-19 ที่ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 684,000 คน และเสียชีวิตกว่า 32,000 คน สหรัฐอเมริกากำลังชุลมุนเมื่อมียอดผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกกว่า 12,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คน ซึ่งทุกภาคส่วนในสหรัฐฯ ต่างช่วยกันรับมือให้พ้นจากวิกฤตครั้งนี้
ส่วนเกาหลีใต้ก็ยังไม่ทันได้หายเหนือยหลังจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 มากที่สุดในเอเชียนอกจากแหล่งกำเนิดประเทศจีน ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 9,500 คน เสียชีวิต 152 คน และมีอัตราผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันราว 100 คน ซึ่งลดลงจากที่เคยสูงสุดมากกว่า 800 คน
ปีนี้เกาหลีเหนือได้เริ่มปล่อยจรวดขีปนาวุธในเดือนมีนาคมที่ทั่วโลกต่างรับมือกับวิกฤต COVID-19 ถึง 4 ครั้งภายในเดือนเดียว ซึ่งวันที่ 2 และ 9 มีนาคมได้ปล่อยจรวดขีปนาวุธขนาดใหญ่พิเศษ และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 21 มีนาคมได้ปล่อยจะจรวดขีปนาวุธที่มีการปรับปรุงมาจาก ATACMS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่ยิงจากภาคพื้นดินไปยังภาคพื้นดินในระยะทางมากกว่า 160 กม.
เช้าอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกไปยังทะเลตะวันออก ซึ่งเป็นการทดสอบอาวุธครั้งที่ 4 ในปีนี้ทั้งหมดในเดือนมีนาคมของเกาหลีเหนือ ซึ่งคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดกิจการทางทหารที่ไม่เหมาะสมท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจาก Wonsan บนชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือพุ่งออกไปราว 230 กิโลเมตร และไปถึงระดับความสูงสูงสุดที่ 30 กิโลเมตร หลังจากนั้นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ของเกาหลีใต้ได้จัดการประชุมทางวิดีโอเป็นการฉุกเฉิน
ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นกล่าวว่าการทดสอบขีปนาวุธเป็นหลักฐานที่แสดงความมุ่งมั่นต่อภารกิจของเกาหลีเหนือและครั้งนี้เกาหลีเหนืออาจจะใช้ขีปนาวุธนำวิถีรุ่นใหม่เป็นอาวุธที่เตรียมความพร้อมในการรบน้อยที่สุด (ไม่ต้องมีทหาร เรือรบ และเครื่องบินสนับสนุนก็ถล่มประเทศเป้าหมายได้) ในบรรดาอาวุธทั้ง 4 ชุดที่ยิงในระยะสั้นซึ่งได้ยิงสาธิตเมื่อปีที่แล้ว
Shin Jong-woo นักวิจัยอาวุโสของสภาการป้องกันและความมั่นคงเกาหลีใต้กล่าวว่าเกาหลีเหนือกำลังบอกว่าจะดำเนินการพัฒนาอาวุธ ขีปนาวุธหรือจรวดตามปกติไม่ว่าสถาพแวดล้อมโดยรอบของประเทศหรือโลกจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
Kim Dong-yub นักวิเคราะห์จากสถาบันการศึกษาตะวันออกไกลของกรุงโซลกล่าวว่าเกาหลีเหนือได้ดำเนินการสร้างขีปนาวุธนำวิถีแข่งกับรุ่น Iskander ของรัสเซียด้วยบรรดาอาวุธที่สาธิตให้เห็นเมื่อปีที่แล้ว และในแง่ของความพร้อมในการต่อสู้ จรวดขนาดใหญ่พิเศษจะสามารถใช้งานได้กับ ATACMS ที่ดัดแปลงโดยเกาหลีเหนือที่จะออกมาในลำดับถัดไปเร็ว ๆ นี้ และขีปนาวุธนำวิถีตัวใหม่ที่ยิงเมื่อวันอาทิตย์จะเป็นอาวุธที่เตรียมความพร้อมในการรบน้อยที่สุด สิ่งที่ประหลาดใจคือดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือจะแสดงอาวุธครบชุดเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา
เมื่อวันอาทิตย์เครื่องบินสอดแนมของสหรัฐฯ ได้บินไปเกาหลีใต้เพื่อติดตามการยิงขีปนาวุธนำวิถีของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีการตรวจพบ EP-3E ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เหนือท้องฟ้าของเกาหลีใต้ที่ระยะ 8,000 เมตร
ที่มา : koreaherald โดย Choi Si-young
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส