จากข่าวที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในสหรัฐฯ เมื่อนักการเมืองบางกลุ่มออกมาตำหนิ ทรัมป์ และทีมบริหาร ที่พยายามเบี่ยงประเด็นความสนใจของผู้คนในสังคม จากประเด็นเรื่องการบริหารจัดการสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่ดูเหมือนผิดพลาดล้มเหลว

ด้วยการนำประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศมาเกี่ยวข้อง โดยพยายามกล่าวหาจีน ว่าเป็นต้นเหตุของความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น จากการปล่อยให้เชื้อแพร่ระบาด และถึงขั้นพยายามกดดันให้จีน “ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส”  ด้วยการปฏิเสธที่จะชำระหนี้ให้กับจีน และอ้างว่าเป็นมาตรการตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยมีสมาชิกพรรคริพับลิกันบางคน รวมถึง ส.ส.ลินด์เซย์ เกรแฮม เสนอให้สหรัฐฯ ปฏิเสธการจ่ายเงินพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1.09 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ที่ถือโดยกระทรวงการคลังของจีน

ทั้งนี้ความพยายามของทรัมป์ และที่ปรึกษาชั้นนำของเขาในการรีบออกมายกเลิกแนวคิดดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของเสียงคัดค้านของนักเศรษฐศาสตร์ และหน่วยงานต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแสดงความกังวลในเรื่องนี้ โดยมองว่าการทำเช่นนั้น อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่ ที่สร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลทำให้มูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลง และอาจทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเงินทั่วโลกตามมา

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจยังมองว่าข้อเสนอแนะให้ “ผิดนัดชำระหนี้” ของนักการเมืองสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตัวเองในการรับมือกับปัญหาวิกฤต COVID-19

และข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ คือประเทศจีนไม่ได้เป็นเจ้าของหนี้ของสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว ดังนั้นผลกระทบที่เกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ อาจทำให้เกิดความกังวลในหมู่เจ้าหนี้รายอื่น เช่น ญี่ปุ่น และเยอรมนี ฯลฯ

นี่คือสาเหตุที่ทรัมป์ และทีมที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ รีบออกมาเปลี่ยนท่าที เพราะจากคำถามที่สื่อถามว่า สหรัฐฯจะปฏิเสธการชำระหนี้ให้กับจีนหรือไม่นั้น

ทรัมป์กล่าวว่า “มันเป็นเพียงแผนการณ์คร่าวๆ” ซึ่งเขา “อาจไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดขึ้น” เพียงแต่ต้องการออกมาปกป้อง “ศักดิ์ศรีหรือความน่าเชื่อถือของเงินดอลลาร์” เท่านั้น

Trump Reopen Lockdown Theatre Covid-19

Trump Reopen Lockdown Theatre Covid-19

คำตอบนี้สะท้อนให้เห็นว่าทรัมป์ อาจกำลังนึกถึงผลดีผลเสีย ที่อาจตามมาจากการขายพันธบัตร รวมถึงความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ลดลง และในทางกลับกันจะเป็นการทำให้เงินหยวนมีค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นแน่ๆ

จากประเด็นเรื่องการรับมือสถานการณ์ไวรัส ลามไปถึงประเด็นเรื่องการขู่ฟ้อง โยนความผิด จนลุกลามไปถึงเรื่องการสูญเสียอำนาจของเงินดอลลาร์ หากเลือกใช้วิธีที่ผิดพลาด จะเป็นตัวเร่ง และแรงเหวี่ยงครั้งสำคัญในการพิสูจน์ภาวะผู้นำ และความสามารถของทรัมป์ ในการจัดการรับมือกับปัญหาหลายอย่าง ที่อาจส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของเขาในการเลือกตั้งครั้งถัดไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 ที่จะถึงนี้.

ที่มา: Globaltimes, NTD

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส