ในช่วงนี้ประธานาธิบดี Donald Trump ได้พาตัวเองเข้ามาอยู่ในกระแสด้วยหลาย ๆ เหตุการณ์ ทั้งการพาประเทศฝ่าวิกฤตสถานการณ์โควิด-19 การตอบโต้กับทวิตเตอร์ที่มีข่าวว่า เข้าไปตรวจสอบข้อมูลการทวีตของเขาซึ่งทำให้ Trump ไม่พอใจ ล่าสุดก็มีอีกประเด็นร้อนที่กลายเป็น “สงครามผิวสีครั้งใหม่” ระหว่างอเมริกันชนฝั่งผิวขาวและฝั่งแอฟริกัน-อเมริกันหรือฝั่งผิวสี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า Trump ค่อนข้างจะสนับสนุนท่าทีของฝั่งแรกมากกว่านับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งและออกนโยบายหลายอย่างเพื่อกีดกันกลุ่มชาวต่างด้าวหรือต่างเชื้อชาติกับอเมริกันแท้ ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ก็ชวนให้อดคิดไม่ได้ว่า Trump กำลังเรียกคะแนนจากฐานเสียงพลเมืองอเมริกันที่นิยมความคิดสุดขั้วอยู่หรือเปล่า?
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา George Floyd วัย 46 ปี จบชีวิตลงจากการกระทำเกินกว่าเหตุของอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ Derek Chauvin วัย 44 ปี ต่อมาเขาถูกให้ออกจากราชการในวันรุ่งขึ้น (26 พฤษภาคม) และถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยประมาทจากอัยการเขตเฮนเนพิน โดยมีการออกหมายจับอดีตนายตำรวจอีก 3 คนที่ร่วมในเหตุการณ์ด้วยได้แก่ J. Alexander Kueng , Tou Thao ตำรวจอเมริกันเชื้อสายม้ง และ Thomas Lane เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม Chauvin เตรียมขึ้นศาลเมืองมินนีแอโปลิสในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายนนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังได้เรียกร้องให้ทางการดำเนินคดีทางกฎหมายกับอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องอีก 3 นายเพิ่มเติมอีกด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าสาเหตุการเสียชีวิตของ Floyd เกิดจากการขาดอากาศหายใจหรือไม่ โดยคาดว่าสาเหตุหลักมาจากปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับโรคหัวใจของเขา
George Floyd เป็นคุณพ่อลูกสอง เกิดและโตที่รัฐเท็กซัส เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เอแอนด์ไอ และเป็นทีมนักบาสเก็ตบอลมือดีของมหาวิทยาลัย ด้วยความสูง 200 ซม. ทำให้เพื่อน ๆ เรียกเขาว่า “บิ๊กฟลอยด์” เคยถูกจับในข้อหาปล้นทรัพย์ และในปี 2009 เขาถูกตัดสินจำคุก 5 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาในปี 2014 Floyd ก็ย้ายจากรัฐเท็กซัสมาอยู่ที่เมืองมินนีแอโปลีส รัฐมินนิโซตา เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาทำงานถึง 2 อย่างในเวลาเดียวกันทั้งขับรถบรรทุกและเป็นการ์ดของบาร์แห่งหนึ่ง แต่เมื่อเกิดสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด Floyd ก็ตกงาน
Floyd ถูก (อดีต) เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายควบคุมตัว หลังได้รับแจ้งว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ธนบัตรปลอมในการซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เขาถูกกดให้ร่างกายแนบกับพื้นถนน Chauvin ใช้เข่ากดต้นคอของ Floyd นานหลายนาทีจนเขาหมดสติไป ก่อนที่จะเสียชีวิตขณะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นกรณีเกินกว่าเหตุเพราะ Floyd ถูกจับโดยปราศจากอาวุธ และคดีใช้ธนบัตรปลอมเป็นความผิดที่ไม่รุนแรงขนาดจะต้องใช้กำลังเข้าจับกุม แถม Chauvin ยังไม่ฟังเสียงร้องขอชีวิต “ได้โปรดเถอะ ผมหายใจไม่ออกแล้ว” ถึง 11 ครั้งของ Floyd ก่อนจะสิ้นสติไป คนที่เดินผ่านไปมาได้หยุดดูเหตุการณ์และถ่ายคลิปเอาไว้ พวกเขาพยายามบอกตำรวจว่าฟลอยด์กำลังจะตาย เลิกกดคอเขาไว้ได้แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล
ต่อมามีรายงานตามออกมาว่า Kellie Chauvin ภรรยาของ Derek Chauvin ได้ทำการปรึกษากับทนายความเพื่อยื่นเรื่องฟ้องหย่า หลังจากที่เขาถูกจับกุมตัวในข้อหาฆาตกรรม เพราะรับไม่ได้กับการกระทำที่เขาใช้ความรุนแรงกับเหยื่อความรุนแรงจนเสียชีวิต “ในฐานะที่ผมเป็นทนาย ผมได้พูดคุยกับ Kellie และครอบครัวของเธอ เกี่ยวกับการตัดสินใจยุติชีวิตแต่งงานกับ Derek ในขณะที่เธอไม่ได้มีลูกกับเขา ในตอนนี้ เธอพยายามร้องขอความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูก ๆ (ลูกติดจากสามีเก่า) รวมถึงคนในครอบครัวคนอื่น ๆ สำหรับช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้” การที่ทนายออกมากล่าวเช่นนี้ เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มผู้ประท้วงพากันไปที่บ้านของ Derek เพื่อข่มขู่ครอบครัว จนตำรวจต้องรีบยกกำลังไปรักษาความปลอดภัย
ชนวนความอยุติธรรมครั้งใหม่จากความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐต่อพลเมืองผิวสี ก่อให้เกิดเหตุจลาจลในสหรัฐฯ อย่างน้อย 25 เมืองแล้วจนถึงขณะนี้ และใน 16 รัฐได้มีการประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่ร้อนระอุตลอดทั้งสัปดาห์ และมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในสัปดาห์หน้า นายกเทศมนตรีเมืองลอสแอนเจลิสและอีกหลายเมืองได้ประกาศขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวให้พลเมืองอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย ตั้งแต่เวลา 20.00-05.30 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา และอาจจะขยายเวลาออกไปอีก หากสถานการณ์โดยรวมยังคงบานปลายและยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงถึงเรื่องนี้ว่า เหตุประท้วงได้ทวีความรุนแรง กลายเป็นเหตุจลาจลที่มีการทำลายทรัพย์สิน วางเพลิงและปล้นสะดมเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงสนับสนุนสิทธิในการชุมนุม หากการชุมนุมนั้นเป็นไปอย่างสันติ
“การเสียชีวิตที่เกิดขึ้นในเมืองมินนีแอโปลิส เป็นสิ่งไม่ควรเกิดขึ้น การจากไปของเขาทำให้พลเมืองอเมริกันทั่วประเทศเต็มไปด้วยความหดหู่ ทั้งโกรธเเค้นและเศร้าใจ เรายังสนับสนุนการชุนนุมประท้วงอย่างสันติ และพร้อมรับฟังข้อเรียกร้องของพลเมือง แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่ในเมืองต่าง ๆ ตอนนี้ กลับเป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากสันติตามที่มีการเรียกร้องความยุติธรรมแต่อย่างใด”
ประธานาธิบดี Donald Trump
เหตุการณ์นี้จึงอาจมีประเด็นทางการเมืองซ่อนเร้นเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ใช้การตายของ George Floyd เป็นเชื้อไฟ อย่างที่เกิดขึ้นมาตลอดนับหลายร้อยปี ตั้งแต่เหตุสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้จวบจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยในสหรัฐฯ ที่ต้องจบชีวิตลงเพราะการถูกเลือกปฏิบัติและการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลายเป็นหนึ่งในประเด็นปัญหาที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมอเมริกันมาอย่างยาวนาน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส