หลังจากโลกของเราต้องเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 อย่างพร้อมหน้ากันทั่วโลกก้าวเข้าสู่เดือนที่ 6 แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะผ่อนคลายลงไปมาก ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ และกำลังจะปลดล็อกเฟสที่ 5 ในเร็ว ๆ นี้ แต่สถานการณ์ในต่างประเทศก็ยังรุนแรง โดย ณ ปัจจุบันวันที่รายงานนี้ (29 มิถุนายน) มีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 10 ล้านคน รักษาหายแล้วประมาณครึ่งหนึ่งคือ 5,500,000 คน และเสียชีวิตไปแล้วกว่า 500,000 รายทั่วโลก ใกล้จะแซงสถิติของผู้เสียชีวิตทั่วโลกตอนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดหมู H1N1 เมื่อปี 2009-2010
โดยสถิติสูงสุดของผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ที่มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 128,000 รายจากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมราว 2.6 ล้านคน รวมถึงยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ระดับเฉลี่ยวันละ 10,000 วัน สูงที่สุดในโลกสูสีกับประเทศอินเดีย (แต่ยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมน้อยกว่ามากที่ 16,757 ราย) ส่วนอันดับ 2 ที่จำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งสูงแซงหน้าสเปนและอิตาลี (ที่ก่อนหน้านี้ทำสถิติอยู่ใน 3 อันดับของประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดที่ตอนนี้ยอดต่าง ๆ นิ่งขึ้นมากแล้ว) ก็คือประเทศบราซิลที่มีผู้จำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่ราว 57,000 คน จากผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 1.3 ล้านคน โดยประเทศอินเดียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังพบการระบาดเพิ่มสูงขึ้น เมื่อร่วมกับสหรัฐฯ และบราซิล ทั้ง 3 ประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มรวมกันกว่า 90,000 คนภายในวันเดียว( ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ worldmeters)
ประธานาธิบดีบราซิล ถูกศาลสั่งให้สวมหน้ากากเมื่อออกที่สาธารณะ
สำหรับประเทศบราซิลที่ถูกจับตามองว่า มีการบริหารจัดการการรับมือสถานการณ์โควิดภายใต้การนำของ Jair Bolsonaro ประธานาธิบดีบราซิลที่ล้มเหลว ก็เกิดกรณีที่น่าสนใจขึ้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ผู้พิพากษาศาลสหพันธรัฐของบราซิล มีคำสั่งให้ประธานาธิบดีบราซิลสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องออกไปทำงานในพื้นที่สาธารณะ ตามกฎหมายของกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของประเทศ ที่กำหนดให้คนที่ออกนอกเคหะสถานต้องสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ที่ฝ่าฝืนจะได้รับโทษปรับต่อวันสูงถึง 2,000 เรอัลบราซิล หรือราว ๆ 12,000 บาท
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา Jair Bolsonaro แทบจะไม่เคยสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะเมื่อต้องพบปะกับผู้คน ทั้งที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศจะยังคงรุนแรง โดยผู้พิพากษาระบุว่า การกระทำของผู้นำบราซิลอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้นตามมา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ศาลเคยมีคำสั่งให้ผู้นำบราซิลตรวจหาเชื้อ ง 3 ครั้งเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ก่อนผลการตรวจจะเป็นลบทั้ง 3 ครั้ง กรณีนี้ได้รับยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดของศาลในประเทศบราซิล เมื่อเทียบกับการประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดี Alberto Fernández ของประเทศอาร์เจนตินา ที่ออกพบปะผู้คนโดยไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย
ทางการจีนตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18 รายใกล้เมืองปักกิ่ง
ส่วนในประเทศจีนที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดที่ต้องลุ้นว่าจะเกิดการระบาดรอบสองขึ้นมาอีกหรือไม่ หลังจากผ่อนคลายล็อกดาวน์ไปหลายเมืองแล้ว รายงานล่าสุดจาก CNN เปิดเผยว่า ทางการจีนได้ทำการล็อกดาวน์หมู่บ้าน ชุมชน และตึกอาคารทั้งหมดในเขตอันซิน มณฑลเหอเป่ย ซึ่งมีประชากรอาศัยราว 4 แสนคน ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงปักกิ่งอีกครั้ง หลังพบผู้ติดโควิด-19 รายใหม่ 18 ราย โดยประกาศของเจ้าหน้าที่ที่ออกเมื่อ 28 มิถุนายน อนุญาตให้แต่ละครอบครัวสามารถส่งสมาชิกออกนอกบ้านได้เพียงวันละ 1 คน เพื่อไปซื้ออาหารและห้ามประชาชนในพื้นที่ขับรถบนถนนด้วย
เมื่อราวสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทางการจีนได้ประกาศล็อกดาวน์ชุมชนที่อยู่อาศัยรอบตลาดค้าอาหารสดซินฟาตี้รวม 11 แห่ง ตอนที่มีกระแสข่าวว่า คนงานในตลาดอาจติดเชื้อจากการสัมผัสปลาแซลมอนที่มีการส่งมาจากประเทศนอร์เวย์ แต่ก็ยังไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันสมมติฐานนี้ ทางกรจีนได้ออกคำสั่งห้ามประชาชนในเขตน้ันเข้าหรือออกนอกเขตควบคุม จนถึงตอนนี้ รัฐบาลท้องถิ่นรายงานว่า มีประชาชนในปักกิ่งประมาณ 8 ล้านคนที่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแล้วหลังจากเกิดการระบาดรอบใหม่
ภาพถ่ายดาวเทียมเมืองอู่ฮั่น แสดงให้เห็นว่าเชื้ออาจเริ่มระบาดมาตั้งแต่สิงหาคมปี 2019
มีรายงานข่าวว่า การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่นของประเทศจีน อาจไม่ได้เริ่มต้นช่วงปลายเดือนธันวาคมอย่างที่เข้าใจกัน เมื่องานวิจัยชิ้นใหม่ได้วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของที่จอดรถของโรงพยาบาลในอู่ฮั่น และเทรนด์การค้นหาบนอินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นว่า เชื้ออาจเริ่มระบาดในเมืองจีนตั้งแต่เดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว โดยงานวิจัยจาก Harvard Medical School พบว่าในช่วงปลายฤดูร้อน หรือในช่วงเดือนกันยายนของปีที่แล้ว เริ่มมีการค้นหาในอินเตอร์เน็ตจากคำว่า “โรคระบาดในไบดู”
นอกจากนั้น โรงพยาบาลของโรงพยาบาลใหญ่ 5 แห่งของอู่ฮั่นก็มีจำนวนรถสูงขึ้นกว่าปกติ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 67% ทีมวิจัยนำโดย John Brownstein ยังระบุว่า ด้วยว่าจำนวนรถในช่วงเวลาเดือนกันยายนถึงตุลาคมของเมืองนี้มีมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ แต่ถึงอย่างนั้น งานวิจัยชิ้นนี้ก็ยังไม่ได้รับการตรวจทานผลงาน (peer-review) ตามหลักวิชาสถิติและการวิจัย แต่เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันในสำนักงานข่าวกรอง
ชาวเมียนมาร์ที่เดินทางกลับจากไทย 23 คน ตรวจพบเชื้อโควิด
ส่วนที่ใกล้บ้านเราอย่างประเทศเมียนมา เมื่อ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขและกีฬาของเมียนมา รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6 ราย หนึ่งในนั้นมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศไทย เป็นเด็กชายวัย 15 ปี จากเมือง Thayetchaung ในเขตตะนาวศรี ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย โดยเขาได้รับการกักตัวที่ศูนย์ดูแล Hpa-an ขณะที่อีก 5 รายมีประวัติการเดินทางกลับจากอินเดีย ในจำนวนนี้ 3 รายเป็นทหารในกองทัพ
ทางการเมียนมารายงานว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 เดือนครึ่ง ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ถึง 28 มิถุนายน เมียนมาตรวจพบผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศติดโควิด-19 แล้ว 113 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับเข้าประเทศมากที่สุด คือ จากประเทศอินเดียจำนวน 50 ราย รองลงมาก็คือประเทศไทย 23 ราย ซึ่งก่อให้เกิดคำถาม เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยแถลงว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศแล้ว ปัจจุบันเมียนมามีผู้ติดเชื้อสะสม 299 ราย รักษาหายแล้ว 218 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย และยังมีมาตรการขยายเวลาการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส