เป็นที่น่าเสียดายที่ Ladda Tammy Duckworth วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ เชื้อชาติไทยไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น “มือขวา” ของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต Joe Biden ซึ่งจะเข้าชิงชัยกับ Donald Trump ซึ่งจะกลับมารักษาตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองช่วงปลายปีนี้ Ladda Tammy เป็น 1 ใน 5 ของผู้แข่งขันในรอบสุดท้าย โดยอีก 4 คนนั้นเป็นแอฟริกัน-อเมริกันและ Ladda เป็นเชื้อสายเอเชีย สะท้อนให้เห็นแนวคิดของ Biden ว่าต้องการผู้ช่วยที่อาจได้กลายเป็นตำแหน่งรองประธานาธิบดี หากเขาได้รับคัดเลือก เป็น “ผู้หญิง” และ “ไม่ใช่เชื้อชาติอเมริกันผิวขาว” Biden ได้ให้เห็นผลไว้ด้วยว่าที่ไม่เลือก Ladda Tammy ก็เพราะว่าเธอไม่เหมาะสำหรับการจะเป็นรองประธานาธิบดีในตอนนี้
โดยผู้ที่ชนะใจ Biden ไปในที่สุดก็คือ Kamala Harris (ถ้าอ่านแบบภาษาไทยก็อาจอ่านชื่อเธอได้ว่า “กมลา”) วุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้ง Biden และ Kamala เคยเป็นตัวแทนในศึกชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเพื่อลงสมัครเป็นประธานาธิบดีปี 2019 และ Kamala Harris ก็ถูก Biden โจมตีอย่างหนักบนเวทีแสดงวิสัยทัศน์ในหลายครั้งจน Kamala Harris ก็ได้ประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขันไป แต่การเมืองก็คือการเมืองที่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เธอเคยอาจเป็นศัตรูที่กล้าแกร่งแต่วันนี้ก็สามารถกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังสำหรับพรรคและตัวเขาได้ด้วยเช่นกัน
Kamala Harris ซึ่งเป็นลูกครึ่งอินเดียและจาเมกา ถือเป็น “ตัวเลือก” ที่เหมาะสมลงตัวกับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ คือมีทั้งความเป็นเอเชียนและแอฟริกัน-อเมริกันภายในตัวคนเดียว และฐานเสียงฝั่งคนดำจากสถานการณ์ Black Lives Matter ไม่กี่เดือนก่อนที่มีผู้ออกมาประท้วงต่อต้าน Trump จำนวนมากซึ่งพร้อมจะสนับสนุน Biden ทันที รวมกับฐานเสียงคนผิวขาวที่มีอันจะกินที่เป็นฝั่งความคิดเสรีฐานเสียงของ Barack Obama ที่เบือนหน้าหนี Trump และพรรครีพับลิกันมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว
แม่ของ Kamala เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดียที่อพยพมาตั้งรกรากที่สหรัฐฯ ตั้งแต่เรียนปริญญาเอก ส่วนพ่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผิวดำจากจาเมกาที่อพยพมาใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่เรียนปริญญาโท ส่วน Kamala เคยทำงานเป็นผู้ช่วยอัยการเขตของซานฟรานซิสโก ก่อนที่เธอจะตัดสินใจลงเล่นการเมืองเอง และชนะเลือกตั้งจนได้เป็นอัยการประจำเขตซานฟรานซิสโกในปี 2003 และได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุดของมลรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2010 และสมาชิกวุฒิสภามลรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2016
Kamala นั้นอายุเพียง 55 ปี ซึ่งถือว่าอายุน้อยในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ยังมีโอกาสและเวลาเหลือสำหรับเธออีกเยอะ หากคิดจะลงสมัครเป็นตัวแทนเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในอีก 4 ปีข้างหน้าก็ทำได้ รวมถึง Joe Biden ก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้เช่นกันว่า ตำแหน่งรองประธานาธิบดีที่เขาเลือก Kamala มานั่งใน Running Mate ตอนนี้นั้นมีความสำคัญต่อตัวเขา พรรค และสหรัฐฯ เพราะด้วยวัย 77 ปีของ Biden เองก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันทางสุขภาพอันจะทำให้เขาเสียชีวิตหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีได้ ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ได้เปิดช่องไว้หลายเหตุหากเกิดเหตุที่ประธานาธิบดีทุพพลภาพ ก็จะส่งให้รองประธานาธิบดีกลายเป็นประธานาธิบดีทันที
ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงเพียง 2 คนที่เคยได้รับการเสนอชื่อเป็นมือขวาของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคือ Sarah Palin จากพรรครีพับลิกันในปี 2008 (คู่กับ John McCain) และ Geraldine Ferraro (คู่กับ Walter Mondale) ของพรรคเดโมแครตในปี 1984 ซึ่งทั้งคู่ไปไม่ถึงเส้นชัยในทำเนียบขาวทั้งคู่ ในโอกาสนี้ Sarah Palin ได้ให้คำแนะนำกับ Kamala ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่า
ขอแสดงความยินดีกับการได้รับเลือกจากพรรคเดโมแครต ก้าวข้าม Geraldine Ferraro และฉันไป ขอให้คุณต่อสู้ร่วมกันกับทีมของคุณ อย่าปิดปากเงียบกับความไม่ถูกต้อง และอย่าลืมผู้หญิงที่สู้กับอำนาจการเมืองมาก่อนคุณ”
อดีตประธานาธิบดี Barack Obama ได้ออกมาแสดงความเห็นทันทีว่า การตัดสินใจเลือก Kamala มาเป็นมือขวาของ Joe Baiden นั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกยิ่งกว่าถูก เขารู้จักกับเธอมาเป็นเวลานาน และรู้ว่าเธอยิ่งกว่าเตรียมตัวเพื่อมาทำหน้าที่นี้ในอนาคต เธอใช้เวลาตลอดมาในการเป็นนักการเมืองเพื่อ “ปกป้องรัฐธรรมนูญและประชาชน” ซึ่งสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากความสามารถของเธอ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส