เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 6 ม.ค. ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (07.00 น.ของวันที่ 7 ม.ค. ตามเวลาของประเทศไทย) เจ้าหน้าตำรวจ หน่วยรักษาความปลอดภัย และกองกำลังป้องกันตนเองของสหรัฐฯ เข้าควบคุมสถานการณ์และพื้นที่โดยรอบตึกรัฐสภาสหรัฐ ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบและมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 1 รายจากการถูกเจ้าหน้าที่ยิง
ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ดี.ซี. ประกาศใช้เคอร์ฟิวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และสั่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐฯ เข้าควบคุมรัฐสภาสหรัฐ ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากผู้สนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐ Trump ซึ่งรวมตัวประท้วงด้านหน้าตึกรัฐสภาสหรัฐเป็นจำนวนมาก จากนั้นพวกเขาได้บุกเข้าไปภายในห้องประชุมใหญ่ภายในตึกรัฐสภาสหรัฐ ขณะที่การประชุมของวุฒิสมาชิกกำลังดำเนินอยู่เพื่อลงมติรับรองผลการเลือกตั้งของ Joe Biden
บรรดาวุฒิสมาชิกและเจ้าหน้าที่รัฐสภาสหรัฐพยายามปิดล็อกประตูทางเข้าสู่ห้องประชุมใหญ่ แต่ไม่สามารถต้านทานกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมากที่พยายามเข้ามาไปในรัฐสภา กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปได้สำเร็จ ทำให้วุฒิสมาชิกและเจ้าหน้าที่รัฐสภาต้องหนีเอาตัวรอด ขณะนี้ Trump ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่เขาปลุกระดมมาตั้งแต่แรก ยุติการกระทำ แต่ก็ยังย้ำว่า เขาถูกโกงการเลือกตั้ง และปิดท้ายด้วยการชื่นชมกลุ่มผู้สนับสนุนว่าเป็น “คนพิเศษ” ขณะ Joe Biden ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการจลาจล
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์บุกยึดตึกรัฐสภาสหรัฐนั้น เมื่อเวลา 12.01 น. ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (ตรง เวลา 00.01 น. ของวันที่ 7 ม.ค. ของประเทศไทย) กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐ ได้รวมตัวกันอยู่ด้านหน้าทำเนียบขาว ตรงบริเวณลานสวนสาธารณะชื่อว่า Elipse โดย Trump กล่าวกับผู้สนับสนุนในลักษณะเชิญชวนให้เดินทางไปที่ด้านหน้าตึกรัฐสภาสหรัฐฯ เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้นหลังจากที่ Trump ทวิตเตอร์โจมตีรองประธานาธิบดี Mike Pence ซึ่งทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาในการประชุมจากการที่ไม่ยอมแทรกแซงการรับรองผลการเลือกตั้งในสภาคองเกรสให้เขา จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัว Mike Pence อพยพออกจากอาคารทางอุโมงค์ใต้ดิน และประกาศให้สมาชิกที่เหลือสวมหน้ากากกันแก๊ส เพื่อเตรียมใช้แก๊สน้ำตา
ด้านโซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ ได้สั่งปิดบัญชีทวิตเตอร์ประธานาธิบดีสหรัฐเป็นเวลา 12 ชั่วโมง หลังพบว่า Trump ได้โพสต์คลิปวีดีโอสั้นที่มีเนื้อหาความรุนแรงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบดังกล่าว ซึ่งทวิตเตอร์เปิดเผยว่า เนื้อหาในคลิปดังกล่าวละเมิดนโยบายการกระจายข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อจะเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านเฟสบุ๊กก็ระงับการเผยแพร่วิดีโอนี้เช่นกันโดยบอกว่า การระงับคลิปวิดีโอนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของความรุนแรงที่จะเกิดในสถานการณ์นี้ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการฉุกเฉินที่เหมาะสมแล้ว
ด้านต่างประเทศ Boris Johnson นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้ประณามกลุ่มเหตุการณ์นี้ว่าเป็นความน่าอับอายของผู้สนับสนุนของประธานาธิบดี Trump และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนภาพอำนาจอย่างสันติ รัฐบาลไอร์แลนด์ ตำหนิว่าที่ประธานาธิบดีผู้กำลังพ้นจากตำแหน่งว่ากำลังโจมตีประชาธิปไตย รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีเรียกร้องผู้สนับสนุน ให้หยุดเหยียบย่ำประชาธิปไตย ประธานนโยบายต่างประเทศสหภาพยุโรปประณามเหตุการณ์นี้ว่า เป็นการโจมตีประชาธิปไตยในสายตาชาวโลก และรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ทวีตขอประณามการโจมตีอย่างรุนแรงต่อระบอบประชาธิปไตย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส