รายงานขององค์การการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ฉบับล่าสุดเมื่อ 24 มกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า ปี 2020 เม็ดเงินของการลงทุนโดยตรงจากชาติอื่น ๆ (Foreign direct investment (FDI)) ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติที่เข้าลงทุนกับจีนเป็นครั้งแรก (ไม่เคยลงทุนกับจีนมาก่อน) ไหลเข้าจีนถึง 163,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 4% และกำลังทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ได้รับค่า FDI ใหม่สูงที่สุดในโลกเทียบกับผู้ครองตำแหน่งนี้อยู่เดิมคือสหรัฐฯ ซึ่งปรากฏว่าปีที่ผ่านมา ค่า FDI อยู่ที่ 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเกือบครึ่งจากปี 2019
สำหรับมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในปี 2020 นั้น ปรากฏว่า ลดลงมาจากปี 2019 ถึง 42% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามถึงแม้จีนขึ้นครองอันดับหนึ่งในแง่การลงทุนใหม่จากต่างชาติ แต่หากวัดมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติโดยรวมแล้ว สหรัฐฯ ก็ยังคงมีค่า FDI ชนะจีนอยู่ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงช่วงระยะเวลาหลายสิบปีที่สหรัฐฯ ครองตำแหน่งประเทศที่มีน่าลงทุนสำหรับธุรกิจต่างชาติอยู่
โดยสถิติระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น สหรัฐฯ ทำสถิติค่า FDI สูงสุดไว้ในปี 2016 ที่ 472,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งขณะนั้นการลงทุนของต่างชาติที่ไหลเข้าจีนเพิ่งมีเพียง 134,000 ล้านเหรียญฯ แต่นับจากนั้นตัวเลขของจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ของสหรัฐฯ ก็ลดลงทุกปีตั้งแต่ปี 2017
หากพิจารณาเฉพาะการลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น พบว่าการลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมากกว่าจีน กระนั้นการขยายตัวเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวม จีนมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงฝ่าฟันภาวะวิกฤตโควิดตั้งแต่ปีที่แล้ว เศรษฐกิจจีนกลับฟื้นตัวอย่างรวดเร็วโดยมีอัตราขยายตัว 2.3% ในปี 2020 และเป็นประเทศใหญ่เพียงแห่งเดียวในโลกที่รอดพ้นภาวะถดถอย
นักวิเคราะห์จึงมองว่า รายงานของ UNCTAD ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าจีนกำลังเคลื่อนตัวมุ่งสู่ความเป็นจุดศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลก ซึ่งถูกครอบงำมายาวนานโดยสหรัฐฯ ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ศูนย์เพื่อการวิจัยทางเศรษฐศาสตร์และธุรกิจ (CRBR) ในสหราชอาณาจักร คาดการณ์ว่า จีนจะแซงสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ภายในปี 2028 อีกด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส