แอปเปิลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2014 (ตุลาคม-ธันวาคม) มีรายได้รวม 57,594 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 54,512 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีกำไรสุทธิ 13,072 ล้านดอลลาร์หรือราว 4.3 แสนล้านบาทไทย ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 13,078 ล้านดอลลาร์ โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 37.9%
บริษัทยังรายงานตัวเลขยอดขายที่น่าสนใจดังนี้
-
iPhone (รวมทุกรุ่น) ขายได้ถึง 51 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียว คิดเป็นรายได้รวม 32,498 ล้านดอลลาร์ โดยถือเป็นสถิติยอดขายสูงสุดภายในไตรมาสเดียว
-
iPad ก็ทำสถิติใหม่เช่นกันโดยขายได้ 26 ล้านเครื่อง คิดเป็นรายได้ 11,468 ล้านดอลลาร์
-
Mac ยังขายได้เกือบ 5 ล้านเครื่อง
-
iPod ขายได้ 6 ล้านเครื่อง
-
รายได้จาก iTunes และบริการอินเทอร์เน็ต 4.4 พันล้านดอลลาร์
-
รายได้จากการขายอุปกรณ์เสริม 1.9 พันล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Peter Oppenheimer เผยว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานไตรมาสล่าสุดนั้นสูงถึง 22,670 ล้านดอลลาร์ และบริษัทได้คืนเงินให้กับผู้ถือหุ้นผ่านการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนถึง 7,749 ล้านดอลลาร์ แต่นักวิเคราะห์ก็ยังมองว่าแอปเปิ้ลยังเติบโตน้อยเกินไป เติบโตเพียง 7% โดย Gene Munster นักวิเคราะห์จาก Piper Jaffray ที่วุ่นวายกับเรื่องแอปเปิ้ลมาหลายปีก็บอกว่าแอปเปิ้ลควรออกผลิตภัณฑใหม่ได้แล้ว
ยอดขายและการเติบโตของผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลในรอบนี้ สรุปว่า
-
การเริ่มขาย iPhone กับผู้ให้บริการในญี่ปุ่นอย่าง NTT docomo ทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่ไตรมาสนี้ก็ยังไม่รวมยอดขายที่จับมือกับ China Mobile ที่น่าจะถล่มถลายกว่านี้
-
ยอดขายแมคเติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012
-
แต่ iPod ขายได้น้อยลงเรื่อยๆ