World Cyber Games หรือ WCG มหกรรมแข่งเกมออนไลน์ระดับโลกที่เริ่มแข่งครั้งแรกเมื่อปี 2000 วันนี้ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วเมื่อ Brad Lee CEO ของบริษัท World Cyber Games Inc. ได้ส่งอีเมลหาพาร์ทเนอร์ที่ร่วมงาน WCG มาตลอดใจความว่า
ปีนี้ บริษัท World Cyber Games จะไม่จัดทัวร์นาเมนท์หรืออีเวนท์ใดๆ อีก รวมถึง World Cyber Games รอบชิงชนะเลิศ โดยการตัดสินใจนี้มาจากคณะกรรมการ WCG หลังจากพิจารณาเทรนด์โลกและสภาวะทางธุรกิจตอนนี้
นี่อาจเป็นข่าวช็อคโลกสำหรับคุณ เรารู้ ทีมงานทั้งหมดของ WCG ก็ตกใจเหมือนกัน
ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา พวกเราได้สร้าง WCG ให้เป็นงาน (เกม) ที่เจ๋งที่สุดในโลก เรามีช่วงเวลาดีๆ มากมายใน WCG ที่ท่านได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมา
ต่อไปนี้ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะหายไป แต่จิตวิญญาณของ WCG ก็ยังอยู่ตลอดไปในแฟนๆ และผู้เล่นแห่ง WCG ทุกคน
ชั่วโมงนี้ มันเป็นความเจ็บปวด ช่วงเวลานี้มันเป็นความยากลำบากของผมที่จะผ่านมันไป แต่ก็ต้องกล่าวอำลา WCG แล้ว
ผมหวังว่าบริษัทของคุณจะเจริญก้าวหน้าต่อไป แต่พาร์ทเนอร์ยังสามารถใช้แบรนด์ WCG ในประเทศของท่านได้ต่อไป และหวังว่าสักวันเราจะได้พบกันอีกครั้งBrad Lee World Cyber Games Inc. CEO.
แต่หลังจากที่จดหมายฉบับนี้เผยแพร่ได้ไม่นาน ก็มีแหล่งข่าวจากเกาหลีแย้งว่าพาร์ทเนอร์ไม่สามารถใช้แบรนด์ WCG ต่อได้ฟรีๆ มันต้องมีการคุยกันก่อน
World Cyber Games จัดขึ้นครั้งแรกในชื่อ WCG Challenge เมื่อเดือนตุลาคมปี 2000 ที่ประเทศเกาหลี สนับสนุนโดยซัมซุง, กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสารของเกาหลี โดยมีนักกีฬากว่า 174 จาก 17 ประเทศเข้าร่วม
จากนั้น WCG ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นทั้งในแง่ของจำนวนเกมที่ใช้แข่งขัน จำนวนนักกีฬา จำนวนประเทศที่เข้าร่วม จนพีคสุดใน WCG 2008 ที่มีนักกีฬากว่า 800 คนจาก 78 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันที่เมือง Cologne เยอรมัน การแข่งขันครั้งสุดท้ายคือ WCG 2013 จัดที่เมือง Kunshan ประเทศจีนเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ถึง 1 ธ.ค. 2013 นี้เอง
สาเหตุที่ทำให้การแข่งขัน WCG ต้องยุติลง ถ้าตีความตามจดหมายของ Brad Lee คือโลกที่เปลี่ยนไปแล้วเกมออนไลน์ลักษณะนี้ไม่ได้ดึงดูดผู้เล่น ผู้ชมได้เหมือนยุคก่อน ผู้คนหันไปสู่เกมในระบบอื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตมากขึ้น ทัศนคติของสังคมเริ่มมองเกมออนไลน์ในแง่ลบมากขึ้น ที่แม้แต่เกาหลีใต้เองก็พยายามผลักดันกฏหมายเพื่อควบคุมเกมออนไลน์มากขึ้น และงานอีเวนท์แข่งขันของเกมดังแบบเดี่ยวๆ นั้นสามารถดึงดูดคนได้มากกว่า
อย่างงาน WCG 2013 ครั้งล่าสุดก็มีผู้ชมเพียง 155,000 คน เมื่อเทียบกับงาน League of Legends Championship Series (LCS) ที่มีผู้ซื้อบัตรเข้างานที่ LA’s Staples Center จนเต็มความจุ 15,000 คนในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และมีผู้ชมออนไลน์กว่า 32 ล้านคน
เมื่อผู้คนให้ความสนใจน้อยลง การจัดอีเวนท์ใหญ่ขนาด WCG ที่นำเกมเมอร์ทั่วโลกมาแข่งร่วมกัน ต้องใช้เงินทุนมหาศาล จึงหาพาร์ทเนอร์ได้ยากขึ้น
แบไต๋ไฮเทคได้สอบถามความคิดเห็นจาก ทีม MiTH.Flashdive (มิด.แฟลชไดฟ์) ตัวแทนประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน League of Legends ใน WCG 2013 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้ความว่า
“รู้สึกเสียดายมากที่ World Cyber Game ต้องปิดตัวลง หลายคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่คิดว่าไม่ได้เป็นเรื่องเศร้าไปเสียหมด ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เกิดรายการแข่งขันอื่นๆ”
ลาก่อน World Cyber Games
ที่มา: OnGamers