การที่ Nokia หันมาทำ Android นั้น จะเรียกว่า “ไม่น่าแปลกใจ” เท่าใจสักเท่าใดนัก เพราะ ต่อให้ Windows Phone ประสบความสำเร็จแค่ไหนก็ตาม ก็ยังเป็นแค่ “ส่วนเดียวของที่ควรจะเป็นเท่านั้น” เพราะจากยอดขาย และ ปฏิกริยาตอบรับของลูกค้าเอง ก็เห็นได้ชัดว่า Windows phone นั้นมีที่ยื่นของตัวเอง แต่ไม่สามารถแย่งลูกค้าได้อย่างจริงจัง แถมเรือธงหลาย ๆ ตัวของ Nokia นั้น แม้ spec จะดีแค่ไหน ผู้ใช้งานก็ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนัก ยกเว้น รุ่นที่ทิ้งขาดกันจริง ๆ ไปเลยแบบ Lumia 1020 แต่ก็นั่นแหละ nokia เคยมีบทเรียนมาแล้วว่า “กล้องแทพแค่ไหน ก็ไม่ช่วยให้ขายได้” อย่าง Pure View 808 ที่มากับ Symbian และ กล้องเทพตัวแรก ผลที่ได้ก็เลย “ดับอนาถ” แบบไร้ที่กลบฝัง
ยิ่งมองกันชัด ก็จะเห็นว่ามีคนหลาย ๆ คน ใช้ Windows Phone เป็นเครื่่องหลักเพียงเครื่องเดียวอยู่บ้าง ตั้งแต่ ป้า ๆ ไปจนถึงวัยรุ่น แต่กลุ่มเป้าหมายหลัก ที่ใช้ Smartphone จริง ๆ จัง ๆ เปลี่ยนเครื่องได้ทุกปี น้อยคนนักที่จะถือ windows phone แค่เครื่องเดียว หากถามเหตุผลว่าเพราะอะไร อาจจะได้คำตอบที่เป็น pattern เดียวกันคือ
“มันก็ดีนะ แต่ ไม่มีเกมดังๆ น่ะ”
“มันก็ใช้ได้นะ แค่ลำบากต้องหาแอพมาแทนแอพเดิมที่เคยใช้”
ซึ่งนั่นคือคำตอบที่เหมือน “จำใจ” ใช้ มากกว่า must pick ที่่จุดแข็งของ windows phone เอง
ที่มาของภาพ: reviews.cnet.co.uk
สำหรับบางคนถ้าถามไปอีกว่า “ย้อนเวลากลับไปได้จะซื้อ windows phone ไหม?” คำตอบคือ “ไม่” เพราะซื้อมาแล้ว ทำได้ แต่ ไม่เหมือน หรือไม่เท่าคนอื่นเขา ได้ spec ที่เท่ากัน แต่เอาไปใช้ไม่ได้ ก็เท่ากับจ่ายเงินแพงโดยเสียเปล่า
Nokia เองก็รู้ตัวอยู่แล้วว่า Windows Phone ที่เป็น Smartphone OS ที่ 3 ของโลกนั้้น ห่างไกล กับที่หนึ่ง และ ที่สองอย่าง iOS , Android เสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในเรื่องของ App เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ App ใน Windows Phone ไม่มีนั้น ก็คงเป็นเพราะว่า การวางแผนที่่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น
โดย Windows phone ถูกออกแบบมาให้ต่างกับ OS อื่น ๆ อย่างมาก ทั้งรูปแบบ ทั้งลักษณะการใช้งาน ทำให้ภาระตกหนักไปที่ Dev แทน เพราะการออกแบบ App ใน iOS นั้น เมื่อเสร็จแล้ว ยังพอจะสามารถ port ไปใช้ กับ Android ได้ บางคนก็กลับกันจาก Android ไป iOS แต่ทว่า ไม่สามารถนำไปใช้งานกับ Windows phone ได้เลย ต่อให้ได้ ก็ไม่เข้ากับ UI ของ OS อยู่ดีนั่นแหละคือจุดแตกหัก
ที่ Dev มองว่า
“ทำ App ให้ windows phone ไป ไม่ค่อยคุ้ม”
ส่วน Nokia ก็คิดว่า
“ขายได้เยอะ ๆ เดี๋ยว Dev ก็มาเอง”
แต่ ผู้ใช้คิดว่า
“จะซื้อก็ต่อเมื่อ มี app ที่จะใช้ก่อน”
กลายเป็นลูปนรกไร้ที่สิ้นสุด แต่ก็ยังดีที่ Nokia กลับตัวทัน และคิดได้ว่า ทุกวันนี้สิ่งที่ลูกค้าต้องการ ไม่ใช่ spec หรือ service เฉพาะตัว แต่เป็น สิ่งที่ได้รับการยอมรับจากตนเอง และ สังคมต่างหาก แถมยังมีคำกล่าวที่ว่า
“Game จะดีแค่ไหน ถ้าเล่นคนเดียว ก็ไม่สนุกเท่ากับได้เล่นกับ เพื่อน”
“ให้ Office บน mobile ดีแค่ไหน แต่คนเราไม่ได้ซื้อมือถือเพื่อทำงานเพียงอย่างเดียวเสียเมือ่ไหร่?”
แต่อย่างที่เราเคยเล่าไปแล้วว่า AOSP นั้น มีด้านมืดของ Google อยู่ และ Nokia เอง ก็ไม่ได้โง่พอที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วกระโดดลงไปแข่งขันในสนามที่ “คู่แข่งเจ้าอื่น มีประสบการณ์ล้นเหลือ” อยู่แล้ว
ดังนั้นทาง Nokia จึงได้นำเอา Source Code Android แบบ Pure ที่ไม่ได้ไปยุ่งกับ Google Services ต่างๆเพื่อให้สามารถ Run Android App ได้น่าจะเป็นคำตอบที่สุด เพราะ Nokia เองก็เล็งเห็นว่า Service ของ Google ไม่ได้ดีอะไรนัก มีหลาย ๆ คนไม่ชอบด้วยซ้ำไป และหลายคนที่ว่านั้น ชอบ Service ของ Microsoft มากกว่า แต่ที่ไม่เลือก windows Phone เพียงเพราะ app ไม่มีเท่านั้นเอง…
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ Nokia เลือกคือ การพยายามทำให้ Android กลับมาเป็น open source จริง ๆ ที่ไม่ได้โดน Google ครอบงำ จนเป็นภาพ Google อย่างที่เห็นในทุกวันนี้ อย่าลืมนะครับว่า Android นั้นเปิดกว้างกว่า iOS และ windows phone มากนัก การ install app ผ่านทาง side load ต่าง ๆ เช่น install ด้วย .apk โดยตรงนั้น ง่าย และ ไม่ต้องทำอะไรกับเครื่องเลย
ในกลุ่ม Android User ทั่วไป อาจจะเคยชินกับ Google Play และ เมื่อ google play install มาในเครื่องแต่แรกแล้ว ก็ลืมไปว่า Android นั้น ยังมี App Store อื่น ๆ อยู่อีก ไม่ว่าจะเป็น moborobo, amazon แค่ เราไม่คุ้นเคย และ คิดว่า Android ต้องมี Play Store ไม่งั้นจะไม่ใช่ Android เพราะว่าโดน ฝ่ามือบังฟ้าของ Google นั่นเอง
ภาพต้นฉบับ: samuraifrog.blogspot.com
ดังนั้น Nokia X จึงเปิดตัวมาในราคาสูงสุด แค่ไม่เกิน 5,000 บาทเท่านั้น ระดับที่ ใคร ๆ ก็จับต้องได้ ใน spec เกือบดี แต่ก็ เก่งเกินราคาไปเยอะ
สิ่งที่่หลาย ๆ คนกังวล เรื่อง App นั้น อาจจะไม่เป็นปัญหากว่าที่คิดก็ได้ เพราะการ port App ที่เคยส่งขึ้น play store ไปนั้น พัฒนาบน Android SDK อยู่ แล้ว ส่วน Nokia X ที่่ ใช้ Nokia Store ก็เป็น Android เหมือนกั้น เดี๊ย ๆ แค่ไม่โดน Google ครอบงำ ดังนั้น ขอเพียง dev เหล่านั้นไม่ได้แง่งอนอะไรกับ Nokia ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ port app มาลง nokia store เพราะต้นทุน ต่ำมาก แต่ โอกาสเพิ่มขึ้นเยอะ
สำหรับ Google แล้ว Nokia X เป็นเสมือนกองหน้าของกลุ่มกบฏ ที่มีเป้าหมายปลดแอก Android จากการครอบงำของ Google เลยก็ว่าได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ Google กลัวที่สุด เสมอมา ขนาดใน Mobile Application Distribution Agreement ที่เคยหลุดออกมานั้น ยังเคยระบุไว้เลยว่า “ห้ามเอา Android ไปพัฒนาต่อเป็นเป็นของตัวเอง” ไม่งั้นจะตัดสิทธิ์ไม่ให้ใช้มีแอปของ Google ในผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นต่อไป หรือ ข่าวที่ Google ใช้ Android เป็นตัวประกัน ไม่ให้ Acer พัฒนา Aliyun OS
ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าท้าทาย Google เพราะ การพัฒนา OS มาพยายามแย่งตลาดนั้น เป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดนัก อีกทั้งการ ดึงเอาแค่ Source Code ของ Android ไปพัฒนาต่อ ต้องมีระบบ Service ต่าง ๆ รองรับ ซึ่ง Brand ต่าง ๆ ไม่มี และ ไม่เข้มแข็งพอ แต่ Nokia มี Microsoft Service มาหนุนหลังอยู่ ทำให้ Nokia พร้อมที่จะ ยื่นศาลท้าต่อ Google พลักดันให้ Android เป็น Open Source สำหรับ Smartphone ที่แท้จริง ปลดแอกจาก ข้อผูกมัดต่าง ๆ
ภาพต้นฉบับ: www.funnyjunk.com
ถ้า Nokia ทำสำเร็จหล่ะก็ การแข่งขันของ โลก Smartphone จะเปลี่ยนไปหมด ความต่างด้าน Service และ เอกลักษณ์เฉพาะตัวจะเพิ่มขึ้น ผิดกับตอนนี้ที่ ทุกยี่ห้อ เหมือน ๆ กันไปหมด ต่างกันแค่ Feature ของ hardware บางอย่างเท่านั้น ซื้อ Android ตัว Top สักตัวแล้ว ไม่มีแรงจูงใจให้ซื้อ Android ตัวที่สอง ต่อให้มีความจำเป็นต้องใช้สองตัวก็ตาม ทางเลือกจะไปอยู่ที่ iOS หรือ Windows Phone แทน แต่ในอนาคต เราจะมีตัวเลือกได้ว่า จะเอา Android ทีใคร modify แทน เลยก็ได้ ส่วน Google เอง ก็จะสูญเสียรายได้มหาศาล เพราะ เมื่อผู้ผลิตมือถือมีทางเลือกแล้ว ไยเลยต้องผูกติดอยุ่กับแค่ Google
ที่มาของภาพ: www.wpcentral.com
ในแว่บแรกนั้น ผมยอมรับเลยว่า Nokia x ไม่อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แต่ เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบต่าง ๆ แล้ว กลับพบว่า nokia จงใจ ออกราคาไม่สูงมาก แต่ Spec เหลือเฝือ เพื่อ แสดงให้เห็นว่า Android ที่พัฒนา โดย Nokia นั้น เบา และ คุ้มค่ากว่า Android ที่โดน Google ครอบงำมากนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง