หลังจากผ่านพ้นยุคทองของกล้องฟิล์มมากว่า 20 ปี ค่ายที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของกล้อง SLR อย่าง PENTAX ก็ได้หวนคืนบัลลังก์ความเป็นแอนะล็อกอีกครั้ง ด้วยเจ้า ‘PENTAX 17‘ กล้องฟิล์มแบบ Half frame ที่เรียกว่าออกมาได้เหมาะเจาะกับยุคฟิล์มแพงแบบนี้เสียยิ่งกะไร
และในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ทาง บริษัท อิสต์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ก็ได้เชิญทีมงาน BT beartai ให้ไปร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ณ Fotoclub BKK เพื่อที่จะมาบอกเล่าความประทับใจของกล้องตัวแรกใน ‘Film Camera Project’ ของทาง PENTAX แล้วที่มาที่ไปเป็นยังไงถึงกลายมาเป็นกล้องตัวนี้
โดย PENTAX 17 เปิดราคาไทยมาแล้วที่ 19,990 บาท เปิดให้พรีออร์เดอร์กันได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 28 มิถุนายน 2567 และมีกำหนดรับของในช่วง 10 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไปครับ
สเปกหลัก PENTAX 17
- เป็นกล้องฟิล์มแบบ Half Frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2 (72 ภาพ)
- เลนส์ 25mm F3.5 (เทียบเท่าประมาณ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม)
- ช่องมองภาพแนวตั้ง Albada bright-frame viewfinder บอกเฟรมปกติ และระยะโคลสโฟกัส
- โฟกัสด้วยระบบ Zone Focus 6 ระยะ
- โฟกัสใกล้สุด 0.25 เมตร
- มีแฟลชในตัว GN 6
- มีโหมด Auto เป็นมิตรกับมือใหม่
- สปีตชัตเตอร์ 1/350 วินาที ถึง 4 วินาที
- มีโหมด Bulb
- รูรับแสง F3.5-16
- รองรับฟิล์ม ISO 50, 100, 25, 160, 200, 400, 800, 1600, 3200
- ใช้ระบบ Leaf shutter ทำให้ Sync flash ได้ทุกค่าสปีด
- ช่องเสียบสายลั่น 2.5mm
- เน้นฟีลลิงการกรอฟิล์มด้วยก้านแบบ Manual สไตล์ SLR ในอดีต
- มาในบอดี้สีเงิน วัสดุทำจาก Magnesium alloy แข็งแรงทนทาน
- ใช้ถ่าน CR2 lithium 1 ก้อน (ใช้ถ่ายฟิล์ม 36 ภาพ ได้ราว ๆ 10 ม้วน ต่อ 1 ก้อน)
หวนคืนสู่ความเป็นแอนะล็อก ด้วย Half frame ถ่ายสนุกได้คูณ 2
สำหรับเจ้า PENTAX 17 ตัวนี้ ถูกออกแบบมาให้เป็นกล้องฟิล์มแบบ Half frame ครับ จุดเด่นหลัก ๆ ของกล้องประเภทนี้คือความประหยัดฟิล์ม ที่สามารถใช้ฟิล์ม 35mm แบบปกติ แต่ถ่ายออกมาได้มากถึง 72 ภาพ (กล้องฟิล์ม 35mm ทั่วไปถ่ายได้ 36 ภาพ) และในยุคที่ฟิล์มแพงแบบนี้ ฟิล์มม้วนหนึ่งก็บอกเลยไม่ใช่ถูก ๆ ไหนจะค่าล้าง ค่าสแกนอีก จึงทำให้กล้องประเภทนี้ค่อนข้างตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้ดีทีเดียวครับ
โดยที่ชื่อรุ่น 17 ก็มาจากขนาดของฟิล์มในฟอร์แมตกล้อง Half frame ที่เป็น 17 x 25mm นั่นเอง (Full frame 36 x 24mm) พร้อมกับ Font ที่เอาจากกล้องฟิล์มตัวดังในอดีตอย่าง PENTAX 67
และกว่าจะมาเป็นกล้องที่ผลิตออกมาขายจริง PENTAX ก็ได้ใช้เวลาพัฒนาถึง 2 ปี จนได้ PENTAX 17 ออกมา ซึ่งถูกพัฒนาจากทั้งวิศวกรหน้าใหม่ และมือเก๋าที่เกษียณตัวเองไปแล้วก็กลับมาช่วยในโปรเจกต์นี้อีกด้วย เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นกล้องที่ผสมผสานฟีลลิงการใช้งานแบบแอนะล็อกที่น่าคิดถึงจากยุคก่อนเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ได้ครับ
สัมผัสแรกกับเจ้า PENTAX 17
เกริ่นทำความเข้าใจกันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว สัมผัสแรกกับเจ้า PENTAX 17 ค่อนข้างต่างจากความคิดในหัวตอนประกาศพัฒนาในปี 2022 ของผู้เขียนพอสมควร เพราะตอนแรกคิดว่ากล้องตัวนี้น่าจะออกไปทางแนว SLR มีกะโหลกเท่ ๆ หน่อย เพราะเน้นยำถึงฟีลลิงการขึ้นก้านฟิล์มอยู่หลายครั้ง
แต่พอมาได้เจอตัวจริงครั้งแรกก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกันที่ออกมาเป็นทรง Compact Rangefinder แบบนี้ ซึ่งพอพลิกไปพลิกมาก็ต้องบอกว่า เออ มันดูเท่เหมือนกันนะ แม้จะไม่เหมือนกับอิมเมจในหัวตอนแรก แต่ยิ่งดูก็ยิ่งชอบ
แถมวัสดุที่เอามาใช้ทำตัวกล้องก็ไม่ธรรมดานะครับ ชิ้นบอดี้ส่วนบนกับส่วนล่างทำมาจากวัสดุ Magnesium alloy ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทาน แถมมีน้ำหนักเบา ตามปกติแล้วกล้อง Half frame จะมีน้ำหนักไม่ค่อยมากอยู่แล้ว แต่เจ้า PENTAX 17 เรียกว่าทำออกมาได้เบามาก แค่ 290 กรัมเท่านั้น พกติดกระเป๋าได้ทุกวันไม่น่าจะใช่ปัญหา มาในสีโทนดำตัดเงินคล้าย ๆ สีไทเทเนียมดูมีความพรีเมียมพอสมควร
PENTAX ยังคำนึงถึงผู้ใช้งานหน้าใหม่ ทำให้ PENTAX 17 เป็นกล้องที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายครับ มีทั้งโหมด Auto โหมด Bokeh สำหรับสั่งให้กล้องใช้รูรับแสงกว้างสุดเพื่อเล่นกับการละลายฉากหลัง โหมดพระจันทร์สำหรับใช้ในที่แสงน้อย โหมด Bulb สำหรับสายลากสปีด โดยที่แป้นไดอัลจะแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ๆ คือ
- Auto – ปล่อยทุกอย่างให้กล้องจัดการ
- โซนกรอบสีเหลือง – สำหรับยิงแฟลชให้ทุกครั้งที่ลั่นชัตเตอร์
- โซนกรอบสีขาว – ไม่ยิงแฟลช
มาพร้อมกับเลนส์ 25mm F3.5 (เทียบเท่าประมาณ 37mm บนกล้องฟูลเฟรม) ที่เป็นชิ้นแก้วจริง ๆ ไม่ใช่เลนส์พลาสติกแบบกล้อง Half frame รุ่นอื่น ๆ ในตลาดครับ เรื่องคุณภาพนี่บอกว่าไว้ใจได้แน่นอน ตอนที่นั่งดูภาพตัวอย่างในงานก็ค่อนข้างประทับใจอยู่เหมือนกัน บางคนก็บอกว่า Character มันคล้ายกับ Ricoh GR ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคม
ที่เป็นแบบนี้ได้เพราะตัวกล้องเองผลิตด้วยเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะชิ้นเลนส์ ระบบวัดแสง หรือแม้แต่การคำนวนต่าง ๆ ภายในตัวกล้องเอง เรียกว่าใครใช้กล้องฟิล์มไม่เป็น ยื่นใส่มือให้บิดโหมด Auto ก็ได้ภาพมาเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลกับตัวกล้องมากนัก กับฟีลลิงของการขึ้นก้านฟิล์มเองที่ PENTAX เขาย้ำนักย้ำหนาจุดชูโรงของกล้องรุ่นนี้ที่ทำออกมาได้สัมผัสที่นิ่มนวลชวนให้นึกถึงความหลังเก่า ๆ
ด้านระบบโฟกัส PENTAX ตัดสินใจใช้เป็นแบบ Zone focus หรือกะระยะ 6 ระดับ ไล่ไปตั้งแต่มาโครใกล้สุด 0.25 เมตร ที่เป็นรูปดอกไม้, ถ่ายคนครึ่งตัว, ถ่ายคู่, ถ่ายภาพหมู่, ถ่ายวิว ไปจนถึง Infinity ครับ ซึ่งเวลาใช้กล้องเราจะเห็นระยะต่าง ๆ ที่ปรับได้ทะลุผ่านช่องมองภาพเลย แต่ถ้าระยะละเอียดไม่พอที่ข้างเลนส์เขาก็เขียนระยะแต่ละช่วงไว้ให้ว่าโฟกัสที่ระยะกี่เมตร
มาว่าถึงช่องมองกันบ้าง ช่องมองตัวนี้เป็นแบบแนวตั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามเอกลักษณ์ของกล้อง Half frame นั่นเองครับ และด้วยความที่เป็น Rangefinder การเล็งเฟรมจะใช้เฟรมอยู่ 2 แบบ ด้วยกันคือใช้กรอบใหญ่สำหรับการถ่ายภาพปกติ และกรอบเล็กสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ ซึ่งในการถ่ายภาพมาโครก็มีทริกเล็ก ๆ อยู่เหมือนกัน คือยืดสายคล้องกล้องที่แถมมาให้ออกไปให้สุด ตรงนี้จะเป็นระยะ 0.25 เมตร พอดีครับ เอาไปกะใช้งานกันได้
//สิ่งที่รู้สึกติดใจก็จะมีแค่จุดที่กล้องจะคำนวณค่ากล้องต่าง ๆ ให้เอง ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยครับ เพราะตัวกล้องไม่บอก แต่ด้วยความที่เป็นกล้องยุคใหม่จึงน่าจะไม่เป็นปัญหามากนัก กล้องมันฉลาดอยู่ ~
จุดเด่นของกล้องฟิล์มรุ่นใหม่ที่ผลิตในปี 2024
ถ้าพูดกันตรง ๆ กล้องฟิล์มในตลาดล้วนเป็นกล้องที่มาจากอดีตเกือบทั้งหมดครับ เพราะฉะนั้นอายุของมันก็มากแล้ว การซ่อม หรือหาอะไหล่ก็ทำได้ยาก ต้องพึ่งฝีมือช่างกันล้วน ๆ ผิดกับ PENTAX 17 ที่ทางแบรนด์ผลิตขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นก็มีเรื่องการรับประกันให้ด้วย ใช้งานกันได้แบบหายห่วง มีศูนย์บริการพร้อมดูแล
รวมถึงระบบภายใน และสเปกต่าง ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้ความสามารถในการวัดแสง และคำนวณค่าต่าง ๆ ก็เหมือนกล้องดิจิทัลในยุคนี้นี่ละครับ แค่มันเป็นฟิล์มเท่านั้น การใช้งานก็ทำได้ง่ายขึ้น คล่องตัวกว่ากล้องยุคก่อนที่ระบบอาจจะยังไม่ดีมากนัก
ส่งท้าย
PENTAX 17 กล้องฟิล์มตัวแรกใน Film Camera Project ซึ่งในอนาคตคาดว่า PENTAX เองก็น่าจะปล่อยกล้องฟิล์มในระดับที่โปรกว่าออกมาอีก ครั้งนี้ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ การที่มีกล้องฟิล์มรุ่นใหม่เปิดตัวในปี 2024 ก็ทำให้กระแสกล้องฟิล์มกลับมาคึกคักกันทีเดียว !
สุดท้ายต้องขอบคุณทาง บริษัท อิสต์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ที่เชิญทีมงาน BT Beartai ไปร่วมงานในครั้งนี้ครับ