อุตสาหกรรมกล้องดิจิทัลต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาครับ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โควิด-19 การเติบโตของสมาร์ตโฟนที่มีกล้องที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยปัจจุบันจะเรียกว่าเป็นช่วงขาลงของอุตสาหกรรมนี้แล้วก็ว่าได้ และนี่กราฟที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในยุครุ่งเรืองไปจนถึงจุดต่ำสุดระหว่าง 70 ปีที่ผ่านมาไว้ในภาพเดียว แบบเข้าใจง่าย

Statista

กราฟตัวนี้เผยแพร่โดย Statista ที่เป็นการรวมข้อมูลการจัดส่งกล้องตั้งแต่ปี 1951 จนถึงปี 2023 จากทาง Camera and Imaging Products Association (CIPA) ที่เก็บบันทึกข้อมูลของสมาชิกอย่าง OM Digital (Olympus เดิม), Canon, FUJIFILM, Sony, Nikon, Panasonic ฯลฯ เอาไว้ครับ

เรามาวิเคราะห์ไปทีละช่วง สำหรับยุคเริ่มต้นในยุคฟิล์มนั้นการเติบโตตั้งแต่ปี 1951 ไปจนถึงช่วง 1970 เป็นไปอย่างช้า ๆ ครับ จะมาเริ่มพีกจริง ๆ หลังยุค 1980 ไปจนถึงปี 2000

ก่อนจะเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านมายังตลาดดิจิทัล และระหว่างปี 2000 ถึง 2010 ช่วงนี้เองครับที่เรียกว่าเป็นยุครุ่งเรืองของตลาดกล้องที่แท้จริงก็ว่าได้ มีการจัดส่งกล้องกว่า 120 ล้านตัว/ปี ก่อนจะค่อย ๆ ถดถอยลงหลังจากปี 2010 จนไปถึงปี 2023 เรียกว่ายอดตกลง 94% เลยทีเดียว

การที่ตลาดกล้องค่อย ๆ หดตัวลงจนถึงจุดต่ำสุดก็มาจากการมาของสมาร์ตโฟนนี่ล่ะครับ ที่คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องพกกล้องเพิ่มอีกตัวในชีวิตประจำวันแล้ว เพราะสมาร์ตโฟนเป็นให้ได้หมดทุกอย่าง ทั้งการติดต่อสื่อสาร ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม และแน่นอนว่ากล้องถ่ายรูปด้วยนั่นเอง แถมคุณภาพสมาร์ตโฟนในปัจจุบันเองก็พัฒนามาไกลมาก ทั้งขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นระดับ 1″-type (1 นิ้ว) เทียบเท่ากล้อง Compact Hi-end หลาย ๆ รุ่นกันแล้ว ไหนจะ AI ในกล้อง และการถ่ายภาพแบบ Computational photography ที่มีความสะดวกมากกว่า ถ่ายแล้วได้ภาพสวยเลย จากการคำนวณเป็นล้าน ๆ คำสั่งตั้งแต่ที่เรากดชัตเตอร์

กลายเป็นว่ากล้องจริง ๆ กลับกลายเป็นของเฉพาะกลุ่มไป อย่างสำหรับมืออาชีพการใช้กล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ ก็จะให้ภาพที่ดีกว่าแน่ ๆ หรือกลุ่มคนที่ต้องการคุณภาพมากกว่าที่สมาร์ตโฟนทำได้ แต่คนส่วนใหญ่เองก็น่าจะพึงพอใจแล้วกับคุณภาพที่สมาร์ตโฟนตอนนี้ให้ได้…

ย้อนกลับไปยังยุครุ่งเรืองของตลาดกล้องดิจิทัล แม้ว่าทางแบรนด์กล้องส่วนใหญ่จะได้รับความสนใจจากกล้องรุ่นเรือธง แต่จริง ๆ แล้วกล้องที่ขับเคลื่อนตลาดในยุคนั้นกลับเป็นกล้อง Compact ต่างหากครับ หากลองมองกลับไปดี ๆ สมัยนั้นเรียกว่ามีกันแทบทุกบ้าน แถมออกแบบมาให้ตัวเล็ก กะทัดรัด บอดี้สวย ให้ภาพที่ดีกว่ามือถือในยุคนั้นจึงเป็นที่นิยมกันในวงกว้าง

แต่ในปีที่ผ่านมากล้อง Compact กลับมียอดจัดส่งรวมกันทั้งหมดเหลือ 1.7 ล้านตัวเท่านั้น กลายเป็นการล่มสลายของกลุ่มกล้องที่เคยพยุงตลาดนี้เอาไว้เมื่อ 10 กว่าปีก่อนอย่างสมบูรณ์…

ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นสำรวจพบว่ามีครัวเรือนในประเทศประมาณ 48.6% เท่านั้นครับที่เป็นเจ้าของกล้องถ่ายรูป บวกกับข้อมูลจาก Statista เผยว่าคนญี่ปุ่นเองเป็นเจ้าของกล้องเพียงประมาณ 30% เท่านั้น ถ้านับจากจำนวนประชากร ไม่รวมถึงชาติอื่น ๆ อย่าง เยอรมนี, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อินเดีย, จีน, เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ที่มีจำนวนเจ้าของกล้องไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ

Statista

ขัดแย้งกับข้อมูลเมื่อ 5 ปีก่อน ที่หลายประเทศมีเจ้าของกล้องสูงเกินกว่า 50% เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็บ่งบอกได้ชัดเจนทีเดียวครับว่าตลาดกล้องในปัจจุบันหดตัวลงแค่ไหน

สรุปตลาดกล้องกำลังจะล่มสลายจริง ๆ ไหม !?

ถ้าถามว่าตลาดกล้องถ่ายรูปจะล่มสลายลงไปไหม อันนี้ก็ต้องบอกว่า “ไม่” ครับ เพราะในงานมืออาชีพเองก็ยังต้องใช้กล้องที่มีคุณภาพสูงอยู่ หรืออย่างคนที่อยากยกระดับการถ่ายภาพของตัวเองที่เริ่มจากสมาร์ตโฟน ก็อาจขยับมาเป็นกล้องดิจิทัลในภายหลังเหมือนกัน

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งกล้องสมาร์ตโฟนมีคุณภาพสูงเทียบเท่ากล้องดิจิทัลขึ้นมาจริง ๆ อันนี้ก็น่ากลัวพอสมควร แต่การจะให้ภาพที่ดีขึ้น ด้านฮาร์ดแวร์ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์, เลนส์ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญครับ จะให้มิติภาพ คุณภาพดีขึ้นขนาดก็ต้องใหญ่ตามไปด้วย สมาร์ตโฟนเองไม่น่าจะเหมาะกับตรงนี้ ก็ต้องใช้ซอฟต์แวร์แทน ก็ต้องมารอดูละครับว่าการถ่ายภาพแบบ Computational Photography จะพัฒนาไปได้ถึงขั้นไหนในอนาคต