ในปัจจุบันกระแส Nostalgia กำลังมาแรง อย่างเทรนด์ Y2K ที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่คนยุคใหม่โหยหาความรู้สึกที่จางหายไปในอดีตแต่ยังจดจำได้ในความทรงจำ ค่ายกล้องที่สืบทอดจิตวิญญาณจากแบรนด์ภูเขาไฟ Olympus อย่าง OM System เองก็ได้ใช้จุดนี้มาเป็นกิมมิคในกล้องรุ่นใหม่กับเขาบ้าง กับ ‘OM System OM-3‘ กล้องมิเรอร์เลส Micro Four Thirds ดีไซน์เรโทรทรงเดียวกับกล้องฟิล์มในตำนาน แต่จัดเต็มด้วยสเปกจากรุ่นเรือธงตัวล่าสุด แถมโหมดปรับสีแบบใหม่สุดละเอียด จบหลังกล้องได้โดนใจ

และเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทีมงาน BT เราก็ได้ไปร่วมเปิดตัวเจ้ากล้อง OM-3 ที่จัดโดย BIG Camera ร่วมกับ Piccasus กันมาเป็นที่เรียบร้อยครับ บทความในครั้งนี้จะมาแชร์ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัสเจ้ากล้องตัวนี้ว่ามีจุดไหนน่าประทับใจบ้าง ฟีเจอร์ไหนน่าใช้ เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยครับ

สเปก OM System OM-3
- เซนเซอร์ Micro Four Thirds 20.4 ล้านพิกเซล Stacked CMOS
- ชิปประมวลผล TruePic X Dual Quad Core Processor
- กันสั่น 5 แกน ชดเชยสปีดชัตเตอร์ได้ถึง 6.5 สต็อป (สูงสุด 7.5 สต็อปเมื่อใช้กับเลนส์ Sync IS)
- ISO 80-25600 (ขยายสูงสุด 102400)
- ระบบโฟกัส Cross-type phase detection AF 1,053 จุด
- AI detection AF – Formula cars, rally cars, motorcycles / Aircrafts, helicopters / Bullet trains, standard trains, steam locomotives / Birds / Dogs, cats / Human Detection
- ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 6fps (mechanical shutter), 120fps (electronic shutter)
- สปีดชัตเตอร์สูงสุด 1/8000 (mechanical shutter), 1/32000 (electronic shutter)
- 4K60p 10-bit 4:2:2, Full HD 240p
- โปรไฟล์สี HLG, OM-log
- ช่องมองภาพ EVF ความละเอียดสูง 2.36 ล้านจุด กำลังขยาย 1.65x (0.82x ฟูลเฟรม)
- จอ LCD 3 นิ้ว 1.62 ล้านจุด
- Live-ND 7 สต็อป, Live Composite, Focus Stacking, HDR, Starry Sky AF
- High Res Shot 80 / 50MP
- โหมดใหม่ Live Graduated ND เหมือน OM-1II
- ซีลกันละอองน้ำกันละอองฝุ่น IP53
- SD Card 1 ช่อง รองรับ UHS-II
- พอร์ตไมค์, หูฟัง, Micro HDMI, USB-C
- Wi-Fi (2.4GHz/5GHz), Bluetooth 4.2
- บอดี้ทำจากแมกนีเซียม / อะลูมิเนียม
- แบตเตอรี่ BLX-1
- ขนาด 139mm x 89mm x 46mm
- น้ำหนัก 496 กรัม (รวมแบตเตอรี่)
- เมาท์ Micro Four Thirds
สัมผัสแรก OM-3 กล้อง M4/3 ดีไซน์หล่อเหมือนหลุดมาจากยุคฟิล์ม
สำหรับ OM-3 ต้องบอกว่าดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกล้องฟิล์มตัวท็อป Olympus OM-1 ช่วงยุค 1970s แบบเต็ม ๆ เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงหรือไดอัลปรับค่าต่าง ๆ ที่ด้านบนตัวกล้องที่ใส่มาถึง 4 ไดอัล พร้อม ‘Creative Dial’ ไดอัลด้านหน้าสำหรับปรับโหมดสีแบบเดียวกับซีรีส์ Pen-F อีก 1 ตำนานของกล้องโอลิมปัสในอดีตก็ถูกนำกลับมาอีกครั้งในรุ่นนี้

การจับถือแว๊บแรกที่ได้สัมผัสคือจับถนัดกว่าที่คิดไว้จากดีไซน์ของ thump grip ด้านหลังมีความนู้นออกมาเล็กน้อย แทนในส่วนด้านหน้าบอดี้ที่ถูกออกแบบมาเรียบ ๆ คล้ายกับกล้องฟิล์ม OM-1 นั้นเองครับ และเช่นเดียวกับ Pen-F ไดอัลด้านหน้าสำหรับปรับโหมดสีค่อนข้างมีความคมในระดับหนึ่งครับ ถ้าอยากจับให้ถนัดจริง ๆ คงต้องรออุปกรณ์เสริมมาติดเพิ่มเสริมความหล่อตามคาด



สนุกกับโทนสีในแบบของตัวเองด้วย Creative Dial

ทีเด็ดคือเรื่องสีนี่ละครับ ที่ทำให้ OM-3 ต่างจากรุ่นอื่น ๆ เพราะเขาเพิ่มฟีเจอร์ปรับสีได้แบบละเอียดใส่มาให้เป็นรุ่นแรก ทำให้นอกจากหน้าตาที่หล่อแล้ว ยังทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพได้มากขึ้นเหมือนมีฟิล์มซิมของค่ายกล้องเพื่อนบ้านที่เราสามารถปรับแต่งแจกสูตรสีกันได้ อยากได้โทนแบบได้หาสูตรมาลองปรับกันได้ และเชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีคนทำสูตรสีฟิล์มต่าง ๆ ออกมากันอีกเพียบ !
โดยไดอัลปรับสีจะมีอยู่ด้วยกันสีโหมดด้วยกันครับ ได้แก่ Color Profile, Color Creator, Monochrome Profile และ Art Filter
- Color Profile: 4 โหมด ให้อารมณ์โทนภาพแนวฟิล์ม
- Monochrome Profile: 4 โหมด แนวฟิล์มขาวดำ
- Color Creator: โหมดปรับสีแบบอิสระปรับได้ถึง 12 ระดับ
- Art Filter: ฟิลเตอร์สี 16 แบบ ให้ความเข้นข้นของสีสำหรับ Dramatic Tone และแนว Vintage
ในสมัยก่อนหลังเข้ายุคดิจิทัลเป็นต้นมากระแสส่วนใหญ่ในตอนนั้นคือเน้นกล้องที่ให้สีสันที่เที่ยงตรง แต่ในปัจจุบันมีหลายคนไม่น้อยครับที่ชอบภาพที่เหมือนใส่โทนมาให้แล้วแบบการแต่งภาพหรือลงรูป IG ซึ่งเจ้า Creative Dial กับฟีเจอร์ปรับสีละเอียดที่ถูกใส่มาใน OM-3 นี่แหละที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้มาก ๆ (รวมถึงผู้เขียนก็ด้วย)

ภาพตัวอย่างที่ถ่ายโดย OM System OM-3








สเปกภายในระดับเรือธง และฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ด้านสเปกภายในต้องบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลใด ๆ เลยครับ เพราะยัดมาให้แบบเดียวกับรุ่นเรือธง OM-1II ที่เราเคยรีวิวไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์รับภาพ M4/3 20.4 ล้านพิกเซล แบบ BSI Live MOS และชิปประมวลผลภาพ TruePic X image processor นั่นแปลว่า OM-3 สามารถยิงรัวสูงสุดได้ถึง 120fps (แบบ Lock focus) และสูงสุด 50fps แบบ AF-C รวมไปถึงสเปกจุดโฟกัสต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโฟกัสแบบ cross-type 1,053 จุด หรือโหมด Pro capture ที่สามารถถ่ายภาพล่วงหน้าสูงสุดก่อนกดชัตเตอร์ได้ถึง 70fps แน่นอนว่าสเปกเหมือนกันขนาดนี้ยังใช้แบตฯ รุ่นเดียวกันอย่าง BLX-1 รวมถึงฟีเจอร์ในโหมดวิดีโอ 4K60p 10-bit 4:2:2 มี HLG, OM Log สำหรับสายเกรดสี

สิ่งที่แตกต่างกันคงจะเป็นช่องเสียบการ์ดที่รุ่นนี้ใส่ได้ช่องเดียวแบบ SD UHS-II ชุดกันสั่น 5 แกน 6.5 สต็อป และ สูงสุด 7.5 สต็อป เมื่อใช้กับเลนส์ Sync IS (เทียบกับ 8.5 สต็อป ใน OM-1II) สเปกช่องมองภาพที่ลดหลั่นลงมาเป็น EVF 2.36 ล้านจุด กำลังขยาย 1.23 – 1.37x (เทียบกับ 5.76 ล้านจุด กำลังขยาย 1.48 – 1.65x) แต่ในส่วนจอ LCD พับได้รอบทิศระบบสัมผัสคงใช้ความละเอียดเท่ากันที่ 1.62 ล้านจุด รวมไปถึงมาตรฐานกันละอองน้ำละอองฝุ่น IP53 ยังคงเหมือนกันครับ

แน่นอนว่าฟีเจอร์ใหม่อย่าง Graduated Neutral Density filter สำหรับเกลี่ยสีท้องฟ้าแบบไม่ต้องพก ND ก็มีใส่มาให้ รวมไปถึงโหมด High Res Shot 80MP (แบบใช้ขาตั้ง) / 50MP (ถือถ่ายด้วยมือ) สำหรับในสถานการณ์ที่ต้องการต้องการความละเอียดสูง การถ่ายภาพซ้อน หรือโหมด Focus Stacking ในงานที่ต้องการชัดลึกอย่างมาโครก็มีมาให้ใช้งานเช่นกันเพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ราคา
OM System OM-3 ประกาศราคาในไทยอยู่ที่
- OM SYSTEM OM-3 Body Only ราคา 68,990 บาท
- OM SYSTEM OM-3 Kit (พร้อมเลนส์ M.Zuiko Digital ED 12-45mm F4.0 PRO) ราคา 79,990 บาท