หลังจากเผยโฉมครั้งแรกไปเมื่องาน CES 2021 ที่ผ่านมา Sony ได้เปิดตัวโดรนตัวแรกในชื่อรุ่น ‘Airpeak S1’ โดรนสำหรับมืออาชีพที่สามารถแบกกล้องตระกูล Sony Alpha อย่างซีรีส์ A7, A9, A1 หรือกล้องถ่ายภาพยนตร์อย่าง FX3 ถ่ายทั้งภาพนิ่ง หรือวิดีโอแบบจัดเต็มได้เลย

บินได้อย่างมั่นคงแม้จะเจอกระแสลมแรง
Airpeak S1 ได้รวมเอาเทคโนโลยีหลาย ๆ ด้าน รวมไปถึงเทคโนโลยี AI และวิทยาการหุ่นยนต์ กับสเปกยาวเหยียด ทำให้สามารถจับภาพได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รองรับน้ำหนักกล้องได้สูงสุด 2.2 กก. เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 50 ไมล์/ชม. ได้ใน 3.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 55.9 ไมล์/ชม.
ซึ่งอัตราเร่งของ Airpeak S1 เร็วกว่า DJI Inspire 2 และยังมี top speed สูงสุดแซงหน้าโดรนที่รับน้ำหนักได้มากอย่าง DJI Matrice อีกด้วย
ตัว Airpeak S1 เองยังสามารถบินในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยได้เสถียรที่สุดในโดรนระดับเดียวกัน ทำมุมพิตช์สูงสุด 55 องศา และยังสามารถทนต่อแรงลมได้สูงถึง 44.7 ไมล์/ชม. เลยทีเดียว ลมแรงก็ไม่กลัว
Sony ยังกล่าวว่าตัว Airpeak S1 สามารถต้านทานแรงลมได้ดีกว่า DJI Inspire ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน และตัว DJI Matrice 200 ก็ยังคงไม่สามารถรักษาตำแหน่งคงที่ได้เท่ากับเจ้า Airpeak S1 ตัวนี้
ระยะเวลาในการบิน
ด้วยความสามารถที่จัดเต็มชนาดนี้ก็ต้องมีสิ่งที่ต้องแลก นั้นคือเวลาใช้งานของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้สูงสุด 22 นาที แบบไม่ติดตั้งกล้อง และเพียง 12 นาทีเท่านั้นเมื่อติดกล้องอย่าง Sony A7sIII พร้อมเลนส์ 24mm f/1.4 GM

กล้องตรวจจับการชน 5 ตัว กำหนดพื้นที่การบิน 3D แบบเรียลไทม์
มีกล้องตรวจจับการชน 5 จุด รอบตัวโดรน ทั้งด้านหน้า, ด้านหลัง, ซ้าย, ขวา และด้านล่าง ทาง Sony ยังกล่าวอีกว่ามี Vision Sensing Processor ประมวลผลข้อมูลกล้องด้วยความเร็วสูงแต่ใช้พลังงานต่ำ รวมกับอัลกอริธึมของ Sony เอง ทำให้สามารถประเมินตำแหน่งพื้นที่ และวางแนวการบินได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์ แม้บินในอาคารหรือใต้สะพานก็ตาม

โดยจะใช้กล้องทั้ง 5 ตัว สำหรับกำหนดพื้นที่ 3D สำหรับบินโดรนให้มีความเสถียรที่สุด และยังติดตั้งระบบควบคุมการบินประสิทธิภาพสูงอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล Inertial Measurement Unit (IMU), ทิศทาง, ความดันอากาศ รวมไปถึงอินฟราเรด
การควบคุม
การควบคุมจะใช้แอป Airpeak Flight ที่มีบน iOS และ iPadOS เท่านั้น (ของแอนดรอยน่าจะตามมาทีหลัง) ซึ่งสามารถควบคุมโดรนแบบ dual operation mode ให้คนหนึ่งคุมโดรนอีกคนคุมกล้องได้ รวมไปถึงการบอกสถานะ หรือปรับค่าต่าง ๆ ของตัวโดรน โดย Sony ยังได้เปิิดตัว Airpeak Base สำหรับวางแผนการบินอีกด้วย

การติดตั้งกล้อง และกิมบอล
ในการติดตั้ง และเชื่อมต่อกับกล้องตระกูล Sony Alpha หรือ FX3 จะใช้ผ่านพอร์ต USB และ HDMI โดยรองรับเลนส์ทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 14 มม. ถึง 85 มม. และตัวกิมบอลขายแยกนะครับ… ไม่ได้รวมมากับตัวโดรน

ราคา
Sony Airpeak S1 มีราคาอยู่ที่ 9,000 เหรียญ หรือประมาณ 280,000 บาท (ไม่รวมกิมบอล) โดยจะเปิดให้สั่งจอง และมีกำหนดส่งมอบในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2021 นี้ ส่วนในไทยคงต้องลุ้นกันหนักหน่อยว่าจะเข้ามาขายรึเปล่า
ในชุดจะมาพร้อมกับตัวโดรน, ใบพัด 4 ใบ, รีโมต, แบตเตอรี่ 2 ก้อน และที่ชาร์จ และอย่างที่กล่าวไปตัวกิมบอลขายแยกครับ
อ้างอิง: PetaPixel
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส