เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2022 ที่ผ่านมา ทางทีมงานแบไต๋เราได้มีโอกาสไปร่วมงานเปิดตัวของเจ้า ‘Canon EOS R5 C‘ กล้องฟูลเฟรม 8K สาย hybrid ที่รวมเอากล้องมิเรอร์เลส EOS R5 เซนเซอร์ 45 ล้านพิกเซลกับเทคโนโลยีจากกล้องระดับภาพยนตร์ EOS Cinema System ไว้ในตัวเดียว ยกระดับ work flow งานวิดีโอให้ง่าย และราบรื่นกว่าเดิม ถ่าย 8K/60p internal RAW ได้ยาว ๆ ไม่ต้องกลัวกล้องร้อน!
สเปกพื้นฐานของ Canon EOS R5 C
- เซนเซอร์ Full frame CMOS 45 ล้านพิกเซล
- ชิปประมวลผล Digic X
- ภาพนิ่งสเปกเดียวกับ EOS R5 แต่ตัดกันสั่น 5 แกน 8 สต็อปออก
- Electronic IS
- บันทึกวิดีโอ 8K/60p RAW 12-bit ในตัวกล้องผ่าน CFexpress Type B ได้
- 8K/30p 10-bit MP4
- Slowmotion 4K/120p 4:2:2 10-bit All-i
- ไม่มีครอป
- บันทึกวิดีโอได้ไม่จำกัดเวลาในทุกความละเอียด
- มีระบบพัดลมระบายความร้อน
- Work flow การทำงานระดับกล้อง Cinema EOS
- ระบบโฟกัส Dual Pixel II อันเลื่องชื่อ
- Canon-Log3, HDR PQ, HLG
- DCI 17:9 และ UHD 16:9
- XF-AVC, MP4
- 1 CFexpress 2.0 Type B + 1 SD card UHS-II
- พอร์ตหลัก ๆ เหมือน EOS R5
- Micro HDMI, Time Code
- Multifunction Shoe
- รองรับ XLR adapter
- RF-mount
- น้ำหนัก 770 กรัม (รวมแบตเตอรี่, การ์ดทั้ง CFexpess และ SD)
เล่าถึงประสบการณ์สัมผัสตัวจริง Canon EOS R5 C
สำหรับ EOS R5 C รูปร่างหน้าตาก็ยังคล้ายกับ EOS R5 แต่ body จะมีความหนามากขึ้น ปุ่มชัตเตอร์เป็นสีแดงที่มองแต่ไกลก็รู้ว่าเน้นในงานวิดีโอแน่นอน และด้วยความที่สเปกภาพนิ่งถอดมาจาก EOS R5 เรื่องไฟล์หรือระบบโฟกัสนี่ก็ยังคงทำได้ดีเหมือนเดิม รวมไปถึงการจับถือ ในส่วนนี้เราจะขอไม่พูดถึงเพราะคาดว่าน่าจะทราบกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าแค่เติมพัดลมระบายความร้อนมาแล้วก็จบนะครับ ในส่วนของ work flow สำหรับงาน cinema นี่คือจัดมาเต็มเพื่อตอบโจทย์สายงานระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา UI ที่เหล่าคนที่ใช้กล้อง cinema คุ้นเคยรวมไปถึงระบบในการควบคุม
เข้าใจตรงกันก่อน ว่าในส่วนสเปกเราคงจะไม่ได้คุยกันแบบละเอียด ๆ ระดับเจาะลึก เพราะในเว็บไซต์หลักก็มีเขียนไว้ให้แล้ว ครั้งนี้จะมาเน้นประสบการณ์ที่ได้รับจากที่ไปลองจับตัวจริงของเจ้ากล้อง EOS R5 C ในส่วนต่าง ๆ กันนะครับ ?
เริ่มกันด้วยในรุ่นนี้มีระบบความคุมแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Direct Touch Control’ ถูกใส่เพิ่มเข้ามา ทำให้เราไม่ต้องไปปรับค่าทีละปุ่มหรืองมหากันที่ตัวกล้องกันให้เสียเวลา ทั้งรูรับแสง, ISO หรือค่าอื่น ๆ ก็เลื่อนเปลี่ยนค่าจากหน้าจอได้เลย ใครที่คิดว่ามือจะพลาดไปกดโดนรึเปล่าอันนี้สบายใจได้ครับ Canon เขาคิดมาแล้ว โดยจะมีปุ่มเล็ก ๆ ไว้เปิดใช้ฟังก์ชันนี้ที่มุมซ้ายล่างของจอ ไม่พลาดเผลอไปกดเองได้ง่าย ๆ แน่นอน แถมมีปุ่มที่ custom เองได้มากถึง 13 ปุ่ม จะตั้งปุ่มไหนให้ทำอะไรก็ตามใจผู้ใช้เลย ส่วน Dual Base ISO ในโหมดต่าง ๆ อยู่ที่เท่าไร EOS R5 C ก็มีบอกในเมนูเลย ไม่จำเป็นต้องไปนั่งจำกันแล้วนะ
ในตอนที่ EOS R5 ออกมาใหม่ ๆ คนก็บ่นกัน ว่าถ่าย 8K ได้ไม่นานก็ overheat กล้องดับกล้องตัด ตัวนี้บอกเลยถ่าย 8K/60p RAW (Camera RAW Light) กันแบบยาว ๆ ไม่มีตัดไม่มีจำกัดเวลา ถ่ายกันจนแบบร้องขอชีวิต (แต่จะถ่ายระดับ 8K/60p แนะนำจะต้องต่อแหล่งจ่ายไฟภายนอกด้วยนะ) อันนี้ต้องขอบคุณพัดลมสำหรับระบายความร้อนที่ใส่มาให้ ตัวกล้องหนาขึ้นนิดหน่อยแต่ถ้าเทียบน้ำหนักกับ EOS R5 คือตัวนี้หนักกว่า 30 กรัมเท่านั้นครับ ไม่ใช่ประเด็นเท่าไร
แถมพัดลมตัวนี้จากที่ลองมาเสียงนี้ถือว่าเบาทีเดียว เลือกปรับรอบพัดลมได้ตามใจ เวลาตอนพักกล้องหรือตอนถ่ายจะให้พัดลมหมุนแบบ minimum หรือ maximum ก็ได้ สมมุติตอนถ่ายตั้งแบบ minimum ไว้ เสียงก็จะเงียบไม่รบกวนไมค์มาก แล้วตอนหยุดอัดค่อยให้มันทำงานแบบ maximum ระบายความร้อนออกเต็มสูบก็ได้ อันนี้ Canon เคลมว่าเรื่องฝุ่นเข้าพัดลมไม่ต้องกลัว ใช้ blower เป่าได้เลยฝุ่นไม่เข้าไปในตัวกล้อง แต่เรื่องโดนน้ำนี่ไม่ขอแนะนำครับ
ส่วนที่ทีมงานเห็นแล้วรู้สึกว้าวมาก ๆ เลย คือเมนูรายงาน status ของกล้องตัวนี้ที่ีละเอียดระดับบอกความร้อนของการ์ด CFexpress ได้! แม้จะมีพัดลมกล้องไม่ร้อนจริงแต่ถ้าถ่ายระดับ 8K/60p RAW จำนวนข้อมูลมหาศาลขนาดนั้นการ์ดก็ยังร้อนอยู่นะครับ เมนูตัวนี้บอกค่าทุกอย่างให้หมดเลยในที่เดียว ถ้าไปไล่เมนูหาแบบกล้องภาพนิ่งกว่าจะได้ถ่ายคงเป็นชั่วโมงแน่ ๆ
ในส่วนพอร์ตต่าง ๆ ก็ยังคงเหมือน EOS R5 แต่จะมีการเพิ่มในส่วนไฟ ‘Tally Light’ ไว้บอกว่า เออเรากำลังบันทึกวิดีโออยู่นะ, ‘multifuction shoe’ หรือช่องเสียบแฟลชเดิมที่ตอนนี้รองรับระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับ XLR adapter แบบ balance ได้ พร้อมเพิ่มพอร์ตอย่าง ‘Timecode’ ไว้สำหรับถ่ายพร้อมกันหลาย ๆ กล้อง เวลาตัดจะได้สะดวกหน่อย เสียดายก็แต่ HDMI ที่เป็นแบบ Micro ถ้าได้เป็น Full size จะแจ่มมากเลย
แบตเตอรี่ (LP-E6NH) และกริป (WFT-R10) ก็ยังใช้ตัวเดิมของ EOS R5 ได้ แต่สำหรับใครที่จะใช้ฟังก์ชัน Wi-Fi ก็ต้องติดกริปนะครับไม่ได้อยู่ที่ตัวกล้อง ในส่วนแบตเตอรี่จะถ่ายได้นานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเฟรมเรต ยิ่งเฟรมเรตสูงก็ยิ่งกินพลังงาน ไม่เกี่ยวกับความละเอียดนะ
ต้องบอกว่า EOS R5 C เป็นกล้อง hybrid ที่ทำงานได้ดีทั้งในส่วนภาพนิ่ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิดีโอที่อัดแน่นใส่มาให้ใน body ตัวแค่นี้ แต่ส่วนใครที่อยากได้กันสั่น 5 แกน 8 สต็อปสำหรับสายภาพนิ่งคงต้องไป EOS R5 แทนนะครับ EOS R5 C มีให้แค่ Electronic IS เท่านั้น (มันใช้ในภาพนิ่งไม่ได้)
ราคา
Canon EOS R5 C ราคาไทยเฉพาะ body อยู่ที่ 159,900 บาท ซึ่งถ้าจองภายใน 31 มี.ค. 2022 นี้ก็จะมีโปรโมชันพิเศษ แถม CFexpress 512GB & CFexpress Card Reader (มูลค่า 25,790 บาท) มาให้ด้วย
พร้อมกับโปรต่อที่ 2 ฉลองครบรอบ 35 ปี Canon EOS System (เมื่อซื้อ EOS R5 C ภายในวันที่ 30 เม.ย. 2022)
- รับส่วนลด 35% สำหรับแลกซื้อ Mount Adapter EF-EOS R 0.71x
- และรับส่วนลดเงินคืน 4,000 บาท เมื่อซื้อเลนส์ RF 24-70mm f/2.8L IS USM และ / หรือ RF 70-200mm f/2.8L IS USM
สุดท้ายต้องขอขอบคุณทาง Canon ที่เชิญไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วยครับ ?
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส