โลกเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงรวดเร็วทุกปีนะครับ จากปีก่อนๆ ที่ Wearable Computer มาแรง น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชีวิตประจำวัน แต่มาปี 2016 นี้ กระแสกลับตกลง อาจเพราะผู้ใช้เริ่มมองเห็นว่ามันเป็นภาระมากกว่าใช้แล้วสะดวกสบายขึ้น หรือย้อนกลับไปไกลอีกหน่อย Tablet ก็เคยเป็นกระแสที่มาแรงมากๆ เมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่ปัจจุบันคนก็ไม่ค่อยสนใจกันแล้ว กลับไปมุ่งเน้นกันที่สมาร์ทโฟนเหมือนเดิม
เอาแหละ แล้วในปี 2016 ที่ผ่านมา เว็บแบไต๋คิดว่ามี Gadget อะไรที่โดดเด่นออกมาบ้าง มาดูกัน
PlayStation VR
ปี 2016 นี้ถือเป็นปีปฐมบทของการนำ VR หรือ Virtual Reality เข้าสู่ตลาดผู้บริโภคอย่างแท้จริงนะครับ หลังจากที่ล้มเหลวมาตลอดจากเทคโนโลยีที่ยังพัฒนาไม่ถึงขั้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งแม้คนที่ปลุกกระแส VR ให้กลับมาบูมได้จะเป็นแว่น Oculus Rift จากเฟซบุ๊ก แต่คนที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้จริงๆ กลับเป็น Sony PlayStation VR ต่างหาก
จุดเด่นของ PlayStation VR คือการทำงานร่วมกับเครื่อง Sony PlayStation 4 ทำให้ราคารวมทั้งระบบที่เข้าสู่โลกเสมือนได้นั้นถูกกว่าแว่น VR ประสิทธิภาพสูงค่ายอื่นๆ ถึงเท่าตัว (PlayStation 4 + VR ราคาราว 35,000 บาท ในขณะที่ราคานี้เพิ่งได้ตัวแว่น Oculus Rift หรือ HTC Vive แต่ยังไม่ได้คอมที่ใช้เล่นเลย) ทำให้ผู้ใช้มีโอกาสได้ใช้มากกว่า
นอกจากนี้การที่มันต่อกับเครื่อง PlayStation 4 ทำให้มีเกมสนับสนุนการทำงานกับแว่น PlayStation VR มากมาย ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดีจริงๆ ซึ่งสนับสนุนให้ระบบนี้เติบโตต่อไปได้ในอนาคต
DJI Mavic Pro
เจ้าแห่งโดรนจากจีนอย่าง DJI ทำให้ผู้ใช้อย่างเราได้ตื่นเต้น และตบหน้าบริษัทอเมริกาอย่าง GoPro ที่คิดส่งโดรนลงตลาดอย่างจังด้วย Mavic Pro โดรนตระกูลล่าสุดของบริษัทที่สามารถพับจนเหลือขนาดนิดเดียว พกพาง่าย แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าโดรนรุ่นพี่อย่าง Phantom 4 เลย
จุดเด่นของ DJI Mavic Pro คือเมื่อพับแล้วจะมีขนาดเล็กมากๆ เหลือขนาดราว 20 x 8 x 8 cm เท่านั้น โดรนตัวนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนของวงการเลย จากเดิมที่จะต้องมีกระเป๋าใส่โดรนใบใหญ่ๆ ตอนนี้ Mavic Pro ย่อจนเหลือกระเป๋าใบนิดเดียว ก็เที่ยวถ่ายภาพสวยๆ จากทั่วโลกได้แล้ว นอกจากนี้มันยังสามารถถ่ายวิดีโอความคมชัดสูงในระดับ 4K พร้อมชุด Gimbal ป้องกันภาพสั่นไหว 3 แกน ยังในตัวยังมีเซนเซอร์อีกมากมายที่ช่วยให้การบินสมูท หลบสิ่งกีดขวางได้เอง ลงจอดอย่างนุ่มนวล แถมเครื่องยังแรง สามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงสุด 65 km/h และบินได้นานสุด 27 นาทีด้วย
สำหรับในไทย DJI Mavic Pro ขายอยู่ราวๆ 42,000 บาทครับ ก็ถูกว่า DJI Phantom 4 นะ
Dyson Supersonic
ไดร์เป่าผมเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราก็คิดไม่ออกว่ามันจะปรับปรุงไปแนวไหนได้อีก แต่ Dyson เจ้าแห่งเครื่องดูดฝุ่นและระบบไหลเวียนของอากาศจากอังกฤษก็คิดสร้างไดร์เป่าผมในรูปแบบใหม่ออกมาอย่าง Dyson Supersonic ที่ให้ลมแรง แต่มีน้ำหนักเบา และควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ
เนื่องจาก Dyson นั้นเป็นบริษัทวิศวกรรมเกี่ยวกับอากาศอยู่แล้ว มีองค์ความรู้เกี่ยวกับมอเตอร์ดิจิทัล และการสร้างระบบไหลเวียนลมมากมาย ไดร์เป่าผม Supersonic จึงจุดเด่นหลายอย่าง ทั้งระบบวัดอุณหภูมิลมที่ออกจากเครื่อง 20 ครั้งใน 1 วินาที ทำให้อุณหภูมิของลมเป่าผมคงที่ และมอเตอร์ดิจิทัล V9 ที่อยู่บริเวณด้ามจับ ก็ช่วยลดขนาดของไดร์เป่าลมลงได้ ซึ่งการที่มอเตอร์ตัวนี้หมุนด้วยความเร็ว 110,000 รอบต่อนาที ทำให้เสียงมอเตอร์ที่ออกจากเครื่องกลายเป็นคลื่นเสียงความถี่สูงที่เราไม่ได้ยิน Supersonic จึงทำงานได้เงียบกว่าไดร์เป่าผมทั่วไป
Dyson Supersonic อาจเป็นไดร์เป่าผมที่ล้ำหน้าที่สุดในปี 2016 แต่ราคาแตะ 14,000 บาท (ในต่างประเทศ) ก็ทำให้หลายคนเบือนหน้าหนีจากไดร์ตัวนี้ไปเหมือนกัน
Nintendo Famicom mini และ NES Classic Edition
ใครจะไปคิดว่าปี 2016 เราจะยังตื่นเต้นกับ Gadget ที่จำลองเครื่องเกมโบราณในยุค 80s อย่างเครื่อง Nintendo Famicom ได้ แต่เพราะว่ามันทำออกมาดีนะสิ เราถึงอยากเก็บเป็นของสะสมกัน!
Famicom Mini และ NES Classic Edition เป็นเครื่องเกมย่อส่วนจากของจริงที่ออกมาเมื่อ 30 ปีก่อน โดยปรับปรุงระบบให้รองรับกับทีวีรุ่นใหม่ๆ ด้วย จึงมีพอร์ต HDMI และโหมดการปรับภาพที่เลือกได้ว่าจะเลียนแบบภาพจอโค้งในยุคเดิม หรือจะปรับให้คมชัดสูงสุดกับทีวีสมัยใหม่ และยังมาพร้อม 30 เกมชื่อดังในยุคนั้นให้ได้เล่นกัน อย่าง Donkey Kong, Mario 1-3, Zelda 1-2, Rockman 2, Super Contra, Excitebike, Kirby แต่ไม่สามารถเพิ่มเกมใหม่ๆ ลงไปได้
ตัวเครื่องออกมาใน 2 รูปแบบคือ Famicom Mini สำหรับขายในญี่ปุ่นเป็นเครื่องขาว-แดง ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี มีเกมเฉพาะเครื่องอย่าง Downtown Nekketsu, Solomon’s key ให้เล่น และอีกเวอร์ชั่นคือ NES Classic Edition ก็เป็นรุ่นย่อส่วนของเครื่องที่ขายในยุโรปและอเมริกา มีเกมเฉพาะเครื่องอย่าง Kid Icarus, Punch-Out!!, Castlevania 2 ให้เล่นกัน
สำหรับราคาขายในต่างประเทศของเครื่องทั้ง 2 รุ่นนี้อยู่ที่ราวๆ 2,000 บาท ส่วนเข้าไทย ราคาก็กระโดดมาอยู่ราวๆ 3,500 บาทครับ
Panasonic Viera DX900
Gadget ชิ้นสุดท้ายที่แบไต๋สนใจในปีนี้ก็ขอดูที่จอโทรทัศน์กันบ้างครับ ปีนี้ผู้ผลิตต่างมุ่งทำจอ UHD หรือจอ 4K ให้มีคุณภาพดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก และจอ 4K ระดับท็อปที่แบไต๋สนใจในปีนี้คือ Panasonic Viera DX900 ขนาด 65 นิ้ว ความละเอียด 4K – 3,840 x 2,160 pixel ที่เน้นเรื่องคุณภาพของภาพมากๆ
DX900 เป็นจอ LED รุ่นแรกของโลกที่ผ่านมาตรฐาน Ultra HD Premium จากกลุ่ม UHD Alliance การันตีคุณภาพของภาพที่ออกมาอย่างดีเยี่ยม รองรับการแสดงผลวิดีโอแบบ HDR ที่ต้องการความสว่างของจอมากๆ ด้วยโครงสร้างหลอด LED ด้านหลังจอแบบ Honeycomb Panel ที่มีหลอดไฟกระจายตัวกันอยู่ 512 จุดทั้งจอภาพ จึงสามารถกำหนดแสงสว่างในแต่ละจุดได้ ส่วนไหนของภาพที่เป็นสีดำก็ปิดหลอดไฟด้านหลังไป ทำให้ได้สีดำที่ลงลึกกว่าจอทั่วไป และด้วยเทคโนโลยี Hexa Chroma Drive Pro ทำให้แสดงสีสันได้ครอบคลุม 98% ของขอบเขตสีมาตรฐานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ (DCI-P3) จึงทำให้ภาพที่ออกจากจอนี้สดใส สมจริง
นอกจากนี้ Viera DX900 ยังได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านสีของฮอลลีวูด และผ่านมาตรฐาน THX Certified Display ผู้ใช้จึงสามารถเลือกโหมดสีแบบ THX เพื่อให้ภาพยนตร์ที่เปิดผ่านจอ DX900 ได้สีสันที่ตรงกับต้นฉบับมากที่สุดอีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ Panasonic Viera DX900 เป็นโทรทัศน์ไม่กี่รุ่นที่เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Firefox OS เพื่อทำงานในส่วน Smart TV ก็สามารถลงแอปเพิ่มเติมได้ ดู Youtube, Netfilx หรือบริการไทยอย่าง Mono Maxx ได้ นอกจากนี้ยังสามารถท่องเว็บและดู Youtube 4K ได้ผ่าน Firefox ในเครื่องอีกด้วย
แต่ที่อาจจะโหดร้ายที่สุดก็คือราคาครับ ด้วยเทคโนโลยีหน้าจอระดับสูงแล้ว ทำให้ DX900 ตั้งราคาขายในไทยไว้ 129,990 บาท ใครที่สนใจก็ลองไปดูได้ตามร้านเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ