ซาอุดิอาราเบีย ประเทศที่ผลิตและส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 1 ของโลก มี GDP รวมอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเหรียญในปี 2023 คิดเป็นอันดับ 17 ของโลก (ไทย GDP 1.59 ล้านล้านเหรียญ อันดับที่ 23) แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศผลิตน้ำมัน แต่ในอีกแง่หนึ่งซาอุฯ เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลก เฉลี่ยปีละ 500 ล้านตัน หรือประมาณ 1.8% ของปริมาณคาร์บอนทั้งหมดในโลก ทำให้ซาอุฯ เริ่มมองหาทางออกใหม่โดยการเลิกหวังพึ่งน้ำมันอีกต่อไป พร้อมทั้งเตรียมสร้างเมืองใหม่และใช้เทคโนโลยีชั้นสูงให้ทั่วโลกตะลึง
มกุฎราชกุมารของซาอุดิอาราเบียคือ โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน (Mohammad bin Salman) ได้เสนอแผน ‘Saudi Vision 2030’ (เสนอไว้ตั้งแต่ปี 2016) ซึ่งเป็นแผนพัฒนาเมืองและขับเคลื่อนนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อลดการพึ่งพาการขายน้ำมัน ที่นับวันยิ่งได้รับความนิยมน้อยลงภายในปี 2030 โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่เมืองนิอุม (NEOM) ด้วยงบประมาณที่สูงถึง 5 แสนล้านเหรียญ (ประมาณ 18 ล้านล้านบาท)
NEOM มาจากคำว่า Neo ซึ่งแปลว่า ‘ใหม่’ ในภาษากรีก และ Mustaqbal แปลว่า ‘อนาคต’ ในภาษาอารบิก ให้ภาพลักษณ์ของเมืองแห่งอนาคตทั้ง 4 ได้แก่ The Line เมืองแนวตั้ง ที่มีความยาวกว่า 170 กม. และความกว้าง 200 เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด 100% และใช้กระจกเป็นกำแพงตลอดทางลากผ่านตั้งแต่ชายฝั่งทะเลแดงไปสู่ภูเขา
The Line ออกแบบเป็นพื้นที่อยู่อาศัยสูงถึง 500 ม. หากนึกไม่ออก ให้ลองเทียบกับตึกมหานคร (315 ม.) หรือหอไอเฟล (330 ม.) การเดินทางภายใน The Line อาศัยรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งนึงไปถึงอีกฝั่งเพียง 20 นาที การสร้างเมืองแนวตั้งแบบนี้เป็นการลดใช้พื้นที่ธรรมชาติเหลือเพียง 2% แต่อนุรักษ์ธรรมชาติได้มากถึง 95% เลยทีเดียว
เมืองแห่งอนาคตที่สองคือ Oxagon เขตอุตสาหกรรมลอยทะเลรูปทรงแปดเหลี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการผ่ากลางเพื่อให้เรือบรรทุกสินค้าเข้ามาจอดเทียบท่าได้ ตั้งอยู่บริเวณทะเลแดงใกล้กับคลองสุเอซ คลองที่มีการขนส่งสินค้ามากที่สุดในโลก มีพื้นที่กว่า 200 ตร.กม. สถานที่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% พร้อมทั้งระบบการจัดการ AI ที่ทันสมัยสุด ๆ
เมืองแห่งอนาคตที่สามคือ Trojena เมืองตากอากาศในเทือกเขาของนิอุม ที่เนรมิตลานสกีกลางแจ้งเป็นแห่งแรกในคาบสมุทรอาหรับ ใครจะไปคิดว่าเมืองทะเลทรายจะมีลานสกีที่เล่นได้ทั้งปีเป็นของตัวเอง รวมถึงมีทะเลสาบให้กีฬาทางน้ำ การเดินป่าและปั่นจักรยานเสือภูเขา ไปจนถึงโซนดูแลสุขภาพ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักกิจกรรมเลยก็ว่าได้ คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2026 เพื่อใช้เป็นที่รับรอง 2029 Asian Winter Games ด้วย
เกาะแห่งอนาคตที่สุดท้ายคือ Sindalah เกาะที่มีความยูนีค ครอบคลุมพื้นที่ 840,000 ตร.ม. เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนใจให้แก่เรือยอชต์กลางทะเลแดง เชื่อมต่อกับทะเลเมดิเตอเรเนียน ที่รวบรวมรีสอร์ตหรูและวิลล่ากว่า 500 ยูนิต ภัตตาคาร, บีชคลับ, จุดดำน้ำ, จุดล่องเรือ ไปจนถึงสนามกอล์ฟอีกด้วย
แม้เราจะเห็นความเทคโนโลยีและไอเดียสุดล้ำ รวมถึงความเป็นไปได้ในการสร้างเมืองแห่งอนาคตของซาอุฯ แต่ก็ปฏิเสธคำถามที่ตามมาไม่ได้ว่า ก่อนจะไปถึงความยั่งยืน ซาอุฯ ต้องแลกกับอะไรบ้าง ทั้งปริมาณ Carbon Footprint ที่จะเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง (นักวิชาการคาดการณ์ว่าจะผลิตคาร์บอนรวมกว่า 1.8 กิกะตัน) หรือประเด็นเรื่องวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง Huwaitat ที่ถูกรัฐบาลขับไล่และประหารชีวิตเพื่อใช้ในการสร้างเมือง NEOM ด้วย เพราะประวัติศาสตร์โลกสอนเรามาหลายครั้งหลายคราแล้วว่า ความศิวิไลซ์มักจะแลกมาด้วยการทำลายวัฒนธรรมเสมอ
ที่มา NEOM
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส